3 ธันวาคม 2545 09:30 น.
เวทย์
กางตำรามาจำแนกข้อแตกต่าง
ไหนอวดอ้างอวดรู้ดูสับสน
บ้างเหลวไหลเลอะเทอะเปรอะเปื้อนปน
บ้างตั้งตนเจ้าลัทธิอภิปราย
แม้บันทึกประวัติศาสตร์ยังคลาดเคลื่อน
บ้างบิดเบือนผิดพลาดบ้างขาดหาย
ก็แค่อ่านผ่านตาอย่างมงาย
อย่าให้กลายเป็นกรอบครอบงำเรา
ต่างมุมมองตรองตามต่างความคิด
ถูกหรือผิดหากถือมั่นนั่นแหละเขลา
เป็นชนชั้นปัญญาอย่าใจเบา
รู้จักเอาสมองคิดอย่าติดตม
อะไรคล้าย อะไรคือ แก่นหรือเปลือก
เธอต้องรู้ต้องเลือกให้เหมาะสม
คุณค่าหรือสักแต่ว่าค่านิยม
อย่าโง่งมยึดติดปิดหูตา
สหวิทยาการผสานผสม
แนวนิยมสนับสนุนสร้างคุณค่า
จนแตกกิ่งต่อก้านสานปัญญา
ใช้วิชาความรู้อุ้มชูชน
เป็นบัณฑิตคิดคำนึงถึงผลลัพธ์
วิชากับอวิชชาอย่าสับสน
ต้องรู้จักพูดจาภาษาคน
อย่ายกตนข่มท่านลาญตัวเอง
21 พฤศจิกายน 2545 09:35 น.
เวทย์
บันทึกถ้อยร้อยกรองตรองสักนิด
คือประดิษฐ์เครื่องมือใช้สื่อสาร
บังคับแบบแยบยลของกลกานท์
แค่เพื่ออ่านไพเราะเสนาะเรียง
หากพลาดหลงลืมคิดจะติดขัด
ละเลยอรรถพาลอดชื่นรสเสียง
ทั้งรสคำรสความติดตามเคียง
ต้องพร้อมเพรียงครบรสกำหนดเพียร
หากไม่ร่างเค้าเรื่องเป็นเบื้องต้น
ก่อนจะค้นคิดคำนำมาเขียน
ก็มักหลงเข้ารกวกวนเวียน
กลายเป็นเพี้ยนเพ้อพล่ามตามอารมณ์
วิธีร้อยเรียงคำผูกสัมผัส
ต้องเลือกคัดว่าคำไหนใช้เหมาะสม
บ่อยครั้งคำเรียบเรียบแต่เฉียบคม
น่าชื่นชมกว่าคำขลังอลังการ
บรรยายภาพต้องให้เห็นเป็นภาพพจน์
รู้กำหนดยลแยบแบบโวหาร
ต้องรู้จักยักเยื้องคำจนชำนาญ
เสร็จแล้วอ่านหลายหลายจบเพื่อทบทวน
คือเขียนเองอ่านเองอย่างเคร่งครัด
ตรงไหนขัดแก้ไขให้ถี่ถ้วน
สุดท้ายแล้วถ้าไม่ดีเท่าที่ควร
จบกระบวนตรงตะกร้าอย่าเสียดาย
16 พฤศจิกายน 2545 18:17 น.
เวทย์
เชลงลักษณ์จักแต่งแสร้งสานฝัน
ฝันฝากพากย์รำพันเรื่องเพ้อ
ถือสาว่าจำนรรจ์จริงแน่ ไฉนฤๅ
กลกระต่ายหมายชะเง้อเงื่อนครั้งกรุงศรี
กวีวาทศรีปราชญ์เย้าหยอกนาง
ลามเรื่องเคืองระคางขุ่นข้อง
มหันตโทษพิโรธวางกระบิลบท
เนรเทศเป็นเหตุต้องต่อร้ายภายหลัง
บังควรครวญใคร่ข้อคติเตือน
ติงว่าอย่าเลอะเลือนเรื่องล้อ
หมายพลาดอาจบิดเบือนบังเกิด กลีเฮย
เลยเถิดเกิดทุกข์ท้อถ่องแท้ทวนถวิล
ยินสารสานต่อถ้อยทางควร
เติมแต่งแปลงเป็นชนวนอนาถได้
สังเกตเหตุผลมวลเมินเล่ห์ ลวงแฮ
คือหลักหนักแน่นให้เหือดร้ายคลายเข็ญ
.เป็นปราชญ์ปราดเปรื่องต้องตรองคดี
ไหวหวั่นบันเทิงทวีเทวษซ้อน
หวานพจน์อรรถรสมีเพียงมุ่ง มิตรนา
คำเดือดความเชือดย้อนยุ่งนั้นพันพัว
.มัวเขลาเมาจิตเคลิ้มคำกรอง
คิดว่าคือครรลองแน่แล้ว
เหลวไหลขาดไตร่ตรองลืมสติ
ทุกข์หนักฤๅจักแคล้วเหตุคล้อยรอยลวง
31 ตุลาคม 2545 10:10 น.
เวทย์
หนูรักบทร้อยกรองอยากลองเขียน
ต้องพากเพียรเพียงใดอย่างไรหรือ
มีเคล็ดลับอะไรใช้ฝึกปรือ
หวังลุงคือครูสอนไหว้วอนที
ฟังแล้วตื้อตีบตรองสมองป่วน
นึกทบทวนทุกช่องมองวิถี
เราเองเขียนออกไปยังไม่ดี
ทั้งไม่มีพรสวรรค์ช่วยบันดาล
เพียงแค่เขียนบทกวีด้วยชีวิต
กลั่นความคิดกรองอารมณ์ผสมผสาน
ให้ทุกคำเป็นคำที่มีวิญญาณ
ถ่ายทอดจินตนาการละเมียดละไม
ค่อยค่อยคิดเรียงคำร้อยสัมผัส
บรรจงจัดเนื้อความตามวิสัย
มิเผลอปล่อยตามประสากลอนพาไป
กลอนจึงไม่เลอะเลือนจนเลื่อนลอย
แม้ไม่ค่อยยึดมั่นฉันทลักษณ์
แต่ตระหนักความเป็นไทยไว้สักหน่อย
คือเป็นคนช่างคิดประดิดประดอย
จนทุกถ้อยสอดผสานวิญญาณไทย
เพื่อให้เป็นบทกวีแห่งชีวิต
แทรกข้อคิดคำคมสมสมัย
จนคนอ่านมิอาจอ่านเพียงผ่านไป
แต่จดจำประทับใจไปเนิ่นนาน
20 ตุลาคม 2545 11:35 น.
เวทย์
หยาดน้ำค้างเคลียหมอกเหมือนหยอกล้อ
นกเขาคลอเสียงใสแข่งไก่ขัน
ดอกไม้คลี่กลีบมารับตาวัน
คือเช้านั้นตอนที่ฉันมีเธอ
สรรพสิ่งสดสวยเติมด้วยฝัน
จึงเก็บมันเอาไว้ในใจเสมอ
เก็บเป็นความประทับใจที่ได้เจอ
เก็บมาเพ้อถึงบ้างเมื่อห่างไกล
อารมณ์คนเขียนกลอนต้องอ่อนหวาน
รู้คิดอ่านรู้จักซ่อนความอ่อนไหว
คำพูดเธอทุกคำจำฝังใจ
หยิบมาใส่มาถวิลทุกชิ้นงาน
ทั้งรสความรสคำทำให้ครบ
ให้อ่านจบแล้วคุ้มค่าที่มาอ่าน
สายธารสวย ฟ้าใส ดอกไม้บาน
อยู่ในจินตนาการละเมียดละไม
ลมหนาวเริ่มล่องฟ้ามาบาดผิว
หมอกทอริ้วลอยลมมาห่มให้
แม้เมื่อนับระยะทางจะห่างไกล
แต่กลางใจตอนนี้ยังมีเธอ