26 พฤศจิกายน 2548 07:04 น.
เรไร
หากต้องอยู่อย่างไร้ ตัวตน
อยู่กับความสับสน หม่นเศร้า
อยู่กับรักมืดมน ว่างเปล่า
กับทุกข์ถมรุมเร้า สุดท้อทรมาน
หากแม้นงอยู่อย่างสิ้น ดวงฤทัย
มีแค่ลมหายใจ เท่านั้น
หน้าที่แค่เต้นไหว ในอก
ชีวิตคงจะสั้น ยากแท้ยืนยาว
หากอยู่กับความปวดร้าว เงียบเหงา
ไร้ซึ่งใครบรรเทา ลบล้าง
เพียงโดดเดี่ยวกับเงา รันทด
โศกสลดทนเคว้งคว้าง ดั่งผู้ปราชัย
หากอยู่อย่างไขว่คว้า เพ้อฝัน
หวังว่าจะสุขสันต์ เพริศแพร้ว
แต่เพราะรักจาบัลย์ เป็นพิษ
ถูกฤทธิ์เข้าไปแล้ว ยากแท้เยียวยา
22 พฤศจิกายน 2548 23:56 น.
เรไร
สายสัมพันธ์โยงใยไว้เหนียวแน่น
เรียกว่าแฟนยังน้อยที่คอยห่วง
กลัวว่าใครปลิ้นปล้อนกะล่อนลวง
ให้เจ้าดวงชีวาโศกาใจ
จึงแหนหวงยิ่งกว่าไข่ในหิน
แม้เหลือบริ้นมิยอมมาตอมไต่
ห่วงจึงหวงสุดรักปักทรวงใน
คอยชิดใกล้เช้าเย็นเป็นประจำ
ความห่วงใยมากล้นจนหึงหวง
เลยติดห้วงรู้สึกลึกถลำ
ห้วงหวงห่วงติดตามเหมือนหนามตำ
ให้ชอกช้ำร่ำไปในกมล
หวงและห่วงนอนไม่หลับกระสับกระส่าย
สิ่งสุดท้ายตาเหลือกกระเสือกกระสน
เขาเหินห่างออกไปกระวายกระวน
น้ำตาหล่นเพราะความที่เจ้ากี้เจ้าการ
22 พฤศจิกายน 2548 08:52 น.
เรไร
เมื่อวสันต์พร่างพรูสู่พฤกษา
ท้องทุ่งนาชุ่มฉ่ำด้วยน้ำฝน
กบเขียดร้องครึกครื้นชื่นกมล
หมู่มัจฉาว่ายวนชลธาร
พอย่างเข้าสิบห้าค่ำเดือนสิบสอง
น้ำในคลองนองฝั่งห้วยละหาร
ลอยกระทงประเพณีมีมานาน
ส่งสัญญาณวสันต์พลันจากลา
เมื่อสายลมพัดโรยโชยผะแผ่ว
จากทิวแถวโขดเขินสู่เนินผา
จากยอดดอยผันผ่านลานศิลา
สู่ยอดหญ้าก้านใบจนไหวเอน
หนาวลมเหนือเมื่อหนาวผ่านคราวนี้
ยังมิมีแม้นเงาเจ้าให้เห็น
ใจซึมเศร้าเหงาเงียบยะเยียบเย็น
มิรู้เป็นหรือตายร้ายหรือดี
เมื่อปีก่อนย้อนคิดจิตสะอื้น
ได้เชยชื่นแก้วตามารศรี
อกอิงแอบอุ่นไอในราตรี
สองฤดีโยงใยสายสัมพันธ์
เนื้อแนบเนื้อเติมเชื้อไฟให้ไออุ่น
อ่อนละมุนเกินใจที่ใฝ่ฝัน
เหมือนพระพายถั่งโถมเข้าโรมรัน
ให้ไพรสัณฑ์พลิ้วไหวตามสายลม
ทั่วทุ่งหญ้าราบเลี่ยนดูเตียนโล่ง
ต้นกระโดงโยกโยนเกือบโค่นล้ม
เสียงหวีดหวิวกรีดก้องร้องระงม
เมื่อสายลมพัดผ่านสะท้านไพร
ลมสวาทเงียบสงัดเลิกพัดแล้ว
เห็นเพียงแนวรอยทางช่างหวั่นไหว
คลองน้ำตาเอ่อนองท่วมห้องใจ
เพราะคงไม่มีเหมันต์เหมือนวันวาน
ห น า ว ล ม เ ห นื อ เ มื่ อ ล ม ห น า ว ผ่ า น ค ร า ว นี้
ก็ ค ง มี เ พี ย ง ฉั น สั่ น ส ะ ท้ า น
ทุ ก ค่ำ คื น โ ศ ก ใ จ อ า ลั ย ล า น
ท ร ม า น เ จ็ บ ร้ า ว ห น า ว ก ว่ า ใ ค ร
18 พฤศจิกายน 2548 08:26 น.
เรไร
เห็นประกาศข้างตึกรู้สึกขำ
เธอกล่าวนำไว้ว่าอยากหาคู่
เป็นสามีสุดประเสริฐคอยเชิดชู
เข้ามาดูข้อกำหนดกฎเกณฑ์กัน
คุณสมบัติว่าไว้ในสามข้อ
ใครที่ขอเป็นคู่ตุนาหงัน
ครบกฎเกณฑ์ที่วางได้รางวัล
พบสุขสันต์มีงานการวิวาห์
ข้อที่หนึ่งสัญญาจะไม่ทิ้ง
ต้องรักจริงมิให้เก้อต้องเพ้อหา
อยู่กันไปถึงแม้แก่ชรา
ก็จนกว่าชีวันจะบรรลัย
ขอที่สองว่าไว้ไม่ทำร้าย
จนร่างกายสะบักสะบอมยอมมิไหว
มิเลี้ยงด้วยกำปั้นมันช้ำใน
จะต้องไม่รังแกแม้นิดเดียว
ข้อที่สามกำหนดเป็นกฎว่า
มีกำลังดังม้าในป่าเปลี่ยว
รสลีลาเริงรักแน่นักเชียว
มิใช่เดี๋ยวเหี่ยวหดหมดเชิงชาย
แล้ววันหนึ่งเสียงเคาะดังก๊อกก๊อก
เธอรีบออกไปดูคู่ที่หมาย
เจอกับหนุ่มพิการทั้งร่างกาย
แขนก็หายขาก็ขาดอนาถจริง
เห็นรูปร่างแล้วสมเพชเวทนา
จึงพูดว่าพลั้งเผลออย่างเย่อหยิ่ง
เป็นเช่นนี้แล้วใยไม่ประวิง
ว่าผู้หญิงที่ไหนใครจะมอง
คุณสมบัติตั้งไว้มิได้แกล้ง
ช่วยแจกแจงข้อหนึ่งถึงข้อสอง
ข้อที่สามครบความตามครรลอง
คิดหมายปองโปรดเฉลยเอ่ยออกมา
แล้วชายหนุ่มผู้นั้นพลันตอบถ้อย
ฉันบุญน้อยเกิดทั้งมีไม่มีขา
ฉันจะหนีไปไหนได้แก้วตา
อยู่เป็นข้ารับใช้ไปจนตาย
ไม่มีแขนสักข้างอย่างฉันนี้
จะทุบตีอย่างไรให้เสียหาย
ให้งามขำเจ็บจนทุรนทุราย
ไม่ทำร้ายแน่แน่แม่โฉมตรู
ข้อสุดท้ายใช่ฉันมันอวดโอ่
ไม่ขี้โม้แรงมิหมดให้อดสู
จงครุ่นคิดไตร่ตรองลองนึกดู
ว่าที่เคาะประตูคืออะไร???
รับสมัครสามี
ข้อ 1. จะไม่ทิ้งเธอไป ต้องอยู่กับเธอไปทั้งชีวิต
ข้อ 2. ต้องไม่ตบตีเธอ
ข้อ 3. ต้องแข็งแรง
17 พฤศจิกายน 2548 23:33 น.
เรไร
มาฟังความร้าวรานประสานเสียง
ส่งสำเนียงร่ำร้องก้องกำสรวล
อย่างหงอยเหงาพร่ำเพ้อละเมอครวญ
จิตโหยหวนโหยหาในอารมณ์
ได้ยินเสียงลมแผ่วแว่วยินไหม
เสียงใบไม้บรรเลงเพลงขื่นขม
ดังหวีดหวิวกังวานผ่านสายลม
ร้องหาความสุขสมมาห่มใจ
ได้ยินไหมเสียงร้องของท้องฟ้า
ก่อนน้ำตาเมฆินทร์จะรินไหล
เป็นหยาดฝนพร่างพรูสู่ฤทัย
แทนห่วงใยคร่ำครวญหวนรำพึง
ได้ยินเสียงเต้นไหวหัวใจฉัน
พร่ำรำพันออกมาว่าคิดถึง
ไปกับสายลมอ่อนซ่อนคำนึง
ขอเพียงซึ้งคำรักสักนาที