8 กรกฎาคม 2547 13:15 น.
เอกมาศ
มาลัยห้อยเศร้า
โอ้ มาลัยคืนนี้ไซร้แสนรันทด
คล้ายทรงกรดจันทราสมาสโมสร
รักพี่กลายเป็นดอกร้อยสร้อยพุดกรอง
เอามาคล้องสอดไว้กับความลวง
มาลัยเจ้านี้พี่แสนรัก
มาหัก อก รักร้างราว่าใหญ่หลวง
ดุจมาลัยพลันหล่นจากวิมานมวล
มาลัยพี่นี้ล้วน...ตกต้องเวหาศทราย
ฝากรักฝากมาลัยมธุรส
ในความรันทดจดชีพนี้สิ้นที่หมาย
มาลัยรักหล่นแล้วแก้วดาราราย
คงมิหมายได้คืนแล้ว แก้วตา
เคยคล้องให้เจ้าในคืนแห่งแสงจันทร์
มาลัยพวงนั้นดังนุชสุดเสน่หา
กลายจากรักร้างสู่มาลัยลา
คล้องใจในหัตถา...ต่างฟ้าต่างค่ำคืน
........................เอกมาศ กับ มาลัย ที่ห้อยไว้กับความเศร้า...........
6 กรกฎาคม 2547 23:27 น.
เอกมาศ
จดหมายรัก
จดหมายฉบับนี้ ฉันมีความหมาย
ส่งถึงจากคนไกล ส่งมาให้หมายฟัง
จดหมายจากนี้ ฉันมีความหลัง
ส่งแล้วหลังจากกัน และยังหวังให้กลับมา
อักษรที่พรอดเขียน ฉันเพียรเรียงภาษา
ให้สดสวยสะอาดตา และลงท้ายว่า...คิดถึงเธอ
จดหมายฉบับรัก แทนสลักแทนรักเสมอ
จากนี้แม้ไม่พบเจอ สัญญาเสมอ...รักเธอตลอดไป
....จดหมายเอยจดหมาย หมายจะมาให้หมายจดจำคำ.....แม้นส่งไม่ถึง ซึ่งจากคนซึ่ง..จากกบใจกัน...ขอให้ฉันได้เขียนถ้อยคำถึงเธอเอย...แม้นจะไม่พบกัน
10 มิถุนายน 2547 10:51 น.
เอกมาศ
.........I follow the Moskva. Down to Gorky park.....lisening to the wind of change. ............
สายลมแห่งการเปลี่ยนแปลง
ฉันเดินเท้าเปล่าบนถนนเปลี่ยว
ฉันดายเดียว จาก มอสโกว
กำแพงกั้นใจกั้นห่างใช่ใหญ่โต
พรากฉันห่างโหนคน ห่างไกลตา
ฉันเดินเท้าเปล่าอยู่คนเดียว
ที่สายลมเชี่ยวเดือนสิงหา
ฉันเห็นทหารที่พร่ำเพลงมา
ร่ำ รำพันลาถึงลูกเมีย
กีดกำแพงที่ กั้นขวาง
ตัดเส้นทางปิดกั้นเสียง
ร่ำเพลงเก่าที่เล่าเรียง
ยังสายลมที่เปลี่ยนไป
เด็กน้อย แห่ง รุ่งอรุณ
เจ้าจะฝัน ถึงพรุ่ง วันไหน
เสียงเจ้าแผดก้องถึง ห่างไกล
อิสรภาพ ไหน- ใย ต้องจองจำ
เรื่อยรอน ถึง จรจน
สายลม โพยพัด ฉ่ำ
ใต้ธง เคียว และ ค้อน ค้ำ
กับความทรงจำที่ ปวดใจ
เฉกวันนี้ ฉันรู้สึก
ความล้ำลึกเมื่อหลงไหล
อนาคต ยามร่ำไร
รู้สึกได้ ทุกเวลา
แล้วนั่น ฉัน อัศจรรย์
กับคืนวัน ที่ห่างหา
อิสรภาพที่ จากลา
สายลมข้า......เมื่อเปลี่ยนแปลง
แรงบันดาลใจ นี้จาก ความไพเราะแห่ง เสียงเพลง ที่ก้องดัง จาก มอสโกว์ ถึง เบอร์ลิน .....ขอขอบคุณ The Scorpions อมตะ ร็อกเกอร์ แห่ง ด๊อยช์ลันด์ และ ที่สำครัญ ที่สุด ....ขอขอบคุณ .....The Wind of change......
สงวนสิทธิ์
9 มิถุนายน 2547 10:03 น.
เอกมาศ
......... เห่.....คราครวญ..........
กราบนั้นชายพื้นโลก วาสนาโบกพัดโพยพา
กึ่งชีพที่อัปรา กับกัลยาที่ร้างรัย
กราบเจ้าครองพิภพ ให้ตายตกเป็นวิสัย
ห่อนพี่นี้เศร้าใจ ซ่อนรักหักไว้ในฤดี
ตราตรูคู่จันทรา แต่พี่ยาอาจรัศมี
ทิพาวงศ์คงบ่มี เท่าพี่นี้ที่ลำเข็ญ
แฉล้มนวลนางพักตร์ ปฏิพัทธ์แรกพบเห็น
คิดเจ้าอยู่เช้าเย็น เห่ เห็น เห็น จ่นสนธยา
ร้ายนักเรื่องรักใคร่ หมองฤทัยหม่อนโมหา
คิดเจ้าเหงาทุกครา บ่ หน่ายนาสักราตรี
โอ้เจ็บใจเจ็บเนื้อ เท่าน้องเนืองเคือง อก พี่
คิดเจ้าเร้าฤดี คิดน้องนี้ พี่ วอดวาย
ปักษีมีหลายชาติ กรนวยนาด มาดเรืองร่าย
คิดเจ้าเรียม บ่ เนืองหน่าย คิดหมายอาจเอื้อมนุช
เจ็บข้าเจ็บชีวา เจ็บเท่าฟ้า สำแดงแสนสุด
มาดน้องปองนางนุช พี่แสนสุดพุด ระกำ
สงวนสิทธิ์
8 มิถุนายน 2547 02:55 น.
เอกมาศ
กรือเซะในเพลงสาป ๒
เสียงสาปเสียงส่ง ก้องระงม
ใครจารใครจดใครระกำ
อีกพี่น้องผองเพื่อนกูชอกช้ำ
ชาตินี้ใครจะจารจำ-ความระยำอันสันดาร
เสียงสาปจากกุโบร์
ความยโสแสงสำแดงสาร
ดื่มกินเลือดเนื้อเป็นประมาณ
ผืนดินสิ้นผลาญ-ฟาตอนี
ความเค้าประวัติศาสตร์
คลั่งชาติโง่งาดขลาดเขลา
ไทยเยี่ยงกูแบ่งเขาแบ่งเรา
แล้วเราใครเล่า- แขกมลายู
เสียงสาปจากมัสยิด
ปิด กรือเซะ- กลบรบร้างร่างกู
ฉิบชั่วตัวตายแทนพลั่งพรู
ร่างฝังอยู่ใต้ สยาม-จันทร์เสี้ยวเดือน
๑๗๐๐ แห่งพุทธศาสนา หากแต่ ฟาตอนี-ดารุสซาราม นั้นมุสลิม ยิ่งใหญ่นั้นก็ไม่มากแต่ก็ไม่ใช่เมืองขึ้น สุโขทัย และไม่ใช่ คนไทย ชนชาติไทย คลั่งชาติ จาก น้ำมือกบฎแห่งราชวงศ์จักรี วิจิตร วิจิตรวาทกาล แล ท่าน แปลก ฝังรากลึกให้เป็นไทยคลั่งชนชาติจนดูแคลนชนชาติอื่น ทุกวันนี้ยังดูแคลนลาวอู่เลย ชั่วฉิบ วิจิตรตั้งแต่สมัยเกลี้ยกล่อมนักเรียนไทยใน ฝรั่งเศสแล้ว นี่คือเหตุผลหลักแห่งกบฏแบ่งแยกดินแดนทาง ด้ามขวาน สยาม
สงวนลิขสิทธิ์
Copyright ..All rights reserved