14 ตุลาคม 2548 20:19 น.
เรไร
มีนิทานขำขำมาอำเพื่อน
อย่าแชเชือนนั่งลงตรงนี้ก่อน
หรือว่าเมื่อยเหลือเกินก็เชิญนอน
หาฟูกหมอนเตรียมไว้ให้สบาย
กาลครั้งหนึ่งผ่านไปได้มินาน
อากาศยานกำลังถึงซึ่งที่หมาย
พนักงานสาวให้ระวังอันตราย
ประกาศมาทางสายให้ได้ยิน
ท่านสุภาพบุรุษและสตรีคะ
ดิฉันจะบอกให้ว่าใกล้ถิ่น
เข้าในเขตสยามนามแผ่นดิน
หากได้ยินเข็มขัดรัดให้ดี
พอพูดจบเนื้อความตามประกาศ
ความสามารถเธอเป็นเลิศประเสริฐศรี
หมดภาระเดินไปไม่รอรี
ห้องนักบินคือที่ที่จะไป
ความขี้ลืมทำอายต้องขายหน้า
หรือเพราะว่ามัวเหม่อจึงเผลอไผล
จนกระทั่งลืมสนิทลืมปิดไมค์
วางเอาไว้ในห้องของนักบิน
สองพี่น้องต่างมาทำหน้าที่
นำชีวีข้ามฟ้ากระแสสินธ์
พอน้องเอ่ยออกไปให้ได้ยิน
หากว่าสิ้นภารกิจคิดอะไร
อันดับแรกคิดทำตามที่นึก
มันรู้สึกปวดท้องจนทนมิไหว
จะขอขี้สักหน่อยค่อยเบาใจ
ที่อั้นไว้มันจุกขนลุกเกรียว
พอขี้ออกสบายหายอึดอัด
จะไปฟัดพนักงานนั่นสักเดี๋ยว
ดูอวบอิ่มน่ารักแน่นักเชียว
อยู่คนเดียวเมื่อใดได้รู้กัน
ต่างล้อเล่นด้วยวาจาหารู้ไม่
คนทั่วไปได้ฟังต่างขำขัน
พนักงานผู้หญิงก็ยิ่งหวั่น
เสียงเฮลั่นยิ่งสดับยิ่งอับอาย
ลืมปิดไมค์ตั้งใจจะไปปิด
วิ่งขาขวิดล้มคว่ำคะมำหงาย
ก็กลิ้งไปหยุดอยู่หน้าผู้ชาย
เขาจึงช่วยประคองกายให้ลุกยืน
พร้อมทั้งเอ่ยพูดบอกออกมาว่า
รีบอะไรนักหนาถ้าลงพื้น
เขาจะไปขี้ก่อนค่อยย้อนคืน
จะแข็งขืนรีบไปทำไมกัน
ได้รับความอนุเคราะห์
เนื้อเรื่องจากเดาอังคัน ขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วย ๕๕๕๕๕
11 ตุลาคม 2548 00:22 น.
เรไร
เมื่อก่อนนั้นมีเมียละเหี่ยจิต
ตูหนอตูทะลึ่งคิดผิดมหันต์
เคยสดใสเริงรื่นทุกคืนวัน
ช่างคิดสั้นคิดใหม่มิได้เลย
เบื่อบางทีก็ใช้ไปซักผ้า
ทำเป็นพูดจ๊ะจ๋ามามาดเฉย
อารมณ์นั้นเดือดปุดมิหยุดเลย
ฉันจึงเอ่ยเสียงแหบแฟ๊ปอยู่ไหน
ตั้งแต่ตกเป็นของเมียเหมือนเบี้ยล่าง
ดูเคว้งคว้างเสียจริงยิ่งสงสัย
เพื่อนมาชวนฉลองถองเมรัย
มันคอยไปตามคุม ! เฮ้อกลุ้มจัง
อยากจะหนีออกไปให้ไกลบ้าน
เมื่อซมซานซ้ายมาขวาทีหลัง
พอสองมือประกบตบเสียงดัง
ต้องทรุดนั่งพร้อมก้มประนมกร...เฮ้อ...
แต่ยังดีที่อยู่ในโอวาท
มิบังอาจลืมจำคำสั่งสอน
ก็บอกทุกราตรีที่จะนอน
ต้องคลานมาเรียกตอนก่อนขึ้นเตียง.....เอ่อ ????
ก็เพียงเพราะเรือนหอฉันมันคับแคบ
จึงต้องแอบซุ่มไว้ไร้สุ้มเสียง
ประสาทหลอนทุกครั้งฟังสำเนียง
ต้องแอบอยู่ใต้เตียงเสมอมา
พอทะเลาะเบาะแว้งเธอแกล้งบ่น
ฉันก็ทนเงียบไว้ไม่ถือสา
ไม่อยากเถียงต่อปากมากวาจา
เผชิญหน้าผ้าหลุดก็หยุดบ่น ๕๕๕๕๕
7 ตุลาคม 2548 08:45 น.
เรไร
..๏ ในทุกอณูกาย................วปุหมายประหนึ่งว่า
คงมั่นและศรัทธา................ณ หทัยอนงค์นาง
..๏ ผันผ่านทิวาวัน..............ฤดิฉันมิเหินห่าง
แม้ฟ้าจะกั้นกลาง................ปฏิพัทธ์สนิทใน
..๏ ดุจดาวสกาวเด่น...........ขณะเห็นสว่างใส
วิบวับนภาลัย......................ชรริน ณ เบื้องบน
..๏ คงคล้ายชวาลา..............รุจิรามิมืดมน
นำหนีวิถีพ้น.......................นิรโศกวิโยคตรม
..๏ เทวา ธ บันดาล.............อภิบาลผิว์สุขสม
แช่มชื่นระรื่นรมย์...............สินะท่านอำนวยชัย
..๏ ถึงแม้นจะไกลห่าง........คคนางค์ ฤ กั้นไหว
เพียงเราผสานใจ...............อภิรมย์ก็สมปอง ๚ะ๛
5 ตุลาคม 2548 08:34 น.
เรไร
เพื่อนผมอยู่คนหนึ่ง บ่นรำพึงอยู่มิหาย
สับสนปนวุ่นวาย มันเบื่อหน่ายเหลือจะทน
เธอตั้งใจไว้ว่า ผ่านเวลามาหลายหน
มีคู่ในกมล ก่อนผ่านพ้นสามสิบห้า
ขีดขั้นกั้นลิขิต เพราะดวงจิตมันโหยหา
กลัวใกล้วัยชรา ต้องเหว่ว้าอยู่คนเดียว
เวลาก็เหลือน้อย ชะเง้อคอยใครแลเหลียว
ตะบันหมากให้เคี้ยว ยามที่เปรี้ยวปากอยากทาน
ก็แค่อีกหนึ่งเดือน มันดูเหมือนอีกมินาน
สามสิบห้าจะขึ้นคาน อยู่เฝ้าบ้านเพียงลำพัง
จดหมายถึงลุงหนวด ท่าจะชวดคงหมดหวัง
ตีนกามาประดัง จะยับยั้งมันอย่างไร
ไร้คู่มาอยู่ข้าง จิตอ้างว้างทั้งสงสัย
มิเคยมีผู้ใด มอบความรักให้สักที
เวลายิ่งกระชั้น คงผ่านผันอย่างเร็วรี่
นับถอยหลังตรงนี้ ก่อนฤดีปลดระวาง
3 ตุลาคม 2548 23:05 น.
เรไร
เป็นฉันเมื่อวันก่อน
จิตรุ่มร้อนนอนผวา
ทุกทีที่หลับตา
หลงไขว่คว้าเพียงแค่เงา
วันนั้นถึงวันนี้
ดวงฤดีมีแต่เหงา
หัวใจไม่ทุเลา
ยังคงเศร้าอยู่เช่นเคย
เงียบงันหวั่นหัวอก
น่าวิตกโอ้อกเอ๋ย
เมื่อใดจะผ่านเลย
แทบคุ้นเคยความระทม
น้ำตายังเปียกชื้น
โศกสะอื้นกลืนขื่นขม
เดียวดายกลางสายลม
ร้าวระบมถมฤหัย
เยื่อใยสายสวาท
ตัดมิขาดหรือไฉน
แล้วจะทำเช่นไร
ตัดเยื่อใยได้สักที
ดับดิ้นสิ้นวิญญาณ
ร่างแหลกรานกลายเป็นผี
คงอย่างนั้นนั่นแหละดี
เป็นวิธีที่ไม่จำ
ไปยังปรโลก
ริ้วรอยโศกยังตามย้ำ
คงตามเกาะดั่งเคราะห์กรรม
ที่ถมทำซ้ำเข้ามา
ชาตินี้คงสิ้นแล้ว
ไร้วี่แววปรารถนา
ภพนี้ต้องขอลา
ไว้ชาติหน้าอย่าพบเจอ