28 กันยายน 2550 00:06 น.
เรไร
มันเกิดมาจากความรู้สึก
ส่วนลึกเกินใจจะหยั่งถึง
จินตนาคร่ำครวญหวนคะนึง
มาจากก้นบึ้งจิตวิญญาณ
คอยสร้างเรื่องราวที่รุ่มร้อน
ฟืนฟอนลุกเริงดุจเพลิงผลาญ
สร้างความเย็นสบายดั่งสายธาร
นำความชื่นบานสราญรมย์
จุดประกายนำทางคอยสร้างสรรค์
สร้างสวรรค์สร้างสุขสนุกสม
วาดหวังวิงวอนขอพรพรหม
ได้สิ่งชื่นชมสมดังใจ
หลงละเมอเพ้อพกวิตกจริต
ครุ่นคิดคร่ำครวญชวนสงสัย
หวาดหวั่นว่าตัวกลัวมีใคร
ทำให้มัวหมองต้องราคี
บางครั้งปล่อยจิตให้คิดเผลอ
เลิศเลอยอดเยี่ยมเปี่ยมราศี
ใหญ่ยิ่งเกินใครในปฐพี
หามีใครเทียบหรือเปรียบปาน
หลงระเริงว่าดีมีคุณค่า
สูงกว่าคนอื่นเป็นพื้นฐาน
หยั่งรากติดตรึงถึงสันดาน
ก็แค่จินตนาการที่ฟั่นเฟือน
26 กันยายน 2550 21:08 น.
เรไร
อยากคว้าเมฆลอยคว้างกลางอากาศ
มาคลี่เป็นกระดาษเพื่อวาดฝัน
แล้วเรียงร้อยถ้อยพจน์บทรำพัน
เพื่อยืนยันนิยามบอกความใน
ว่าต้องอยู่อย่างฉันทุกวันนี้
แค่เพียงมีชีวันที่หวั่นไหว
อยู่เพียงแค่รอวันคืนผ่านไป
แต่หัวใจสิ้นสุขทุกข์ระทม
มองกุหลาบปลูกไว้อยู่ในสวน
ยิ่งโหยหวนกล้ำกลืนสุดขื่นขม
ยามผลิบานหอมหวนชวนเชยชม
ยิ่งตรอมตรมดวงจิตคิดถึงเธอ
ยามค่ำคืนดื่นดาวพราวฟ้ากว้าง
นอกหน้าต่างมองไปเพราะใจเผลอ
เคยดูดาวพรอดพร่ำคำละเมอ
คืนนี้เพ้อเปล่าเปลี่ยวอยู่เดียวดาย
แค่อยากบอกความในให้เธอรู้
ต้องทนอยู่อย่างรันทดหมดความหมาย
ทุกนาทีที่ผ่านพ้นทุรนทุราย
คำสุดท้ายพร่ำพรอดอยากกอดเธอ
25 กันยายน 2550 10:25 น.
เรไร
โอม.....เพี้ยง
สิ้นเสียงบริกรรมคำคาถา
พระเวทย์จบคำตามตำรา
สาลิกาลิ้นทองดลบันดาล
อยากมีเนื้อคู่เป็นชู้ชื่น
ทุกคืนพรอดพร่ำเพียงคำหวาน
มีแต่คนโกรธไม่โปราดปราณ
อีสานเหนือใต้ใครใจดี
มารักกับพี่จะดีว่า
คนเขาไม่ด่าว่าเป็นสมี
ไม่ต้องอับอายไปบวชชี
หรือหนีคำครหานะหน้ามล
ยอมแม้ปวดร้าวฮักสาวเหนือ
โปรดเอื้อฮักอ้ายได้สักหน
บ่มีกิ๋นอย่างเขาเฮามันจน
เป็นคนอยากอยู่คอยดูแล
หากไปแดนดินถิ่นอีสาน
กันดารเพียงไหนก็แล้วแต่
เว้าลาวเป็นเพื่อนมิเชือนแช
จนแก่จนเฒ่าเข้าวัยชรา
สำเนียงทองแดงอยากแหล่งใต้
พูดไปไม่พรืออย่าถือสา
จะไปช่วยกรีดยางพารา
จับปลาจับปูอยู่ด้วยกัน
รักสาวภาคกลางกลับว่างเปล่า
เงียบเหงาเหลือทนคนอย่างฉัน
โดดเดียวเดียวดายมาหลายวัน
เพ้อฝันหดหู่เพียงผู้เดียว
ไขว่คว้าเหมือนฝันทุกวันเพ้อ
หลงละเมอว่าไร้ใครแลเหลียว
คงบ้าหารักแน่นักเชียว
อีกเดี๋ยวถูกจับกลับโรงพยาบาล
19 กันยายน 2550 21:00 น.
เรไร
หากพูดถึงยศช้างขุนนางพระ
โบราณท่านให้ละอย่าแตะต้อง
จงปล่อยเป็นเวรกรรมตามครรลอง
มีมุมมองต่างกันเรื่องพรรค์นี้
ฉันแสดงตัวตนเป็นคนชั่ว
ที่เกลือกกลั้วกิเลสเหตุบัดสี
คนเขามองว่าฉาวคาวโลกีย์
ทั้งสุรานารีมีครบครัน
จะเหน็บแนมหรือด่าว่าประชด
ก็ตามบทตัวตนคนอย่างฉัน
ไม่หลอกลวงเล่ห์มารยาสารพัน
ไม่เคยปั้นหรือสร้างภาพคอยฉาบกาย
เหมือนกับคนบ้าบ้างเพราะห่างวัด
ไม่เคยขัดศีลธรรมทำเสียหาย
เพียงแค่ถือศีลห้าแทบบ้าตาย
นึกละอายสำนึกผิดก็คิดเป็น
เคยบวชเรียนธรรมะเป็นพระสงฆ์
พยายามปลงอยากสุขดับทุกข์เข็ญ
มีมารผจญยั่วเย้าทุกเช้าเย็น
ก็สำรวมทำไม่เห็นสิ่งเป็นไป
เมื่อพูดถึงยศช้างขุนนางพระ
มิรู้จะบาปกรรมที่ทำสงสัย
เพราะเป็นพุทธศาสนิกชนเป็นคนไทย
มิอยากให้สิ้นสุดก่อนพุทธกาล
13 กันยายน 2550 17:04 น.
เรไร
จะมีใครบ้างนะเมตตาจิต
ช่วยฉันนิดให้เลิกงงด้วยสงสาร
ใครสักแม้คนเดียวที่เชี่ยวชาญ
โปรดทำทานฉันด้วยช่วยทำนาย
เพราะเมื่อคืนเหนื่อยนักอยากพักอยากผ่อน
ข่มตานอนกว่าจะหลับกระสับกระส่าย
ก็ผล็อยหลับด้วยสับสนกระวนกระวาย
เริ่มฝันร้ายฝันเฟื่องเป็นเรื่องเป็นราว
ฝันว่าเดินไปถึงเห็นบึงใหญ่
มีน้ำใสแต่ประหลาดอากาศหนาว
มีแสงแดดพริบระยับดูวับวาว
เห็นหนุ่มสาวเด็กน้อยนั่งตกปลา
เดินไปหยุดสะดุดลงตรงเด็กน้อย
นั่งมองทุ่นตาลอยละห้อยหา
แล้วฉับพลันทุ่นจมหายจากสายตา
เธอรีบคว้ารีบงัดตวัดคัน
เห็นปลายคันโค้งงอเป็นขอเบ็ด
เธอร้องเอ็ดอื้ออึงตะลึงลั่น
พี่จ๋าพี่โปรดด้วยมาช่วยกัน
เธอบอกฉันร้องขออย่ารอรี
ฉันจึงรีบเข้าไปไม่รอช้า
ดูเหมือนปลาตกใจจึงว่ายหนี
ดึงกันมาลากไปก็หลายนาที
ก็เริ่มมีแววว่าจะได้ตัว
แต่พอเก็บสายดึงใกล้ถึงฝั่ง
ฉันจังงังคิ้วขมวดจนปวดหัว
เห็นไม่ใช่เป็นปลาช่างน่ากลัว
ทำไมมั่วเป็นสุนัขเอ๊ะ!.. ชักงง
เห็นตัวเบ็ดโค้งเรียวเกี่ยวหน้าผาก
ฉันจึงอยากเข้าช่วยด้วยประสงค์
จะไปปลดตะขอนั้นอย่างบรรจง
สุนัขคงปวดแปลบเจ็บแทบตาย
มันตกใจไล่กัดสะบัดเบ็ด
น้ำตาเล็ดเบ็ดหลุดเปลี่ยนจุดหมาย
โดนตะขอเกี่ยวบ้างที่ร่างกาย
ที่แข้งซ้ายถูกตะขอแสนทรมาน
ใกล้เวลาฟ้ารุ่งสะดุ้งตื่น
ฝันเมื่อคืนแปลกใจอยากไขขาน
แต่ก็จนปัญญาปวดกะบาล
อยากขอวานสักคำช่วยทำนาย