21 พฤศจิกายน 2547 20:23 น.
เรไร
กัญญาณัฐ มัดติดคาน เธอขานไว้
มีหัวใจ ชาชิน ดังหินผา
ไม่แยแส คำติฉิน คนนินทา
สบายกว่า ไม่ต้องเก้อ เพ้อรำพึง
ตั้วเครื่องบิน ใบสุดท้าย หายไปแล้ว
รถสองแถว ยางแบน แล่นไม่ถึง
มอเตอไซด์ ไม่รอ ห้อตะบึง
จึงรีบบึ่ง มาที่ลาน ชานชลา
เสียงฉึกฉัก รู้ว่า มาไม่ทัน
ดูน่าขัน ตัวเรา เศร้านักหนา
ไม่ทันแล้ว รถไฟ ไปไกลตา
นั่นครวญว่า คงติดคาน นานเลยนาย
ราชรถ มาเสย เกยหน้าบ้าน
ชนเอาคาน หล่นมา น่าใจหาย
ยังเกาะแน่น ได้อยู่เดียว เปลี่ยวใจกาย
เที่ยวสุดท้าย ยังไม่ไป หรือไงคุณ
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
..เพื่อนผมอยากเขียนกลอนรัก โทรมาปรึกษา
..ว่าอยากเขียนกลอนหวานสงสัยจะลงมาแน่แล้ว
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
21 พฤศจิกายน 2547 03:18 น.
เรไร
อยากกอดก่าย เธอไว้ หาไออุ่น
ให้นอนหนุน ท่อนแขน ฉันแทนหมอน
สนิทแนบ แอบอิง ฉันวิงวอน
ขอออดอ้อน แก้วตา อย่าเอียงอาย
ในราตรี เหน็บหนาว ปวดร้าวนัก
สุดจะหัก ห้ามจิต นิมิตรหมาย
กอดอนงค์ เบาเบา พอหนาวคลาย
ให้อุ่นกาย อุ่นใจบ้าง บางเวลา
มิล่วงล้ำ ลวงหลอก ให้ชอกช้ำ
ในคืนค่ำ น้ำค้างโรย เฝ้าโหยหา
อยากพักพิง อิงหมอน นอนนิททรา
ก่อนหลับตา เคียงคู่ คนรู้ใจ
ดนตรีกล่อม เพลงพิณ ได้ยินเสียง
เป็นสำเนียง เว้าวอน ก่อนหลับไหล
จะมีเรา ไม่ว่า เวลาใด
หรือที่ไหน มิให้เหงา หนาวอีกเลย
21 พฤศจิกายน 2547 01:02 น.
เรไร
บางสิ่งที่ใจอยากฝัน
บางวันที่ใจแอบเพ้อ
บางคราเฝ้าหลงละเมอ
บางวันเก้อเพียงเดียวดาย
อย่างหนึ่งนั้นฉันค้นหา
อย่างที่ว่ายังคงหมาย
อย่างเคยเห็นเร้นซ่อนกาย
อย่างสุดท้ายเหลืออะไร
ไม่เคยเป็นจริงสักหน
ไม่อยากทนต้องทนไหว
ไม่ยอมถอยค่อยเดินไป
ไม่วันใดก็วันนึง
ง่ายกว่าไหมถ้าหลีกหนี
ง่ายกว่านี้แค่ฝันถึง
ง่ายกว่าครวญหวนคนึง
ง่ายกว่าพึ่งพึงสังวรณ์
ถ้ายังพะว้าพะวง
ถ้ายังงงหรือสังหรณ์
ถ้ายังมัวแต่นิ่งนอน
ถ้ายังอ้อนวอนผู้ใด
ไม่หยัดยืนด้วยตัวเอง
ไม่ต้องเกรงใครหน้าไหน
ไม่เริ่มสร้างกำลังใจ
ไม่มีใครยื่นมือมา
สู้ด้วยกายด้วยใจพร้อม
สู้เก็บออมฝันวันกล้า
สู้.. สู้.. สู้.. ด้วยน้ำตา
สู้จนกว่าจะมีชัย
@@@@@@@@@@@@@@@@
.........@ เดินไปอย่าได้ล้า @........
.........@ จนกว่าน้ำตา จะหมดไป @........
@@@@@@@@@@@@@@@@
17 พฤศจิกายน 2547 22:22 น.
เรไร
ปาดน้ำตาร่วงรินกินต่างข้าว
เป็นเรื่องราวเคยผ่านนานมาแล้ว
มีความหวังก่อเพิ่มเริ่มมีแวว
ได้น้องแก้วมาร่วมฝันวันที่รอ
วันนี้เชิญ มาทาน อาหารค่ำ
มะม่วงยำ แซปหลาย น้ำลายสอ
ทั้งห่อหมก ปลาช่อน ซ่อนใบยอ
มะละกอ ผัดไข่ ใส่กระเทียม
เสือร้องไห้ ติดมัน หั่นแล้วย่าง
จานมาวาง ยาใจ อย่าได้เขียม
ต้องไม่ไหม้ ไฟอ่อนไว้ อย่าให้เกรียม
น้ำจิ้มเตรียม ให้เสร็จ เผ็ดพอดี
มีน้ำพริก ถึงใจแถม แนมผักสด
ใครโป้ปด คิดร้าย ต้องหน่ายหนี
ถ้าไม่เชื่อ มาลิ้ม ชิมสักที
ไม่ลืมพี่ แต่ลืมเศร้า เหงาอุรา
ตักข้าวแล้ว นั่งลง ตรงนี้ก่อน
กำลังร้อน ได้ที่ ดีนักหนา
กินอะไร สักคำ ก่อนขวัญตา
หรือเพราะว่า ไม่ถูกปาก ไม่อยากทาน
ถ้าอย่างนั้น เอาอย่างนี้ พี่จะป้อน
ชิมยำก่อน รสเด็ด เผ็ดปนหวาน
กุ้งแห้งทอด ถั่วคั่ว กลั้วน้ำตาล
ทิ้งไว้นาน จะกร่อย น่ะกลอยใจ
ปลาห่อหมก เหม็นคาว หรือเปล่าครับ
หรือไม่รับ อย่านั่งนิ่ง ยิ่งสงสัย
เสื้อร้องไห้ จานนั้น นั่นเป็นไง
อร่อยไหม บอกสักนิด หรือติดคอ
น้ำมะนาว แก้เลี่ยน เอียนหรือเปล่า
ผักกาดขาว แกงจืดคู่ หมูบะช่อ
ส่งจากใจ อย่าให้ค้าง ง้างปากรอ
แค่อยากขอ ง้อให้ทาน วานหน่อยเธอ
ถ้าอิ่มหนำ สำราญ ก็ขานไข
ผลไม้ เจ้าเก่า เฝ้าเสนอ
ทั้งระกำ มังคุด สุดเลิศเลอ
อย่าให้เก้อ ลองลิ้ม ชิมสักคำ
@@@@@@@@@@@@@@@@
.....ขอส่งการบ้านครับ ภาคแรก ครับคุณครู ...
..... สงสัยทำไมของผมยากกกกส์จัง....
@@@@@@@@@@@@@@@@
16 พฤศจิกายน 2547 16:51 น.
เรไร
กลางเหมันต์ ฉันรู้ ฤดูหนาว
กลับอบอ้าว ไอแดด คอยแผดเผา
ตะวันแรง แสงจัด ลมพัดเบา
กายร้อนเร่า ฤทัยกลุ้ม รุมชีวา
เมฆทมึน ครึ้มดำ จะพรำฝน
นภาหม่น ร่ำร้อง ก้องเวหา
สายฟ้าแลบ แปลบปลาบ วาบอุรา
หรือเป็นว่า พระพิรุณ ท่านงุนงง
เพราะผู้คน บนบาน งานท่านมาก
ดินแห้งผาก แดนแล้ง จึงแกล้งหลง
ว่าล่วงผ่าน วสันต์มา พาพะวง
ปล่อยฝนลง พรมหพร่าง กลางเหมันต์
น้ำฉ่ำเย็น เป็นสาย เผื่อคลายร้อน
ได้พักผ่อน นิ่งมอง จ้องสวรรค์
ธรรมชาติ เปลี่ยนไป อย่างไรกัน
จึงผกผัน แปรปรวน ช่างรวนเร