16 พฤศจิกายน 2546 21:38 น.
เวทย์
ผมเพิ่งรู้จักไอ้นพได้ไม่นานนัก ตอนที่ผมเดินทางไปว่าความที่สงขลา แล้วบังเอิญว่ามันโดยสารรถไฟขบวนเดียวกับผม โดยเพื่อนร่วมทางของผมเป็นผู้แนะนำให้รู้จักกัน
ความที่วิชาการที่จำเป็นในการว่าความของมันค่อนข้างอ่อนแอ ทำให้มันต้องเอางานที่มันได้รับมอบหมายมาปรึกษาผมอยู่เนืองๆ จนกระทั่งมันตัดสินใจกลับไปตายรัง คือกลับไปทำมาหากินที่เชียงใหม่
แล้ววันหนึ่ง มันก็โทรศัพท์ทางไกลมาหาผมเพื่อปรึกษาคดีที่มันรับมา
ก็แค่คดีแพ่งที่ฟ้องเรียกเงินตามเช็ค จำนวนเงินตามเช็คแค่ห้าหมื่นบาท แถมเป็นทนายความฝ่ายจำเลยด้วย แบบนี้มันจะได้ค่าจ้างว่าความไม่กี่พันบาทหรอก
หลังจากที่ลงทุนเสียค่าโทรศัพท์ทางไกลเพื่อปรึกษาผมได้ไม่กี่ครั้ง มันก็ตัดบทเอาดื้อๆว่าให้ผมขึ้นไปเชียงใหม่เพื่อว่าความคดีนั้นแทนมัน
จากข้อมูลที่ไอ้นพมันบอกมา จำเลยในคดีดังกล่าวคือพระภิกษุรูปหนึ่งซึ่งขณะนั้นกำลังมีชื่อเสียงขจรขจายเล่าลือกันว่าท่านเทศนาได้ไพเราะจับใจคนฟังจนเป็นที่ศรัทธาของบรรดาญาติโยมทั่วประเทศไทย ส่วนเช็คฉบับที่ถูกฟ้องเป็นเช็คผู้ถือ หมายถึงเช็คที่สั่งธนาคารจ่ายเงินให้แก่ใครก็ตามที่นำเช็คฉบับนั้นมาขึ้นเงิน เช็คแบบนี้หากจะโอนเปลี่ยนมือก็เพียงแค่ส่งมอบเช็คให้กันไปโดยไม่ต้องมีการสลักหลังให้ยุ่งยาก ซึ่งถ้านำมาฟ้องร้องทางแพ่งแล้ว ฝ่ายโจทก์มีภาระการพิสูจน์เพียงแค่นำสืบให้ปรากฏข้อเท็จจริงว่าจำเลยเป็นผู้ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายในเช็คฉบับนั้นๆ และเมื่อได้นำเช็คไปเรียกเก็บเงินหรือที่ภาษาชาวบ้านพูดกันสั้นๆว่า ขึ้นเงิน แล้ว ธนาคารตามเช็คได้ปฏิเสธการจ่ายเงิน ส่วนฝ่ายจำเลยมีหนทางเดียวที่จะเอาตัวรอดได้คือต้องหาพยานหลักฐานมาแสดงให้ศาลเชื่อว่าโจทก์ได้รับเช็คมาโดยไม่สุจริต แต่หนทางเดียวที่ว่านี้เป็นทางตันเพราะในทางปฏิบัติแล้วเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
เกือบตลอดระยะทางบนรถไฟเที่ยวนั้น ผมนึกถึงแต่ภาพยนตร์โทรทัศน์ชุดหนึ่งมีชื่อภาษาไทยว่า ขบวนการพยัคฆ์ร้าย แต่ชื่อภาษาอังกฤษสิ Mission impossible แปลเป็นไทยว่าภารกิจที่เป็นไปไม่ได้ มันช่างเหมาะเจาะกับสภาพภารกิจที่ผมกำลังเดินทางไปปฏิบัติเสียจริงๆ
หลังจากไปถึงเชียงใหม่ ไอ้นพก็โอดครวญให้ผมฟังว่ามันคงไปไม่รอดในวิชาชีพทนายความแล้ว เพราะนอกจากมันจะไม่แม่นข้อกฎหมาย และไม่ค่อยรู้จักใครแล้ว มันยังเสือกไม่มีใจรักที่จะเป็นทนายความด้วย และตอนนั้นมันเพิ่งจะได้เป็นลูกจ้างชั่วคราวของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โชคดีที่ได้รู้จักอาจารย์ชั้นผู้ใหญ่คนหนึ่งที่จะสามารถสนับสนุนให้มันเลื่อนฐานะเป็นลูกจ้างประจำและข้าราชการประจำไปในที่สุดได้ และอาจารย์คนนี้เป็นคนหนึ่งที่เลื่อมใสศรัทธาพระภิกษุรูปนี้ และติดต่อให้มันเป็นทนายความต่อสู้คดีให้พระรวมทั้งเป็นคนกำหนดเงื่อนไขของการแพ้ไม่ได้ให้กับมันด้วย
ตอนนั้นผมก็ยังอ่อนเยาว์ทั้งในฐานะทนายความและต่อโลก เลยนึกไม่ออกว่ามันมีความจำเป็นอะไรที่พระภิกษุจะแพ้คดีชาวบ้านไม่ได้ โดยเฉพาะในเมื่อพิจารณาทั้งจากข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายโดยละเอียดแล้วก็ไม่มีหนทางใดๆ ที่จะพลิกแพลงรูปคดีได้เลย จนกระทั่งไอ้นพพาผมไปพูดคุยกับอาจารย์คนนี้แหละผมถึงได้รับรู้ว่าการพ่ายแพ้คดีนั้นอาจหมายถึงการเสื่อมศรัทธาของคนทั่วไปที่มีต่อพระด้วย ซึ่งเป็นเรื่องที่พระจะยอมเสี่ยงไม่ได้อย่างเด็ดขาด
ผมหายแปลกใจแล้วว่าทำไมไอ้นพถึงไม่เชื่อคำแนะนำของผมที่เคยบอกให้มันขอประนีประนอมด้วยการขอลดยอดหนี้หรือขอผ่อนชำระให้แก่โจทก์ ซึ่งเป็นวิธีการง่ายๆ ที่ทำกัน แต่ที่ไม่หายไปซ้ำกลับพอกพูนขึ้นก็คือความอึดอัดใจ ภาระของไอ้นพที่ตอนนั้นถูกโอนมายังผมทั้งหมดแล้วมีเป้าหมายที่มืดแปดด้านจริงๆ จนแม้คืนนั้นผมจะลองนอนคิดอีกทั้งคืนก็ยังมองไม่เห็นช่องทาง
เช้าวันรุ่งขึ้น เราออกเดินทางจากตัวเมืองเชียงใหม่ไปยังอำเภอพร้าว เพราะสมัยนั้นยังมีการส่งผู้พิพากษาจากศาลจังหวัดเชียงใหม่ไปนั่งพิจารณาคดีที่นั่น โดยอาศัยสถานที่ของที่ว่าการอำเภอพร้าวทำเป็นห้องพิจารณา เรียกเป็นภาษาราชการว่า ศาลเคลื่อนที่ประจำอำเภอพร้าว
เราแวะกินข้าวมื้อเช้าที่บ้านโยมของพระก่อนที่จะไปศาล ที่นั่นทำให้ผมยิ่งเครียดกับภารกิจที่ได้รับนั้นมากขึ้นเพราะมีชาวบ้านมาคอยต้อนรับอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง แถมไอ้นพดันเสือกบอกกับคนพวกนั้นว่าผมเป็นทนายความฝีมือดีที่มันจุดธูปเชิญมาจากกรุงเทพฯ เสียอีก
ตอนรถแล่นออกจากบ้านนั้น สายตาหลายคู่ที่แสดงการฝากความหวังทั้งหมดไว้กับผมทำให้ผมแอบอธิษฐานให้มีเครื่องบินสักลำบินมาตกใส่รถที่ผมนั่งอยู่นั้นเสีย แต่คำอธิษฐานของผมไร้ผล
ขณะที่รถค่อยๆแล่นผ่านประตูรั้วของที่ว่าการอำเภอพร้าวเข้าไป ไอ้นพชี้ให้ผมดูรถเบ๊นซ์ 300 ป้ายแดงซึ่งจอดอยู่พร้อมบอกผมว่าฝ่ายโจทก์มาถึงก่อนเราแล้ว
แสงแห่งความหวังเจิดจ้าขึ้นมาในความคิดของผมทันที ผมรีบบอกให้ไอ้นพชี้ตัวโจทก์ให้แล้วโอนภาระงานธุรการเกี่ยวกับการติดต่อกับศาลทั้งหมดให้มันก่อนที่จะเข้าไปยกมือไหว้ทักทายคู่ความฝ่ายตรงข้าม
พ่อเลี้ยงครับ ผมเอ่ยทักก่อนที่จะแนะนำตัว
ผมขอรบกวนคุยกับพ่อเลี้ยงสักนิด คือผมคิดดูแล้วว่าคนระดับพ่อเลี้ยงไม่น่าจะลงทุนขับรถมาจากน่านเพื่อฟ้องคดีนี้เลยนี่ครับ
ผมต้องการพิสูจน์ว่าตุ๊ตนนี้บ่ดี พ่อเลี้ยงตอบเสียงเครียด
ไม่ดียังไงบ้างครับ ผมก็ไม่รู้จักหรือสนใจอะไรท่านมาก่อนหรอก คดีนี้เพื่อนมันขอให้ผมมาช่วยผมก็มา ยังไม่รู้เรื่องอะไรในคดีนี้มากด้วยซ้ำ
ได้ผลแฮะ พ่อเลี้ยงระบายความอัดอั้นใจให้ผมฟังเสียยืดยาว ซึ่งผมก็ฟังด้วยความเห็นอกเห็นใจ
พ่อเลี้ยงคงไม่มีโอกาสทำอย่างที่ตั้งใจหรอกครับ ผมติงหลังจากพ่อเลี้ยงเล่าความเป็นมาจบแล้ว
ในศาลนี่เราไม่ได้มีโอกาสให้การนอกเรื่องนอกราวตามใจเรา อย่างคดีนี้ประเด็นมีแค่ว่าเช็คนี่พระลงชื่อสั่งจ่ายแล้วก็มีคนเอาไปจ่ายค่าวัสดุก่อสร้างที่ซื้อจากพ่อเลี้ยง เรื่องอื่นๆที่พ่อเลี้ยงเล่าให้ผมฟังนี่มันนอกประเด็นนะครับ ผมพักหายใจหายคอบ้าง ผมเชื่อว่าพ่อเลี้ยงไม่ได้โกหกผม แต่พ่อเลี้ยงก็น่าจะเชื่อผมบ้างว่าพ่อเลี้ยงไม่มีโอกาสเอาเรื่องนอกประเด็นมาพูดได้มากขนาดนั้นหรอก
ถึงตอนนี้พ่อเลี้ยงอึ้งไป
คดีนี้พ่อเลี้ยงชนะแน่นอนครับ แต่พ่อเลี้ยงจะไปยึดทรัพย์พระถึงในวัดเชียวหรือ แล้วทรัพย์สินเหล่านั้นก็มาจากศรัทธาชาวบ้านทั้งนั้นด้วย ตอนท้ายนี่ผมอาศัยความรู้ว่าชาวเหนือมีความเชื่อเคร่งครัดเรื่องไม่ควรเอาของวัดมาเป็นของตน
ได้มาเท่าไหร่ผมก็จะเอาไปทำบุญทั้งหมด พ่อเลี้ยงตอบไม่ทันขาดคำเจ้าหน้าที่ศาลก็เรียกให้รีบเข้าห้องพิจารณาเพราะผู้พิพากษากำลังจะขึ้นนั่งบนบัลลังก์
เมื่อเข้าไปในห้องพิจารณาซึ่งอยู่มุมสุดของอาคารชั้นล่าง ผมมองออกไปนอกหน้าต่างเห็นชาวบ้านยืนกันสลอน ลองกะประมาณด้วยสายตาก็คงสักสองร้อยคนขึ้นไป ไม่ต้องสงสัยเลยว่าชาวบ้านเหล่านี้คอยเอาใจช่วยฝ่ายไหน
ทันทีที่ศาลเริ่มดำเนินกระบวนพิจารณา ผมรีบแถลงต่อศาลว่าผมได้คุยอะไรกับพ่อเลี้ยงมาบ้าง และเน้นว่าไม่อยากเห็นคดีนี้ลงเอยอย่างน่าอเน็จอนาถต่อความรู้สึกของชาวพุทธ ปิดท้ายด้วยการเสนอขอให้โจทก์เอาเงินจำนวนนั้นทำบุญกับวัดที่จำเลยจำพรรษาโดยไม่ต้องไปทำบุญที่อื่น
โจทก์จะว่าอย่างไรล่ะ ศาลว่าที่ทนายจำเลยเขาเสนอมานี่ก็ดีนะ ผู้พิพากษาซึ่งมีความเห็นคล้อยตามผมช่วยไกล่เกลี่ย
ผมไปทำบุญที่อื่นดีกว่าครับ เพราะถ้าทำที่นี่ก็ไม่รู้ว่าเขาจะเอาเงินผมไปทำอะไร
ทำไมจะต้องคิดมากขนาดนั้นล่ะ ผู้พิพากษาติง คนเราทำบุญมันสำคัญตรงได้ทำ ทำแล้วก็อิ่มเอิบใจ ไม่ต้องเก็บมาวิตกวิจารณ์อะไรหรอก
ผมกลัวว่าเงินจำนวนนี้จะไม่เข้าวัดจริงน่ะสิ พ่อเลี้ยงไม่วายอิดเอื้อน
เรื่องนี้หมดห่วงได้เลยครับ ผมได้โอกาสพูดบ้าง วัดทุกแห่งต้องอยู่ในการดูแลของกรมการศาสนา ต้องทำบัญชี ถ้าพ่อเลี้ยงยินดีตามที่ผมเสนอแล้วทางวัดก็จะต้องออกใบอนุโมทนาบัตรให้เป็นหลักฐาน แบบนี้พ่อเลี้ยงก็มั่นใจได้เลยว่าเงินต้องเข้าวัดแน่
ถึงตอนนี้พ่อเลี้ยงหันไปสบตาทนายความของตนในเชิงขอความคิดเห็น ก่อนที่จะยอมถอนฟ้องคดีนั้น แลกกับการที่มีผู้ที่ศรัทธานับถือพระออกเงินบริจาคเท่ากับทุนทรัพย์ของคดีแล้วให้วัดออกใบอนุโมทนาบัตรให้แก่พ่อเลี้ยงเพื่อเป็นหลักฐานยืนยันว่ามีเงินเข้าบำรุงวัดตามจำนวนนั้นจริง
ผมเดินออกจากห้องพิจารณามาอย่างยิ้มย่อง ในที่สุดคดีนี้ฝ่ายจำเลยก็ไม่ได้แพ้ ไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้ฝ่ายตรงข้ามสามารถกินเลือดกินเนื้อได้เลยถ้าตัวจำเลยโผล่หน้ามาให้เห็น แต่ตอนนี้เขาถอนฟ้องไปแล้ว และถ้าผมเดินออกไปถึงกลุ่มชาวบ้าน พวกเขาคงจะรุมล้อมแสดงความชื่นชมยินดีกับผม
ชาวบ้านกำลังสลายกลุ่มทยอยกันกลับ แต่ไม่มีใครสักคนให้ความสนใจผม ไม่มีแม้แต่รอยยิ้มหรือการสบตาทักทาย
ผมรู้สึกเก้อกับสถานการณ์ตอนนั้น งุนงงด้วยความแปลกใจจนกระทั่งได้ยินชาวบ้านวิพากษ์วิจารณ์ถึงเหตุการณ์ทั้งหมดที่เพิ่งผ่านพ้นไปตามความรู้สึกของพวกเขา และคนหนึ่งพูดว่า
บารมีตุ๊แต๊ๆ เปิ้นตึงยอมถอนฟ้อง