10 ตุลาคม 2551 22:03 น.
เรไร
วันที่เคยปลาบปลื้มลืมแล้วหรือ
แดนนี้คือแผ่นดินถิ่นสยาม
ที่ทั่วโลกเลื่องลือระบือนาม
กล่าวถึงความมีน้ำใจมิตรไมตรี
หน้าที่เคยแต่งแต้มด้วยแย้มยิ้ม
ดุจภาพพิมพ์ให้ประจักษ์เป็นศักดิ์ศรี
เมืองที่คนพร้อมพักตร์สามัคคี
แต่วันนี้กลับกลายสูญหายไป
อุดมการณ์ความคิดเริ่มผิดแผก
เริ่มแบ่งแยกสองข้างเลือกข้างไหน
จึงแบ่งพวกแบ่งพ้องพี่น้องไทย
สิ้นน้ำใจเคยชอบมอบแก่กัน
ทั้งสองฝ่ายแตกต่างเพราะอ้างสิทธิ์
ทางความคิดว่าชอบธรรมจะห้ำหั่น
จับอาวุธแล้วประกาศเข้าฟาดฟัน
โหมประจัญให้ตายวายชีวา
ถึงวันนี้น่าสลดแสนหดหู่
ยังไม่รู้ประชาธิปไตยที่ใฝ่หา
ต้องกี่หยดเลือดกระเด็นเซ่นบูชา
หรือเข่นฆ่าจึงจะสมอุดมการณ์
หากลองเลิกบาดหมางเพราะอ้างสิทธิ์
หยุดความคิดจ้องขจัดประหัตประหาร
แล้วนึกถึงพระราชดำรัสที่พระราชทาน
ใช้วิจารณญาณว่าเรามีหน้าที่อะไร
3 ตุลาคม 2551 21:35 น.
เรไร
เธอเหนื่อยยากมากไหมใช้ชีวิต
ในดวงจิตเคว้งคว้างบ้างหรือเปล่า
หรือท้อแท้สิ้นหวังนั่งซึมเซา
จะเงียบเหงาหัวใจ หรือไม่เลย
กับชีวิตดิ้นรนคนเมืองใหญ่
แม้นดวงใจเหว่ว้าต้องชาเฉย
สร้างเปลือกปิดตัวตนจนคุ้นเคย
มิเปิดเผยด้วยกลัวเห็นตัวตน
ฉันเฝ้ามองอย่างหดหู่อยู่ห่างห่าง
แลเห็นความอ้างว้างไร้เหตุผล
กลางสว่างวาววับกลับมืดมน
ความสับสนเสมือนเงาเฝ้าติดตาม
มาฟังสิท่วงทำนองเพลงของฉัน
พาผ่านวันทุกข์ยากฝ่าขวากหนาม
มาฟังสิ.. ฉันจะเอ่ยเผยนิยาม
สิ่งงดงามกลางเหงาและเปล่าดาย
มาโอบกอดความเหงาอย่างเปล่าเปลี่ยว
เพียงผู้เดียวในฝันคืนจันทร์ฉาย
เผื่อว่าความขมขื่นจะคืนคลาย
ฉันจะร่ายเพลงเฝ้าพะเน้าพะนอ
เป็นบทเพลงบนเส้นทางระหว่างฝัน
คู่เคียงกันท่วงทำนองด้วยร้องขอ
เสมือนมิตรเสมือนเงาผู้เรารอ
ช่วยเติมต่อทอฝันมีฉันเคียง