19 กันยายน 2547 08:52 น.
เสือยิ้มมุมปาก
ช่วงเวลาแห่งความสุขเกิดขึ้นกับครอบครัวผัดฉ่าอีกแล้ว..น้าวิกรจัดแจงหาดอกไม้ใบหญ้ามาประดับโต๊ะอาหาร ส่วนยาย น้าศิลป์และน้าๆป้าๆคนอื่นเตรียมกุลีกุจอทำอาหารมื้อพิเศษ..ส่วนผัดฉ่าก็อ่านหนังสือเล่มโปรดให้แม่ฟัง .. แม่คงเคลิ้มเมื่ออ่านถึงตอน คืนนั้น..จันทร์ฉาย ผลงานชิ้นเอกของคุณกนกพงศ์ สงสมพันธ์ แม่ประทับใจงานเขียนของนักเขียนท่านนี้เป็นอย่างมาก เพราะทุกถ้อยพจน์รจนา เปี่ยมด้วยอารมณ์และความรู้สึกของผู้ที่ยังคงหลงใหล..ใน..ธรรมชาติ เช่นเดียวกับแม่ .. แม่ชอบชมการแสดงนาฎลีลาของจ.นครศรีธรรมราช แต่แม่เป็นชาวสุราษฎร์ .. ยายมักต่อว่าแม่บ่อยๆว่า
เป็นคนสุหราด..ชอบนักแลหนา..หนังเมืองคอน..ตีกี้เข้าไปแล้ว นั่งแลโหย่ด้าย ม่ายไปนอนเหลย
( เป็นชาวสุราษฎร์ ชอบดูจริงๆนะกับการแสดงของนครศรีฯ กี่โมงกี่ยามเข้าไปแล้ว ดูอยู่ได้ไม่รู้จักหลับจักนอน )
แต่แม่ก็ไม่เคยเก็บมาใส่ใจ...ผัดฉ่าทราบว่า แม่ของเธอเคยเป็นนักเขียนมาก่อน แม่เขียนเรื่องการพลัดพรากของเธอกับแม่ .. เมื่อก่อน แม่เคยอ่านให้ผัดฉ่าฟัง..ผัดฉ่าร้องไห้..แต่ไม่เคยโกรธแม่..ผัดฉ่าสงสารแม่..สงสารตัวเอง..ผัดฉ่าจำถ้อยความ..ในย่อหน้าหนึ่งได้เป็นอย่างดี
ฉันมันเป็นแม่..ที่มีแต่ชื่อ..มีแต่สรรพนาม .. ฉันปล่อยลูกให้อยู่ลำพังท่ามกลางสายน้ำที่ไหลเชี่ยว..ฉันร้องไห้สงสารลูกเหลือเกิน..ผัดฉ่าจ๋า..แม่ไม่ดีใช่มั้ย..แต่แม่ก็รักลูกนะ รักสุดหัวใจที่แม่
มี
..เหตุการณ์ครั้งนั้น ผัดฉ่าจำได้ดี เมื่อแม่เริ่มอ่อนแรงครั้งแรก แม่ชวนผัดฉ่าไปพายเรือที่บ้านสวนริมคลอง แต่จู่ๆ ฝนก็เกิดตกหนัก..เรือกระเพื่อมขึ้นๆลงๆ .. แม่จึงคัดเรือมาที่ท่าน้ำ แม่ก้าวขึ้นท่าก่อนเพื่อจะได้อุ้มผัดฉ่าอย่างสะดวก แต่เมื่อแม่ทรงตัวบนท่านั้น ขาของแม่กลับอ่อนแรง ปลายขาสั่นระริก อ่อนเปลี้ยไปหมด แม่พยายามจะก้าวไปข้างหน้าเพื่อช่วยผัดฉ่า..แต่แม่ทำไม่ได้ หัวใจเริ่มสั่งการ สมองทำตามระบบ แต่ร่างกายของแม่มันหาเชื่อฟังไม่...กระทั่ง...เรือลำน้อยนั้นค่อยๆเคลื่อนตัวไปไกลยิ่งขึ้น..ยิ่งขึ้น แม่ตะโกนร้องเรียกผัดฉ่าด้วยเสียงที่มีอยู่..แทบขาดใจ..เคราะห์ดีที่พี่โย่งพายเรือผ่านมาในละแวกนั้นพอดี ... พี่โย่งอุ้มผัดฉ่ากอดไว้กับตัก แล้วค่อยๆพายเรือเข้าเทียบท่า..ผัดฉ่าร้องไห้จ้าด้วยความตระหนกใจ..
...หลังจากนั้นมากำลังกายของแม่ก็เริ่มอ่อนลง..อ่อนลง..จนกระทั่งเหมือนปัจจุบันนี้..แม่ช่วยตัวเองไม่ได้เลย..แม้แต่น้อย
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - และมื้อเย็นสุดพิเศษก็เริ่มต้นขึ้น
แจกันดอกไม้รายรอบโต๊ะ สร้างบรรยากาศแสนสดชื่น ยกระดับรสชาติของอาหารให้อร่อยขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ .. รอยยิ้มและเสียงหัวเราะของแม่ดังขึ้นเป็นระยะไม่ขาดสาย..แม้แต่ยาย..ยังยิ้มได้เช่นกัน .. สังเกตดูดีๆ พระจันทร์ดวงกลมโตก็กำลังยิ้มและหัวเราะกับพวกเราด้วย..เหมือนกัน
แต่ใครจะรู้ว่า..ขณะนี้..ยิ้มร่าด้วยความสุข แต่อีกไม่กี่ชั่วยามต่อจากนี้..ชีวิตบางชีวีต้องโรยราไป..
...ผัดฉ่า ตา และยาย พากันร่ำไห้..กับความสูญเสียอันยิ่งใหญ่ที่เกิดขึ้น..ทุกคนทำใจยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นได้ยาก.. แม่เป็นคนดี คนเก่ง .. ผัดฉ่าคิดเพียงว่า แม่คงไปสบาย ผัดฉ่าภาวนาให้แม่มีความสุข..เท่านี้ผัดฉ่าก็พอใจ..และสุขใจเหลือล้น..((ขอให้แม่หลับสบาย..มีความสุขตลอดไป))
19 กันยายน 2547 08:51 น.
เสือยิ้มมุมปาก
แลไปไกลลิบๆสุดสายตามองเห็นหาดทรายสีขาวสะอาดตา อันที่จริงหาดทรายที่ผัดฉ่าคิดไว้ ก็คล้ายๆกับภาพที่เห็นเบื้องหน้า เพียงแต่ ณ ปัจจุบันกาล กลับมีรายละเอียดปลีกย่อย..โดยเฉพาะเมื่อก้มลงมองบนผืนทราย เห็นรูเล็กๆเต็มผืนทราย แลราวกับมีใครมือดีนำทราบมาปั้นเป็นก้อนแล้วโปรยลงบนทรายเรียบๆ แท้ที่จริงแล้ว เป็นฝีมือของปูลม เรื่องนี้ผัดฉ่าไม่ได้รู้เองหรอก แต่น้าศิลป์เป็นคนบอกเธอ สักครู่หนึ่งน้าศิลป์ก็เปรยเกี่ยวกับโรคของแม่ผัดฉ่า...เธอไม่เบื่อจะฟัง..อยากจะรู้ให้กระจ่าง
มันมีหลายชื่อนะ น้าเองก็ยังสับสนเลย ถ้าเป็นทางอเมริกันเรียก เอ แอล เอส ถ้าเป็นผู้ดีอังกฤษก็เรียก เอ็ม เอ็นดี ส่วนถ้าฝรั่งเศสก็เรียก มาลาดี เดอ ชารฺโก
...ปูลมวิ่งลงรูไปต่อหน้าต่อตา...น้าศิลป์ถามลอยๆว่า วิ่งแข่งกันไหม .. ไม่ต้องรอคำตอบ ผัดฉ่าวิ่งนำหน้าไปแล้ว .. สายลมปนไอร้อนที่ลอยขึ้นจากพื้นทรายกระทบกับลมหายใจของผัดฉ่า เธอวิ่งเร็วขึ้นเรื่อยๆ ใบหน้าปะทะสายลมแรง เธออยากจะวิ่งไปให้ถึงขอบฟ้าข้างหน้า เท้าสัมผัสทรายเนียนละเอียดอย่างที่แม่เคยทำ .. ผัดฉ่าเคยขี่คอ แต่ตอนนี้แม่ทำไม่ได้ .. ผัดฉ่ายกมือขึ้นปาดน้ำตา ของง่ายแม่ก็ทำไม่ได้แล้ว..แต่แม่เคยทำได้..แต่แม่เคยทำได้..แต่แม่เคยทำได้ .. ผัดฉ่าตะโกนดังก้องขอบฟ้า .. อยากให้ผู้อื่นรับรู้
เธอวิ่งไปเรื่อยๆ จวบจนเมื่อเข่าอ่อนเปลี้ยนหมดแรง เธอทรุดนั่งลงบนพื้นทราย เหงื่อไหล่โทรมกาย ปลายขาสั่นระริกตามจังหวะสะอึกสะอื้นพร้อมน้ำตาที่ไหลริน เธอร้องไห้อย่างไม่อายใคร ใครคนนึงเดินมาโอบไหล่เธอ พร้อมกับใครอีกคนนึงที่ลูบคลำศีรษะของเธออย่างอ่อนโยนและเอ็นดูยิ่ง
ฉ่าเอ้ย..น้ำตาท่วมรูปูกันพอดี
ใช่ๆ ตาก็ว่างั้นแหละ ฮ่าๆๆ
...ถ้ามองจากบนโรงแรม ก็จะเห็นคนสามคนเดินเรียงหน้ากระดาน โดยอีกคนหนึ่งขี่คอ..แกว่งขาสลับไปมาอย่างมีความสุข
19 กันยายน 2547 08:45 น.
เสือยิ้มมุมปาก
ณ บ้านริมหาด
แอร์ในรถเย็นฉ่ำ..คลอด้วยเสียงเพลง
อครูซติก ครอบครัวของเราเดินทางกับตั้งแต่เช้า แสงแดดภายนอกแรงกล้าขึ้นเช่นกัน น้าศิลป์ชะลอความเร็วลง เมื่อถึงด่านตรวจค่าผ่านทาง และค่อยๆเร่งความเร็วขึ้นเมื่ออยู่บนทางด่วนที่บ้างก็วกซ้ายวนขวา ผัดฉ่าเพลินกับการมองสองข้างทางที่เต็มไปด้วยป้ายโฆษณาและตึกสูง นึกชมน้าศิลป์ในใจที่ขับรถได้นิ่มเนิบเหลือเกิน ยายคว้าตะกร้าของขบเคี้ยวขึ้นมา แจกจ่ายเกาลัดให้ตา ผัดฉ่า น้าศิลป์ ได้กินโดยทั่วกัน
อร่อยไหม ผัดฉ่า?
เสียงยายถาม..
อร่อยจ้ะยาย
เสียงผัดฉ่าตอบ..
อร่อยเพราะหิวหรือเปล่าล่ะ ผัดฉ่า
เสียงตาค่อนขอด..((ตามด้วยเสียงหัวเราะระลอกใหญ่))
ยิ้มกันได้ทั้งคัน...
รถจอดหน้าบ้านสีเบจ หน้าต่างสีขาว .. กลิ่นอายแห่งทะเลปะทะปลายจมูกผัดฉ่า..
..ไม่ต้องรอคำสั่งใดๆทั้งสิ้น ผัดฉ่าวิ่งตามหัวใจเข้าไปในบ้านน้อยหลังนั้น..
- - - - - - --- - - -- - - - - - - - - - - - -
- - - ---- ----------- - - - - - -- - - -- -
ผัดฉ่า .. กอดแม่สิลูก..กอดแม่แน่นๆสิจ๊ะ ลูก
แม่จ๋า..ผัดฉ่าคิดถึงแม่จังเลยจ้ะ..ผัดฉ่ารักแม่ที่สุดในโลกเลย
..ไม่ต่างกันตรงไหนที่ผัดฉ่ากอดแม่ หรือแม่กอดผัดฉ่า เพราะน้ำตาจากทั้งสองไหลรินมารวมกัน ผัดฉ่ากางแขนกอดแม่ เหมือนกับที่เคยฝันไว้ กอดแม่แทนคำว่ารักจากใจ แทนความเข้าใจที่ต้องห่างไกลจากกัน แทนคำว่าคิดถึง ให้สมกับที่ต้องแยกจากกันนาน..ผัดฉ่ากอดแม่นานเท่าใดก็ไม่รู้..จึงจะคลายสวมกอดนั้น
...กับข้าวสารพัดไข่ ตั้งอยู่บนโต๊ะข้างๆเตียงแม่แล้ว...อ้อ!บนโต๊ะมีดอกลีลาวดีแซมอยู่ด้วย ผัดฉ่าคิดในใจ..ฝีมือน้าวิกรอย่างแน่นอน
19 กันยายน 2547 08:43 น.
เสือยิ้มมุมปาก
ผัดฉ่า..ๆๆ มานี่เร็วๆพี่มีข่าวดีจะบอก
..เสียงพี่โย่งตะโกนลั่น..น้ำเสียงบ่งบอกถึงความดีใจเป็นอย่างยิ่ง
อะไรเหรอพี่โย่ง ตะโกนซะลั่นทุ่งเลย
...พี่โย่งเดินเข้ามาใกล้ๆผัดฉ่า กระซิบที่หูของเธอ คงไม่อยากให้ใครได้ยิน
พี่จะได้ไปเมืองนอกแล้วนะ..
..ผัดฉ่าได้ยินดังนั้น ตื่นเต้นเป็นล้นพ้น..ตะโกนด้วยเสียงดัง..ดังกว่าพี่โย่งเสียอีก
ตา..ยาย..พี่โย่งจะไปเมืองนอก
...เงียบไม่มีเสียงใครตอบรับ...ผัดฉ่าคงลืมไปว่า วันนี้ตากับยายไปรอรับน้าวิกรที่ในเมือง
ผัดฉ่าลืมไป..ไม่มีใครอยู่..พี่โย่งเล่าต่อเถอะ ว่าเป็นไงมาไง ถึงได้ไปเมืองนอกล่ะ
พี่โย่งทำสีหน้าจริงจัง..เริ่มต้นเล่าด้วยน้ำเสียงคล้ายๆนักข่าวไอตีเฝวฺ (สำเนียงฝรั่งเศสที่ผัดฉ่าชอบพูดเลียนแบบตา)
..ก็หลวงพ่อน่ะ..มีคนนิมนต์ให้ไปเทศน์ที่วัดเมืองนอก ตั้ง 1 เดือนแน่ะ .. ตอนแรกหลวงพ่อจะไปเพียงลำพัง แต่ท่านเห็นพี่ใฝ่ฝันอยากเหยียบพื้นดินเมืองนอกมานาน ก็เลยพามาด้วย อีกอย่างจะได้ดูแลท่านอย่างใกล้ชิดด้วย..คอยดูนะ พี่จะพูดภาษาฝรั่งให้ได้เลย เมื่อกี้พี่ไปยืมหนังสือภาษาอังกฤษที่ป้ากัลย์มา..แล้วผัดฉ่าอยากได้อะไรเป็นพิเศษมั้ย..เดี๋ยวพี่ซื้อมาฝากนะ
...ผัดฉ่าทำหน้าครุ่นคิดอยู่นาน..สองนาน
อืม!!ผัดฉ่าอยากได้..อยากได้..อยากได้ไรดีอ่าพี่..คิดไม่ออก..อ๋อ!ผัดฉ่าอยากได้หนังสือเรื่อง The trumpet of the swan ของ E.B white น่ะพี่ นะๆๆ อย่างเดียวเองนะจ๊ะ พี่โย่งผู้น่ารักของผัดฉ่า..เหอๆๆ ขอที่อยู่พี่ด้วย ผัดฉ่าจะได้ส่งจดหมายไปหาพี่ไง
ได้เลย สำหรับผัดฉ่า..เด็กน้อย..มอมแม๊ม..มอมแมม
แล้วพี่เดินทางวันไหนล่ะ
เสาร์หน้า..ไปส่งพี่มั้ย
...เสาร์หน้า..ว๊า!! ผักบุ้งต้องไปพัทยา แต่ตากับยายยังไม่บอกเลยนะว่าไปทำไม ไปหาใคร ผัดฉ่าตื่นเต้นจังเลยพี่..
- - - - - - - - - - - - - - -- - -- - -- - - - - - -
..ทั้งสองมีฝัน..หวานหยดเยิ้ม..รอคอยการสัมผัสในอีกไม่นานนี้..
ก็เด็ก..ย่อมมีฝัน..สวย..หวาน..อยู่วันยังค่ำแหละนะ .. หนึ่งในถ้อยพจรนาจากหนังสือทำมือแถวถนนพระอาทิตย์
19 กันยายน 2547 08:37 น.
เสือยิ้มมุมปาก
มื้อค่ำผ่านไปเงียบๆ แตกต่างจากความโกลาหลในครัวตอนบ่าย ลมจากสายน้ำบาดเย็นส่งท้ายปี พระจันทร์ดวงโตเปล่งรัศมีอวดความงามอยู่บนฟากฟ้า แลเห็นกระต่ายในดวงจันทร์ชัดถนัดตา สามชีวิตบนระเบียงชมจันทร์ราวถูกสะกด ตาพูดลอยๆว่า
อยู่ที่ไหน ก็ดูพระจันทร์ดวงเดียวกัน
ผัดฉ่ารู้ได้เองว่า ตาหมายถึงใครคนหนึ่งที่กำลังมองดูจันทร์ดวงนี้เหมือนกัน...ใครคนที่หัวใจผัดฉ่าพร่ำเพรียกหา
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นถี่..ยายรีบเดินไปรับสาย..
- - - - - - - - - - - -
- - - - - -- - - - - - ฮ่า..โหล บ้านธาราลัย ยายกมลาพูดค่า..
เสียงปลายทาง..
แหม!คุณแม่ สวัสดีค่ะ...พูดเป็นเดลิเวอรี่เลยนะคะ :-) .
- - - - - - - - - - - - เวลาล่วงเลยไปนานแล้ว..ทั้งสองยังคงสนทนากันอยู่..
แล้วแม่จะบอกผัดฉ่า คิดว่าแกคงไม่ขัดข้องอยู่แล้วล่ะ อืมนะ ปิดเทอมครั้งนี้ ฉันคงจะได้เห็นหลานๆที่พัทยา ดีเหมือนกัน..ผัดฉ่ามันได้มีเพื่อน
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - แล้วก็เข้านอน
..ทิ้งไว้เพียงความฉงน..ให้ผัดฉ่าครุ่นคิดว่า..จะไปขัด..ข้องอะไร ขัดยังไง ..ข้องดักปลาน่ะเหรอ..แล้วเธอก็ผล็อยหลับไปด้วยความเหนื่อยอ่อนในช่วงวันที่ผ่านมา