28 กันยายน 2552 13:44 น.
เหนือสุญตา
E = MC^2 ไอน์สไตน์ คิดอะไรยากๆแบบนี้ออกมาได้ยังไงนะ? ผมอยากจะรู้จริงๆว่าเขาคิดทฤษฏี นี้ขึ้นมาได้อย่างไรและทำให้มันกลายเป็นคำตอบของจักรวาลที่เราเคยไม่รู้จักหรือเข้าใจมันผิดกันมานับร้อยนับพันปี ที่ผมอยากรู้เพราะว่าตอนนี้ผมก็กำลังหาคำตอบของบางสิ่งบางอย่างที่แทบเป็นไปไม่ได้เหมือนกันกับที่เขาเคยทำ ผิดกันอยู่ที่ว่าคำตอบที่ผมหานั้นมันไม่ใช่ผลลัพธ์หลังเครื่องหมายเท่ากับ หากแต่เป็น โจทย์ ที่อยู่หน้าเครื่องหมายเท่ากับนั่นเอง
ผมเสียเวลาเป็นวันๆ เพื่อหาโจทย์ทุกโจทย์ที่ทำให้ได้ผลลัพธ์เท่ากับคำตอบ คือคำว่า รัก ผมใช้เวลาทุกวันอย่างนี้เป็นสิบๆปีแล้วเพื่อค้นหามัน เพราะมันติดค้างในใจผมตลอดมา ทุกเวลา ทุกนาที เรียกได้ว่าทุกขณะจิตของผมเลยก็ว่าได้ ผมยังเคยนึกขำๆว่า ไอน์สไตน์จะเหมือนผมไหมหนอที่เฝ้าคิดจดจ่ออยู่กับสิ่งที่ทำแบบนี้โดยบางทีผมแทบจะลืมกิน ลืมนอน หรือแม้กระทั่งลืมเข้าห้องน้ำเสียด้วยซ้ำ แต่ถึงแม้ผมจะใช้เวลาไปมากมายถึงเพียงนั้นผมก็ยังไม่ได้รับคำตอบที่เป็นโจทย์ที่ผมแสวงหาครบถ้วนสมบูรณ์ตามที่ผมต้องการ
ทำไมมันถึงไม่สมบูรณ์ ทำไมค่าตัวแปรมันไม่คงที่ ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม
ผมคงเป็นเหมือนนักวิทยาศาสตร์หลายๆคนที่พยายามหาคำตอบจากอะไรสักอย่างที่ตัวเองจินตนาการขึ้นมาเอง หรือแม้จะได้รับคำตอบแล้วแต่ก็พยายามจะหาโจทย์หรือทฤษฏีขึ้นมาอธิบายมัน และปัญหาของผมในครั้งนี้ทำให้ผมเข้าใจหัวอกของพวกเขาเหล่านั้นว่าบางทีแม้จะพยายามจนตัวตายแล้วก็ตาม แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบหรือทฤษฏี ที่จะมาอธิบายสิ่งที่ตนเองต้องการได้อย่างสมบูรณ์
วันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2552 เวลา 02.01 น.
ผมยังคงนอนไม่หลับ ค่าสมาการต่างๆที่ให้คำตอบหลังเครื่องหมายเท่ากับ เป็นคำว่า รัก ยังคงวนเวียนอยู่ในหัวของผม
ความใส่ใจ + ความเห็นอกเห็นใจ + สถานะทางสังคมที่เท่าเทียมกัน = รัก, ความอัปลักษณ์/ด้วยความจริงใจ + ความอ่อนโยน = รัก, ความเมตตา + เงิน + ความสงสาร = รัก, ความไร้จุดหมาย + ความสิ้นหวัง ความเชื่อในรักแท้ = รัก , ความดี^2 ความจน + ด้วยความมีเหตุผล = รัก บลา บลา บลา บลา บลา
หัวของผมแทบจะระเบิดเพราะตัวแปรในโจทย์มันมีมากเกินไป มีมากจนแทบที่จินตนาการของผมอาจจะไม่สามารถเข้าถึงได้
วันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2552 เวลา 03.01 น.
ผมนั่งคิดถึงทฤษฏี ที่ให้คำตอบหลังเท่ากับว่า รัก จากคำบอกเล่าของคนหลายสิบหลายร้อยคนที่ผมเคยได้พูดคุย หรืออ่านสิ่งที่เขาเขียนๆกันมา หากแต่ว่ามันแทบจะไม่ได้ช่วยให้ผมคิดอะไรออกเลย กลับทำให้ผมสับสนมากขึ้นไปอีกจากค่าตัวแปรที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ถึงแม้ว่าผมจะใช้เวลาถึง สิบกว่าปีในการตีค่าผลลัพธ์ของคำว่า รัก ให้ออกเป็นโจทย์หรือทฤษฏี ที่มีความสมบูรณ์คงที่ไม่มีตัวแปรที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น แต่ผมกลับพบความแปลกประหลาดที่ไม่ได้เกิดจากโจทย์ที่ผมกำลังค้นหา แต่ว่าเกิดจากคำตอบที่ผมกำลังพยายามจะตีมันเป็นออกเป็นโจทย์ต่างหาก
ค่าผลลัพธ์มันไม่เคยเปลี่ยนแปลงเลย แม้ว่าโจทย์มันจะมีค่าตัวแปร มากมายนับเป็นอนันต์อย่างไรก็ตาม ทำไมมันถึงเป็นแบบนี้ไปได้นะ
สิ่งที่ผมคิดนี้ไม่ใช่สิ่งที่ผมพึ่งคิดได้หรอก แต่มันเป็นสิ่งที่ผมสงสัยเพิ่มขึ้น กลายเป็นว่าตอนนี้ผมกำลังจะหลับ สมองล่องลอยไปกับการค้นคว้ามามากพอแล้วในคืนนี้แต่แทนที่จะได้รับคำตอบ กลับได้คำถามเพิ่มขึ้นมาอีกเสียนี่ คร่อกฟี้ หลับแล้วล่ะ
วันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2552 เวลา. ผมจะรู้ไหมเนี่ย ก็ผมหลับอยู่นี่นา
นั่นใครน่ะ
..ไม่มีเสียงตอบรับ.
ภาพที่ขมุกมัวเริ่มชัดเจนขึ้นหลังจากความเงียบหลังคำถามของผมผ่านไป มันค่อยๆก่อตัวเป็นภาพ
ป้ายรถเมย์.แล้วกูมาทำอะไรที่ป้ายรถเมย์วะเนี่ย
เสียงผมถามตัวเองดังขึ้นในสมองแต่ผมก็จำไม่ได้หรอกว่าผมหลับอยู่ ทันใดนั้นภาพป้ายรถเมก็เปลี่ยนเป็นภาพป้ายรถเมที่มีคนพรุกพล่านขึ้นมาทันที รถเมผ่านไปแล้วคันแล้วคันเล่า ผมเพียงแต่รู้ว่าผมนั่งอยู่ที่ป้ายรถเมคงกำลังรออะไรสักอย่างอยู่ล่ะมั้งเนี่ยหรืออาจจะรอใครสักคนอยู่ก็เป็นได้
...จากฉันคนเดิม จากรักไม่เป็นจะขอเป็นคนที่รักเธอยิ่งกว่าคนไหนๆ จากนี้คือเธอจากนี้จนวันตาย เธอคือสุดท้ายของทั้งชีวิตและหัวใจจากฉันคนเดิมตุ๊ดๆๆๆๆๆ...
ผับผ่าสิ ให้มันได้อย่างนี้สิวะ ตอนตื่นก็คิดหาคำตอบไม่ได้ ตอนหลับกำลังรอใครสักคนก็เสือกจะต้องมีเสียงโทรศัพท์มาปลุกอีก
วันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2552 เวลา 10.00 น.
ผมตื่นขึ้นจากความฝันด้วยเพลง คนสุดท้าย ของ อัสนีสันต์ ที่ผมใช้เป็นริงโทนโทรศัพท์มากว่า 5 ปีแล้วเพียงแค่เพราะผมชอบเพลงนี้มันตรงกับตัวของผมดี และผมก็นึกหวังนิดๆว่ามันจะเป็นโทรศัพท์ของคนที่ผมกำลังรอที่ป้ายรถเมในความฝันโทรหาผม แต่มันก็เป็นเพียงเสียงนาฬิกาปลุกจากโทรศัพท์ที่ผมตั้งไว้เมื่อคืนเพียงเท่านั้นเอง
หลังจากที่ผมทำกิจกรรมส่วนตัวต่างๆในตอนเช้าเสร็จเรียบร้อยจนหมดแล้ว ความคิดของผมก็เริ่มโลดแล่นติดตามหาคำตอบในสิ่งที่ผมกำลังค้นหาอยู่อีกครั้ง โจทย์ที่ใช้อธิบายคำว่า รัก
โอ คุณไอน์สไตน์ ช่วยมาเข้าร่างของผมที เผื่อผมจะหาคำตอบของมันได้จากความอัจฉริยะของคุณโอม โอม โอมเพี่ยง
ผมยกภาพ ไอน์สไตน์ขึ้นมาหลับตาพนมมือแล้วทำท่าสั่นๆเหมือนคนเข้าทรงโดยหวังว่าวิญญาณของเขาคงจะเห็นถึงความตั้งใจนับสิบๆปีของผม แล้วมาเข้าร่างผมให้ผมค้นหาคำตอบในสิ่งที่ผมกำลังสงสัยออกบ้างไม่มากก็น้อย และทันใดนั้นเองดูเหมือนแรงอธิฐานของผมต่อ ไอน์สไตน์จะกลายเป็นความจริงขึ้นมา ไม่ใช่ว่าผมคิดอะไรออกหรอกนะครับ แต่ดูเหมือนจิตใจของผมจะว่างเปล่าอยู่แว่บหนึ่ง แต่นั่นก็เกินพอที่จะทำให้ผมได้คำตอบจากในสิ่งที่ผมค้นหามานับสิบปี
ว่างเปล่า.โจทย์มันว่างเปล่านี่นา ทฤษฏีมันก็ว่างเปล่า
ความว่างเปล่าชั่วครู่กลับทำให้ผมได้คำตอบจากสิ่งที่ผมคิดมาเป็นสิบปี
คำตอบจากหัวใจ มันไม่มีโจทย์หรือทฤษฏีที่สมบูรณ์หรอก เพราะมันมีความ สมบูรณ์ อย่างที่สุดอยู่ในคำตอบของมันแล้ว นั่นคือคำว่า รัก แค่รัก
ผมละทิ้งความคิดที่จะหาโจทย์ที่เป็นที่มาของคำว่า รัก เลิกคิดที่จะหาทฤษฏีหรือนิยามใดที่จะใช้อธิบายคำว่า รัก เลิกคิดแม้กระทั่งจะเข้าใจในคำว่า รัก แต่สิ่งที่ผมกำลังคิดและทำในขั้นต่อไป คือ
ผมจะทำอย่างไรให้ผมรักใครสักคน หรือทำอย่างไรให้ใครสักคนรักผมมันอาจจะเป็นคนนั้นที่ผมรอที่ป้ายรถเมในความฝันของผมก็ได้