10 ตุลาคม 2545 08:13 น.
เวทย์
บทเริ่มของน้ำค้างระหว่างค่ำ
แต้มหยดน้ำเกาะผนึกตามพฤกษา
ไร้แววพร่างกลางแสงแห่งจันทรา
รอเวลารับแดดอ่อนตอนอรุณ
พร้อมวาดหวังรังรองของชีวิต
เมื่อใช้สิทธิโลมไล้ไอแดดอุ่น
แสงทองที่ทาบฟ้าอ่าละมุน
จะเกื้อหนุนให้น้ำค้างพร่างประกาย
จนก่องเก็จเพียงแก้วเพริศแพรวแสง
อวดค่าแห่งเพชรน้ำค้างอย่างเฉิดฉาย
ล้อริ้วลมด้วยทีท่าที่ท้าทาย
สะท้อนพรายแดดระยับงามจับตา
โดยเปลวแดดอุ่นอ่อนตอนเช้าตรู่
สัมผัสสู่น้ำค้างสร้างคุณค่า
น้ำค้างซึ่งเป็นหยดน้ำธรรมดา
กลับเจิดจ้าจนใครใครหลงใหลมัน
แล้วโลกซึ่งความพอดีมีไม่มาก
ก็เริ่มลากเส้นผ่านการแปรผัน
ชีวิตของน้ำค้างตอนกลางวัน
ถูกผลักดันสู่บทหมดประกาย
ต้อนรับการเผาไหม้ให้เหือดแห้ง
ท่ามกลางแสงแดดจ้าเพลาสาย
แดดที่ย้อมน้ำค้างให้พร่างพราย
ได้ทำลายน้ำค้างลงอย่างเคย
7 ตุลาคม 2545 16:49 น.
เวทย์
ดอกหางนกยูงสีแดงฉาน
บานอยู่เต็มฟากสวรรค์
คนเดินผ่านไปมากัน
เขาดั้นด้นหาสิ่งใด
ปัญญามีขายที่นี่หรือ
จะแย่งซื้อได้ที่ไหน
อย่างที่โก้หรูหราราคาเท่าใด
จะให้พ่อขายนามาแลกเอา
ฉันมาฉันเห็นฉันแพ้
ยินแต่เสียงด่าว่าโง่เง่า
เพลงที่นี่ไม่หวานเหมือนบ้านเรา
ใครไม่เข้าถึงพอเขาเยาะเย้ย
นี่จะให้อะไรกันบ้างไหม
มหาวิทยาลัยใหญ่โตเหวย
แม้นท่านมิอาจให้อะไรเลย
วานนิ่งเฉยอย่าบ่นอย่าโวยวาย
ฉันเยาว์ฉันเขลาฉันทึ่ง
ฉันจึงมาหาความหมาย
ฉันหวังเก็บอะไรไปมากมาย
สุดท้ายให้กระดาษฉันแผ่นเดียว
มืดจริงหนอสถาบันอันกว้างขวาง
ปล่อยฉันอ้างว้างขับเคี่ยว
เดินหาซื้อปัญญาจนหน้าเซียว
เทียวมาเทียวไปไม่รู้วัน
ดอกหางนกยูงสีแดงฉาน
บานอยู่เต็มฟากสวรรค์
เกินพอให้เจ้าแบ่งบัน
จงเก็บกันอย่าเดินผ่านเลยไป !
5 ตุลาคม 2545 09:39 น.
เวทย์
หอบเอาความเดียวดายสุดปลายปีก
บินเลาะหลีกเรื่อยมาในป่ากว้าง
ค่ำคืนนี้ยังคงบินหลงทาง
ทนอ้างว้างเหว่ว้าอีกราตรี
ฟ้าค่ำแล้วยังบินร่อนไร้คอนจับ
ใครจะรับปลอบใจบ้างไหมนี่
นกขมิ้นบินหลงกลางพงพี
ยังไม่มีตรงไหนใครเมตตา
บินไปเกาะกิ่งไหนเขาไล่ส่ง
เหมือนเจาะจงเกลียดชังเราทั้งป่า
นกขมิ้นบินร่อนสัญจรมา
ทนอ่อนล้าอีกหน่อยคอยน้ำใจ
เจ้านกขมิ้นเหลืองอ่อน
เจ้าจะร่อนพักลงที่ตรงไหน
นกขมิ้นบินคว้างอยู่กลางไพร
แอบร้องไห้เมื่อไม่มีที่ให้นอน
5 ตุลาคม 2545 09:20 น.
เวทย์
ดอกงิ้วแดงแต่งช่อล้อลมหนาว
สีแดงพราวสะพรั่งเต็มทั้งต้น
เสน่ห์แห่งดอกไม้ช่างร่ายมนต์
ชวนให้คนคลั่งเพ้อชะเง้อมอง
แต่ลำต้นที่ห่มด้วยคมหนาม
คล้ายคอยห้ามห่วงเฝ้าอย่างเจ้าของ
หนามที่คมมีค่าดังตราจอง
ทำให้ต้องยับยั้งอยู่ตั้งนาน
กับเชื้อไฟวัยหนุ่มชุ่มเลือดเนื้อ
รับลมเหนือหนาวจัดที่พัดผ่าน
เหลือบตาดูงิ้วแดงแข่งกันบาน
บ่มความร่านลืมตัวของหัวใจ
โดยสายลมราวกับรุมจับต้อง
ทุกกลีบของดอกงิ้วจึงพลิ้วไหว
กลีบอวบอิ่มที่อวดท้าสายตาใคร
คือเปลวไฟโชนเผาจนเร่าร้อน
คมหนามจึงปรามใจไว้ไม่อยู่
อยากเรียนรู้รสเสน่ห์แห่งเกสร
งิ้วที่ช่างอวดช่ออรชร
น่าเฟ้นฟอนทุกซอกกลีบดอกงาม
เธอคือดอกงิ้วแดงแห่งความฝัน
ดอกที่ฉันเผลอรักเกินหักห้าม
ทุกวันนี้หัวใจเหมือนไฟลาม
ยอมถูกหนามบาดเนื้อได้เพื่อเธอ
4 ตุลาคม 2545 17:18 น.
เวทย์
เคยดื้อรั้นดันทุรังทั้งที่โง่
เทียบรอยเท้าเราก็โตเลยโอหัง
ใครจะบอกอะไรไม่เชื่อฟัง
เถียงเขาทั้งยังต้องรอหาข้อมูล
จะโกรธมากหากเขาว่าเราเด็ก
ยิ่งน้องเล็กเรียกเราเฮียยิ่งเสียศูนย์
บอกตัวเองไม่อาศัยใครเกื้อกูล
เรื่องเทิดทูนยกย่องใครไม่เคยคิด
มีแต่ฉันกับเธอเสมอภาค
จะพูดจาขวานผ่าซากก็เป็นสิทธิ
ถึงเลยเถิดไปหน่อยเรื่องน้อยนิด
ว่าฉันผิดไม่ได้ไม่รับฟัง
ใครผิดหูนิดเดียวก็เกรี้ยวกราด
อาละวาดขึ้นมาเหมือนบ้าคลั่ง
ไม่รู้ตัวว่าทำสิ่งน่าชิงชัง
เพียงเพราะยังอ่อนเยาว์เบาปัญญา
เป็นวัยรุ่นจำเป็นไหมต้องใจร้อน
ไม่เคยย้อนคิดว่านั่นแหละปัญหา
อยู่ในโลกมืดมิดปิดหูตา
ยังหวังว่าคนอื่นเขาต้องเข้าใจ
จนผ่านร้อนผ่านหนาวยาวนานหน่อย
จึงค่อยค่อยเรียนรู้เป็นผู้ใหญ่
มีสองหูสองตามาทำไม
ถ้าเราใช้อยู่มากแค่ปากเดียว