12 มกราคม 2549 21:04 น.
เล็บมังกร
หมอกเอ๋ยหมอกยามเช้า
มีใครเล่าคอยพรมหา
เย็นเยียบเฉียบบาทา
แต่นำมาซึ่งชุ่มฉ่ำ
หมอกคลุมที่พุ่มไม้
แต้มใบใสคือหยดน้ำ
หยาดหยดเหมือนลำนำ
ที่จดจำท่วงทำนอง
หมอกขาวพราวพรูพร่าง
เหมือนภาพร่างหยาดน้ำนอง
สดใสสวยชวนมอง
เป็นรอยร่องลอยล่องใจ
รายทางหมอกหนาคลุม
เห็นแมงมุมขยุ้มใย
ไหวยวบหยาดน้ำใส
เกาะตามใยดูงามตา
หมอกสลายเริ่มสายแล้ว
เห็นแนวฟ้ามาใกล้ตา
แต่หมอกดำในกายา
คลุมใจข้ามาช้านาน
12 มกราคม 2549 20:57 น.
เล็บมังกร
สาวเอยสะโอดสะอง
โฉมยงช่างยั่วชวนยล
สะบัดสะบิ้งส่ายบน
เต้นจนตาจ้องต้องใจ
เจ้าดิ้นจึงเด้งเจ๋งด้วย
แต่งสวยเติมสาวตาใส
ชอบเที่ยวเฉี่ยวทั่วฉ่ำไท
ค่ำไหนคืนหนาวคราวนั้น
รู้ไหมริหมุ่นครุ่นมั่ว
สบใช่ส่อชั่วสิ่งชัน
ดิ่งเร้าดันรื้อดื้อรั้น
อาจพลันอิงพลาดแอบเพลิน
ทะลึ่งเที่ยวเล่นทิ้งลาย
สิ่งง่ายสรรค์งานสร้างเงิน
มียั่วมั่วยามากเยิน
ก้าวล้ำเกินเลยเกยล่วง
อย่าเมินญาติมิตรยังมี
แม่พี่มีพ่อมิตรพ่วง
ยิ่งห่างย้ำให้ยังห่วง
ละเงาลืมง่วงลวงงง
กลับตัวกลัวตายกายต่ำ
อย่าล้ำย้ำลดยิ่งหลง
ชีวิตใช่ว่างเชี่ยววง
โฉมยงใช่ยั่วชั่วยาว
11 มกราคม 2549 21:06 น.
เล็บมังกร
เข่นฆ่าข่มขืนขู่เข็ญ
สังคมเป็นเช่นนี้เชียวหรือ
ลักลอบล่วงล้ำเล่าลือ
ยึดถือมาตั้งแต่ไหน
เร่งรุดระรานรุกเร้า
เพื่อครองยึดความยิ่งใหญ่
เศษซากสูญเสียสู้ใส่
แล้วได้อะไรกลับมา
ชีวิตใช่ว่างช่างวุ่น
กลับครุ่นไปด้วยเข่นฆ่า
ตีรันตัวรบตบรา
สรรหาอาวุธทิ่มแทง
เปลวตกปล่อยตัวปลายต่ำ
หลงคะมำวังวนดับแสง
หยุดปลงอย่าปล่อยยิ่งแปลง
เพื่อแสวงหาสันติภาพให้โลกเรา
11 มกราคม 2549 21:01 น.
เล็บมังกร
(กลอนแปด)
เห็นว่าวน้อยลอยเล่นลมสมสง่า
โครงไผ่ขึงตึงกล้าท้าลมฝน
สายป่านเอื้อมเชื่อมสัมพันธ์ดั่งใจตน
สู่เบื้องบนนภากาศอันวาดตรึง
(กลอนหก)
ว่าวน้อยคอยเรียงเคียงคู่
ลมอู้สู่นภาพาถึง
ป่านปั่นผันผ่อนหย่อนตึง
ป่านขึงตึงหย่อนผ่อนไป
(กลอนสี่)
เปรียบว่าวชีวิต
ลิขิตตนได้
ไม่ตึงหย่อนไป
อยู่ไปได้นาน
ชิวิตติดตรึง
ขึงหย่อนอ่อนต้าน
การใดผสาน
ให้งานเหมาะควร
(แคนโต้)
ว่าวชีวิต
ฉัน
ลอยไกล
ลอยไปใกล้ดาว
ดาวน้อยทัก
ระวังเกี่ยวฉันขาด
ว่าวยังลอยอยู
แม้บางคราวอ่อนล้า
ลมแรงเกินไป
เธอ
ลม
เป็นสายป่านให้ฉันลอยอยู่ได้
ว่าวชีวิต
ฉัน
มีเธอ
10 มกราคม 2549 11:24 น.
เล็บมังกร
ฟ้างาม ยามเย็น เห็นชัด
ไม่ขัด สัจธรรม ค้ำฟ้า
ตะวันฉาย หมายครอง ท้องนภา
เย็นย่ำ ค่ำมา ดาราครอง
กลางวัน อิทธฤทธิ์แรง แฝงอำนาจ
แต่ขาดเสริม เพิ่มค่า ดาราหมอง
ตะวันรุ่ง มุ่งนภา ที่เคยปอง
ต้องเคลื่อนคล้อย ลอยลับ สิ้นอับทาง
ดั่งชีวิต ต้องคิดหนุน และกูลเกื้อ
โอบเอื้อ เผื่อผองมิตร จิตกว้าง
หากคิดข่ม ล่มสลาย สหายจาง
มิตรร้าง ห่างหาย ทลายพัง
สัจธรรมฟ้า น่าคิด พินิจค่า
ผ่านตา มาตรอง สนองหวัง
สิ่งรายรอบ ตอบคำคิด มิปิดบัง
เพียงหยุดฟัง นั่งดู สักครู่พอ