30 ตุลาคม 2548 10:21 น.
เรไร
เธอเป็นดั่งดาวดวงน้อย
ล่องลอยอยู่บนท้องฟ้า
ส่องแสงสว่างนำพา
ชีวาคนสิ้นกำลัง
เธอเป็นดั่งดาวดวงน้อย
ที่คอยนำทางสร้างหวัง
ฟื้นซากหัวใจผุพัง
เป็นดั่งแสงทองของใจ
เธอเป็นดั่งดาวดวงน้อย
ล่องลอยเกินฉันคว้าไขว่
เหมือนภาพความฝันห่างไกล
เพียงไหนใช่สิ่งสำคัญ
เธอเป็นดั่งดาวดวงน้อย
ที่ลอยอยู่กลางใจฉัน
สถิตชั่วนิจนิรันดร์
ตราบวันชีวินสิ้นลม
25 ตุลาคม 2548 22:27 น.
เรไร
เรือลำน้อยอยากเล่นลมชมคลื่นเห่
กลางทะเลปรวนแปรแผ่ไพศาล
เอากายเป็นลำเรือเพื่อล่องธาร
จิตวิญญาณแทนใบในวารี
นำความหวังฝันใฝ่ใส่หางเสือ
เอาความเชื่อศรัทธาทำหน้าที่
เป็นเข็มทิศนำทางกลางนที
เป็นเครื่องชี้จุดหมายให้ชีวา
ออกจากท่าที่เทียบอย่างเงียบเหงา
เพียงสำเภาดั้นด้นออกค้นหา
อย่างเคว้งคว้างล่องไปในธารา
ต้องฟันฝ่าก็มิหวั่นอันตราย
ย่อมต้องมีอุปสรรคคอยขัดขวาง
ในระหว่างทางถึงซึ่งจุดหมาย
มีทั้งลมพัดเฉียงมาเรียงราย
ทั้งคลื่นร้ายพายุโถมเข้าโรมรัน
ยามทะเลราบเรียบเปรียบกระจก
หวาดวิตกคว้างคว้างเหมือนร้างฝัน
ยามราตรีไร้เงาทาบอาบแสงจันทร์
ก็มิหวั่นยังร่อนเร่พเนจร
เสียงดวงดาวกระซิบแผ่วดังแว่วหวาน
เรื่องร้าวรานเป็นดั่งว่าอุทาหรณ์
เมื่อสายลมแห่งรักเอื้ออาทร
เจ้าคงจรถึงฝั่งฝันอันแสนไกล
24 ตุลาคม 2548 21:14 น.
เรไร
ไม่มีใครไม่มีใครในตาสอง
ที่จะมองแล้วรู้สึกนึกโหยหา
มิมีใครเมื่อพบได้สบตา
แล้วประหม่าไหวหวั่นนั้นไม่มี
คนคุ้นเคยมิตรสหายมากมายนัก
หาคนจักรู้ใจหาใครที่
เพียงสบตาซ่านทรวงดวงฤดี
ในโลกนี้มีไหมใครเทียมเธอ
24 ตุลาคม 2548 20:50 น.
เรไร
สรรพสิ่งในโลกล้วน...............มีกรรม
แล้วแต่การกระทำ.................นั่นไซร้
สิ่งดีชั่วชี้นำ............................กำหนด
เวียนว่ายตายเกิดให้.............ชดใช้กรรมเวร
ปลาปูหมูไก่นั้น.......................เกิดมา
ก็เพื่อเป็นภักษา......................มนุษย์นั้น
คงเป็นกฎนำพา......................ให้เกิด
วัฏฏะมิควรกั้น........................หยุดด้วยสิ่งใด
แปดหมื่นสี่พันข้อพระ............-ธรรมขันธ์
ข้อที่เท่าใดกัน........................เกี่ยวข้อง
มังสะวิรัติอัน...........................ประเสริฐยิ่ง
เนื้อสัตว์มิแตะต้อง..................สุดแท้แต่คิด
หากหยุดการฆ่าด้วย................หยุดกิน
สิ่งต่างบนผืนดิน......................ไม่แคล้ว
วัฏฏะแห่งชีวิน.........................คงหยุด
เมื่อไม่ต้องใช้แล้ว...................แตกสิ้นกงเกวียน
23 ตุลาคม 2548 15:01 น.
เรไร
คนย่อมมีเลือดเนื้อ............วิญญาณ
ประกอบเป็นสังขาร............แน่แท้
มีสุขทุกข์ร้าวราน................เคืองขุ่น
ว้าวุ่นในอกแม้...................อย่างนี้แหละคน
คนมีความอยากได้...............อยากดี
งามเลิศประเสริฐศรี.............ไขว่คว้า
หวังเพียงเสพสุขี...................ยอมแลก
ชีวิตตัวยังกล้า......................มอบให้ซาตาน
คนจึงได้ขัดแย้ง...................ฆ่าฟัน
ดวงจิตติดจาบัลย์.................สุขสิ้น
ต่างเข้าพิฆาตกัน.................ไม่หยุด
จนร่างต้องดับดิ้น.................มอดม้วยมรณา
เลือดต่อเลือดเนื้อต่อเนื้อ........หลั่งริน
จนหมดสิ้นชีวิน.....................น่าเศร้า
กายฝังกับผืนดิน....................ยังอาฆาต
สัมภเวสีเฝ้า...........................รุกล้ำหลอกหลอน
หลอกหลอนมนุษย์ผู้...............หวาดกลัว
ความมืดเงาสลัว....................ปกป้อง
สู้กับสิ่งหม่นมัว......................น่าวิตก
ไร้ร่างให้จับต้อง.....................คิดแล้วอนาถใจ
คนหากหาญสู้กับ....................ภูตผี
คงยากที่จะมี...........................ชนะได้
สู้กันนับเดือนปี.......................นานเนิ่น
สู้กับสิ่งร้างไร้..........................พ่ายแพ้แน่นอน
ผีย่อมมองธาตุแท้....................เห็นกัน
ถ้าหากเข้าประจัญ...................ต่อสู้
ด้วยผีย่อมเท่าทัน...................กันหมด
ผีกับผีนั้นรู้.............................แก่นแท้ของตัว