9 มิถุนายน 2548 16:10 น.
เรไร
ในยามรักน้ำตาลยังเรียกพี่
น้ำผึ้งมีรสหวานสักปานไหน
ยังแพ้พ่ายความตราตรึงที่ซึ้งใน
มองอะไรก็แพรวพราววาวชมพู
จะเดินไปที่ใดมิเคยห่าง
หมาข้างทางเห่าหอนให้หนวกหู
เอาหินเขวี้ยงเหวี่ยงไม้ไล่ลงคู
น่าอดสูเห่าขวัญใจได้ไงกัน
ล่วงเลยวันวิวาห์มาห้าปี
โถคนดีเปลี่ยนไปให้อวบอั๋น
ช่างอุดมสมบรูณ์พูนไขมัน
กว่าสามชั้นหลายลอนแสนอ่อนใจ
หวนระลึกเหมือนฝันในวันเก่า
ที่สองเรากุมมือมั่นมิหวั่นไหว
บนถนนทอดยาวเราก้าวไป
จิตสงสัยอยากย้อนผ่านกาลเวลา
ณ เส้นทางสายเก่าที่เราเดิน
ก็เผชิญเสียงเห่าของเจ้าหมา
หันกลับไปตะคอกใส่ภริยา
เดินเซ่อซ่าให้หมาเห่าเศร้าจริง
แนะแม่คุณ..!! เร่งฝีเท้าก้าวให้ถี่
ช้าอย่างนี้รออะไรไอ้น้องหญิง
ก่อนแคล่วคล่องว่องไวคล้ายดั่งลิง
เดี๋ยวพ่อทิ้งปล่อยหมากัดฟัดให้ตาย
@@@@@@@@@@@@@@@@@@
...เรื่องเฮฮาในวงเหล้า...เล่ากันขำขำ ..
แรกรักกันหมาเห่าแฟนไล่เตะหมา
พอเลื่อนฐานะเป็นภรรยา
หมาเห่า หันไป เอ๊!! เดินยังไงให้หมาเห่า
เดี๋ยวป๊ะ...เหนี่ยว
@@@@@@@@@@@@@@@@@@
9 มิถุนายน 2548 10:27 น.
เรไร
บนเส้นทางชีวิตที่ย่างก้าว
ช่างทอดยาวคงมากด้วยขวากหนาม
ทั้งทุกข์ทนหม่นเศร้าเฝ้าติดตาม
พยายามฝ่าไปด้วยใจตน
บางครั้งเดินเซ่อซ่าสะดุดล้ม
ร้าวระบมเจ็บกายตั้งหลายหน
ร้องโอดโอยโทษชะตาฟ้าเบื้องบน
น้ำตาล้นระรินรอบขอบดวงตา
ธารน้ำตาตกในไห้สะอื้น
เอากลับคืนหัทยาอนาถา
ค่อยหยัดกายลุกยืนฟื้นชีวา
ทางข้างหน้าอุปสรรคยังมากมาย
หนทางเดินข้างหน้าดูคดเคี้ยว
ต้องเลาะเลี้ยวอ้อมไปมากจากจุดหมาย
ทั้งทางแยกครุ่นคิดจิตวุ่นวาย
ขวาหรือซ้าย ฤ ตรงไปทางไหนดี
มองป้ายเขียนบอกไว้ไปทางขวา
ต้องผ่านป่ากั้นกลางขวางวิถี
เสี่ยงเสือสิงห์สัตว์ร้ายหมายชีวี
ทั้งภูตผีเทพาอารักษ์ไพร
หากจะเลี่ยงเบี่งเบนเป็นทางซ้าย
ต้องย่ำกรายผ่านฟุ้งเฟื่องกลางเมืองใหญ่
อันรุ่งเรืองแสงสีศิวิไลซ์
คนอาศัยดาษดื่นเป็นหมื่นพัน
คงต้องเดินทางตรงคงดีกว่า
จะเข้าป่าพงไพรก็ไหวหวั่น
จะเข้าเมืองคนต่างจิตคิดต่างกัน
กลัวไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมต้องเจียมตน
ต้องคงมั่นสรรสร้างทางชีวิต
เราลิขิตอย่างจรจัดแม้สับสน
รู้จุดหมายที่ไปไม่กังวล
ต้องยอมทนถึงสุดเหงาเราเลือกเอง
7 มิถุนายน 2548 23:52 น.
เรไร
๏ เดียวดายใต้ฟ้ากว้าง...........นภาภางค์กระจ่างใส
สัญจรร่อนเร่ไป....................จะง้อใครไฉนกัน
๏ หนทางนั้นเงียบเหงา.........ฦ โศกเศร้ามิสุขสันต์
เพียงอีกไม่นานวัน.................ก็ชินชาอุราเอง
๏ มัวแต่คอยหวั่นไหว...........จะมีใคร ฤ ข่มเหง
ชีวิตนั้นเหมือนบทเพลง........สิบรรเลงก็ตามใจ
๏ แต่งเป็นเพลงที่ชอบ..........ประโลมปลอบระทมให้
อ้างว้างจางหายไป...............ระรื่นใส่สราญรมย์
๏ น้ำตาเคยไหลอาบ.............ผิว์เช็ดคราบละขื่นขม
ตามหาสิ่งชื่นชม..................ณ วันหนึ่งสิพบพาน๚ะ๛
สาลินีฉันท์ ๑๑
ครุครุครุ ครุครุ1 ลหุครุครุ1 ลหุครุครุ2
ครุครุครุ ครุครุ2 ลหุครุครุ ลหุครุครุ3
......................... .............................3
6 มิถุนายน 2548 21:50 น.
เรไร
๏ยามเมื่ออุษาสาง............คคนางค์สว่างแล้ว
แสงส่องสิเห็นแนว..............ปฐวีวิถีทาง
๏เร่ร่อนตะลอนฝัน...........สติมั่นมิเคว้งคว้าง
ขวากหนาม ฤ ขัดขวาง.......รติสร้างกำลังใจ
๏ห้วงแห่งสิเน่หา.............ฤ นภาจะกั้นไหว
คร่ำครวญคนึงใน..............หฤทัยสิแหลกราน
๏จิตเศร้าสลดโศก...........วิปโยคและร้าวฉาน
ตรอมตรมระทมนาน..........ฤ สวรรค์ลิขิตมา
๏ให้ชีพดำเนินไป............ขณะใจสิโหยหา
มืดบอดตลอดมา................ก็ชะตากำหนดเกณฑ์
๏จนสิ้นทิวาวัน................สุริยันอร่ามเห็น
ขอบฟ้า ณ ยามเย็น...........จิตหวั่นสะท้านกาย
๏หลับตานิทราลง...........ก็พะวงมิรู้หาย
ขื่นขมจะตรมตาย.............จะผุผังสิหวังเรา
๏เดียวดายรำพึงหา........อุระเอยจะเงียบเหงา
หลงคว้าก็เพียงเงา...........นิรมิตนะจิตใจ๚ะ๛
3 มิถุนายน 2548 15:49 น.
เรไร
หาใช่สิ่งที่สร้างความยุ่งยาก
ต้องลำบากวุ่นวายในชีวิต
อย่ากังวลหมองหม่นจนข้องจิต
ขออย่าคิดอะไรมากมายนัก
คงปากพล่อยไปบ้างอย่างเขาว่า
คำพูดจาบางทีมิตระหนัก
บางท่าทีอาจรู้สึกเหมือนยึกยัก
อย่าได้ปักใจเชื่อว่าเบื่อกัน
เราต่างมีสิ่งฝันอันแหนหวง
คนละดวงคนละใจใช่ไหมนั่น
แต่ด้วยมีเยื่อใยสายสัมพันธ์
คอยปลอบขวัญร่วมสร้างกำลังใจ
อย่าได้มองว่าเป็นเช่นภาระ
คือพันธะแห่งฤดีที่ยิ่งใหญ่
จากเนื้อแท้ความรู้สึกลึกข้างใน
มิเผลอไผลจะถนอมพร้อมดูแล
ผมเต็มใจครับ และอยากให้คุณเป็นภาระสำหรับผมตลอดไป