12 เมษายน 2548 23:59 น.
เรไร
สวัสดีวันนี้ว่างหรือเปล่า
งานบางเบากินข้าวกันสักมื้อ
มีเรื่องราวปรึกษาหารือ
ชวนมารื้อความสัมพันธ์ที่สั่นคลอน
เลือกเอาร้านอาหารที่คุณชอบ
รอคำตอบไปไหมนั่นใจมันร้อน
นัดเวลาเมื่อสายัณตะวันรอน
ฉันไปก่อนร้านนั้นฉันนั่งคอย
เมื่อตะวันลาลับดับขอบฟ้า
เธอก็มาสั่งปลาปรุงพร้อมกุ้งหอย
จะเอาอกเอาใจแม่เนื้อกลอย
ให้อร่อยแกะเปลือกเลือกให้ทาน
ฉันมีของมากมายตั้งหลายอย่าง
เอามาวางทั้งมาลีสีหวานหวาน
นี่แหวนพลอยล้อมเพชรเก็จตระการ
กุญแจบ้านหลังใหม่มอบให้เธอ
นี่ก็รถคันโตโก้ไม่หยอก
ที่คุณบอกอยากได้ไว้เสมอ
ทั้งเงินทองสารพัดจัดปรนเปรอ
อย่าให้เก้อจงรับเอากลับไป
หากยังมีสักนิดที่ติดค้าง
อยู่ระหว่างเรานั้นมันมีไหม
หากไม่มีฉันอยากขอหน่อยเป็นไร
ขอหัวใจขมขื่นฉันคืนมา
9 เมษายน 2548 13:31 น.
เรไร
เลือดจะไปลมจะมาคราหญิงเฒ่า
อารมณ์เฉาแปรปรวนทวนกระแส
บัดเดี๋ยวดีบัดเดี๋ยวร้ายในดวงแด
ผู้ชายแก่จึงเขียนกลอนเชิงค่อนแคะ
คนหัวล้านเคราหงอกหลอกไก่อ่อน
เฒ่ากระล่อนหนุงหนิงหญิงกระแดะ
เห็นเมียแก่เงอะงะไม่กระแซะ
โอ้ว .. นี่แหล่ะเรื่องจริงหญิงควรรู้
คำตัดรอนร้อนรน ฤทนไหว
อึดอัดใจโศกาน่าอดสู
จำนรรจาว่าเราเฒ่าหัวงู
ทำเจ้าชู้ติดเด็กเอ๊ะยังไง
วันเวลาล่วงวัยมาไกลแล้ว
ไร้วี่แววชมชิดพิสมัย
เริ่มชราแก่เฒ่าไม่เร้าใจ
แม่สาวใหญ่ค่อนแคะแงะเรื่องราว
เลือดจะไปลมจะมาพาหงุดหงิด
ใครสะกิดปรักปรำซ้ำเรื่องฉาว
ว่าเจ้าเล่ห์ฉ้อฉลกลแพรวพราว
เดี่ยวปล่อยให้นอนหนาวเหงาคนเดียว
8 เมษายน 2548 17:34 น.
เรไร
หากทะเลราบเรียบเปรียบกระจก
คงวิตกท่ามกลางลางสังหรณ์
อาจคลุ้มคลั่งในนทีสีทันดร
คลื่นสลอนซัดสาดที่หาดทราย
ก่อนวสันต์พร่างพรูสู่พฤกษา
บนนภาเมฆบังสุริยะฉาย
กลุ่มก้อนดำทะมึนขึ้นเรียงราย
เสียงคำรามสายฟ้าลั่นสนั่นเมือง
พวกหมู่มดตัวน้อยค่อยเดินแถว
เรียงเป็นแนวเห็นอุกาฟ้าเหลือง
อีกไม่นานธาราล้นจนนองเนือง
สัตว์รู้เรื่องอาณัติพิบัติภัย
ก่อนพระแม่ ธรณีนี้พิโรธ
จะลงโทษพสุธาถิ่นอาศัย
สรรพสัตว์อึกทึกในพฤกษ์ไพร
สัมผัสได้เหตุนั้นสัญชาติญาณ
สิ่งใดใดทั้งหลายในพิภพ
มีเริ่มต้นจบสิ้นผสมผสาน
เมื่อมีเหตุย่อมมีผลดลบันดาล
แต่ดวงมานยากหยั่งจิตอิสสตรี
อารมณ์รวนปรวนแปรแท้ผู้หญิง
ไร้ซึ่งสิ่งพิสูจน์เหมือนภูตผี
เดี๋ยวก็ร้ายประเดี๋ยวหายกลายเป็นดี
ยากจะชี้เฉพาะหรือเจาะจง
ธรรมชาติฤดูกาลที่ผันเปลี่ยน
คอยวนเวียนมิเคยคิดพิศวง
เป็นหทัยนางนั้นฉันงุนงง
ชาตินี้ต้องสงสัยจนวายปราณ
6 เมษายน 2548 00:35 น.
เรไร
หากว่าวัน พรุ่งนี้ ไม่มีคุณ
ความอบอุ่น เลือนลาง คงจางหาย
เจ้าดวงจิต อดสู มิรู้วาย
รักกลับกลาย ร้างลา ด้วยอาลัย
เหมือนโบยบิน เดียวดาย ในฟากฟ้า
สายลมพา พัดพลิ้ว ละลิ่วไหล
ร่อนถลา เคว้งคว้าง ว้างทหัย
สู่หนใด ปลายทาง ยังมืดมน
ฝ่าเปลวแดด แผดเผา เข้าพายุ
หวังทะลุ เมฆา ผ่านห่าฝน
อัสนี แปลบปลาบ วาบกมล
ทั้งเวหน พลันพิโรธ โกรธคำราม
ดวงฤทัย ติดปีก หลีกถลา
หลบสายฟ้า ด้วยจิต คิดเกรงขาม
หากว่ายัง ทายท้า พยายาม
มิครั่นคร้าม ธรรมชาติ อาจวางวาย
ดั่งวิหค เปียกฝน ทนหนาวสั่น
ดวงชีวัน หทัยแหลก แตกสลาย
สะบัดปีก ก็สะท้าน ร้าวรานกาย
เหมือนใจหาย ห่างเจ้า เศร้าฤดี
5 เมษายน 2548 08:32 น.
เรไร
สรรพสิ่งในโลกล้วน อนัตตา
ก่อเกิดเป็นกายมา ย่อมรู้
กรรมเก่านั่นแหละหนา ตามติด
ต้องชดใช้ทุกผู้ มิเว้นหญิงชาย
มาเพียงกายล่อนจ้อน เปลือยเปล่า
กระเสือกกระสนคว้าเอา ไม่ท้อ
เงินทองทรัพย์มัวเมา โกยกอบ
สารพัดขี้ฉ้อ ร้อยเล่ห์กลโกง
ทำไปมิเลือกแม้ วิธี
จะถูกผิดชั่วดี ก่อไว้
ขอเพียงลาภยศมี พูนเพิ่ม
คุณค่าของคนไซร้ แบ่งด้วยสิ่งใด
หลงลืมว่าชีวิตนั้น แสนสั้น
แล้วจะมีใครอยู่กัน คู่ฟ้า
อมตะนิรันดร์ หาไม่
กฏแห่งกรรมเปิดอ้า มอดม้วยเมื่อใด ใช้กรรม