9 ตุลาคม 2547 00:44 น.
เรไร
จุดธูปเทียน เก้าดอก บอกเจ้าที่
เอ่ยวลี จากกมล บนต่อศาล
อยู่คนเดียว เปลี่ยวเอกา มาช้านาน
ขอบนบาน พบพธู คู่อุรา
จะถวาย เป็ดไก่ เมรัยพร้อม
พวงพยอม จับจีบสวย ด้วยขันห้า
ทั้งหมากพลู บุหรี่ซอง บ้องกัญชา
จะเตรียมมา ถวาย ขอได้พร
มโหรี ปี่ชวา หามาพร้อม
นางรำน้อม กายอ้อนแอ้น อรชร
มากรีดกราย ร่ายรำ ระบำฟ้อนคำวอน
ถวายพร ที่ข้าบน ด้วยจนใจ
จงดลให้ พบนาง อย่างในฝัน
สราญครัน น้องอนงค์ คงสวยใส
ขอมีคู่ ชู้สวาท ที่บาดใจ
มากไปไหม ที่เฝ้าง้อ ขอบันดาล
ท่านพระภูมิ ศักดิ์สิทธิ์ พิศพิเคราะห์
ช่างฉอเลาะ เกาะแกะ แงะคำหวาน
เอาของกิน มาล่อ ขอบนบาน
ชักรำคาญ จะสานฝัน มันสักที
ด้วยฤทธิ์เดช เสกปัด พัดไปหา
ถึงนาวา กลางไพร ไกลวสี
สระปทุม ชุ่มชวง ดวงมาลี
ท่านเจ้าที่ ดีจริง ไม่ทิ้งเรา
กินนรี พี่น้อง ต้องตานัก
ดุจศรรัก ปักอุรา พาจนเกล้า
จะเลือกใคร เลือกหนึ่งนาง อีกนางเหงา
นางหนึ่งเศร้า นางหนึ่งสุข เป็นทุกข์ใจ
เหมือนดำว่าย ลอยคอ ขอเด็ดบัว
งามไปทั่ว ชูช่อ รอไสว
ทั้งดอกบาน ดอกตูม ก็แกว่งไกล
ชื่นหทัย ดูดอกบัว ทั่วนที
ทั้งวารี งามล้ำ เกินพร่ำบอก
งามแม้ดอก แย้มบาน มานานปี
อีกดอกตูม เริ่มแย้ม แง้มเต็มที่
ทั้งดอกพี่ ดอกน้อง มองนวลตา
แรงเริ่มล้า ใจเริ่มอ่อน ซ่อนความคิด
อยากจะปลิด ทั้งคู่ ดูหนักหนา
กลัวจะจม สายชล ก้นธารา
พากายา เหนื่อยอ่อน ก่อนหมดลม
ตะเกียกกาย ขึ้นฝั่ง ทั้งใจหาย
แสนเสียดาย ใจเรา ช่างขื่นขม
แม่บัวงาม คู่หอม อดดอมดม
ช่างตรอมตรม ชายตาชม ระทมใจ
กินนรี กางปีก บินหลีกหนี
ทั้งน้องพี่ ตื่นตระหนก อกหวั่นไหว
ว่าใครกัน เด็ดอุ้ม ปทุมไป
ก็กลับกลาย หายวับ ไปกับตา
สมน้ำหน้า สาใจแล้ว ไอ้เแห้วเอ๋ย
อดได้เชย โลมลูบ จูบนางฟ้า
มัวแต่เพลิน ว่ายไป ในธารา
จนเทวา เลิกสัญญา ที่ข้าบน
7 ตุลาคม 2547 22:50 น.
เรไร
ดังมัจฉา คู่มหา สีทันดร
นางอัปสร คู่ปราสาท นิวาศไว้
ดั่งปลาทู คู่เข่ง เจ๋งเกินใคร
เจ้าจอมใจ ดูเราเปรียบ เทียบอะไร
เป็นกิ่งทอง ใบหยกที่สูงค่า
ล้อมจินดา เพชรสี มณีใส
เด่นด้วยน้ำ บุษรา ต้องตาใจ
งามวิไล เขียวส่อง เมื่อมองดู
หรือห่อหมก กับใบยอ ขอคู่ข้าง
อร่อยอย่าง หาใด ไหนจะสู้
ถ้าได้กิน ร่วมวงแต่ แม่โฉมตรู
ลิ้นรับรู้ รสล้ำ ช่างสำราญ
เป็นตะกร้อ กับรองเท้า เขาแลเห็น
การละเล่น พื้นเมือง เรื่องบูราณ
ใส่รองเท้า เตะกัน สนุกสนาน
ขอช่วยวาน แถลงไข ใครจะเป็น (ตะกร้อ หรือ รองเท้า)
ผีเน่ากับ โลงผุ คู่ป่าช้า
อยู่ศาลา วัดไหน ใครจะเห็น
หรือจะเป็น ดวงฤดี ผีโลงเย็น
ออกความเห็น สักหน่อย น่ะกลอยใจ
เพราะเรานั้นคู่กัน
ดังกิ่งทองใบหยก
ห่อหมกกับใบยอ
ตะกร้อกับรองเท้า
ผีเน่ากับโลงผุ
เพราะเรานั้นคู่กัน
6 ตุลาคม 2547 23:43 น.
เรไร
ผมไม่เหงา แค่เลี้ยงปลา ให้เพลิน เจริญตา
ผมไม่เหงา ปลูกพฤกษา เป็นพุ่มกอ ขอได้ร่ม
ผมไม่เหงา ฟังเพลงเศร้า สู่ฝัน ตามอารมณ์
ผมไม่เหงา บางครั้งตรม ยามเย็น เล่นดนตรี
ผมไม่เหงา หยิบกีตาร์ มาบรรเลง เป็นเพลงเศร้า
ผมไม่เหงา ว่างก็เอา ยามท้อ หยิบซอสี
ผมไม่เหงา เม้าส์*มาเป่า ผสม กลกวี
ผมไม่เหงา ขิมก็ตี เล่นเอง เพลงเบาเบา
ผมไม่เหงา แค่บ้างาน ทำมันเอา เช้ายันค่ำ
ผมไม่เหงา แค่ดื่มด่ำ เมรัย ให้หายหนาว
ผมไม่เหงา แค่ร้อยเรียง อักษร เป็นเรื่องราว
ผมไม่เหงา ทำกับข้าว คิดเมนูไว้ ใหม่ทุกที
ผมไม่เหงา ที่อยู่ดึก อากาศร้อน นอนไม่ได้
ผมไม่เหงา ติดหนังไทย ตอนเที่ยงคืน ตื่นทุกที
ผมไม่เหงา ก็มีบ้าง ฝันร้าย ในราตรี
ผมไม่เหงา เปลี่ยวฤดี ที่อุดอู้ อยู่คนเดียว
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
เมื่อตอนหัวค่ำ วันนี้ หิวข้าวเลยพาคุณแดง
ไปที่ตลาดโต้รุ่ง ใกล้ ๆบ้าน
เจอเพื่อนคนเดิมที่เคยแซวกันเรื่องเลี้ยงปลา
นั่งกินข้าวกับแฟนอยู่ แล้วก็อีกหลายคน
เพื่อนๆ กันทั้งนั้น นั่งโต๊ะข้างๆ
ไอ้เพื่อนคนเดิม มันก็ถามว่า กินด้วยกันไหม
ผมบอกไปว่า ตามสบายไม่อยากเป็นก้าง
เพื่อนมันก็ถามอีกว่า ออกกมาคนเดียวหรือไง
ผมก็บอก แล้วจะให้มากับใครว่ะ พร้อมกับนั่งลง
แล้วเพื่อนผมก็หันไปคุยกับแฟน ท่าทางไอ้นี่คงเหงา
พูดให้ผมได้ยินด้วย
แฟนเพื่อนผม เอาเลยครับ พี่เขาไม่เหงาหรอก
เดี๋ยวเลี้ยงปลา
เดี๋ยวปลูกต้นไม้
เดี๋ยวขึ้นเขา ปีนภู
เดี๋ยวลงทะเล ตกปลา
ไปนู่น มานี่ อยู่ไม่เป็นที่
ทำงานมันอยู่นั่นแหละ พี่เขาจะเหงาได้อย่างไร
ไอ้พวกที่อยู่ โต๊ะข้าง ๆ บอกกับแฟนเพื่อนคนนี้ว่าไงรู้ไหม
แบบนี้แหละน้อง แถวบ้านพี่เรียกเหงา
ผมนี่ ลุกมาไม่ทัน โดนรุม
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
6 ตุลาคม 2547 16:11 น.
เรไร
สุริยัน อัสดง ตรงปลายฟ้า
หมู่ปักษา คืนขอน นอนคบไม้
สายธารา รินเอื่อย ไหลเรื่อยไป
สิ้นแสงไฟ ยามเย็น แลเห็นจันทร์
ตัวหิ่งห้อย แสงพริบ วิบระยับ
คอยประดับ ราตรีพราว ราวสวรรค์
เพียงจั๊กจั่น เรไร ร่ำรำพัน
เสียงของมัน ดังกังวาน ขับขานไพร
ณ กระท่อม ทองกวาว มีสาวหนุ่ม
คอยโอบอุ้ม ประคองกัน ไม่หวั่นไหว
มีแสงดาว เด่นเดือน กลาดเกลื่อนไป
อิงอกไอ อุ่นรัก ปักอุรา
ธารารมณ์ แผ่วพลิ้ว ปลิวละล่อง
ตามครรลอง ต้องทหัย จะไขว่คว้า
ดั่งมัจฉา เวียนว่าย ไต่ธารา
ปรารถนา พบคู่ อยู่แดนไกล
สายชลเชี่ยว เลี้ยวเลาะ เกาะโขดหิน
ธาราริน อ่อยเอื่อย ลอยเรื่อยไหล
ผ่านสุมทุม พวงพุ่ม ปทุมไพร
แหวกว่ายไป สู่ใจกลาง วังน้ำวน
กำลังต้าน ไหววูบ แรงสูบน้ำ
จะขอข้าม ผ่านสู้ ดูสักหน
ด้วยหวามหวัง ขัดขืน กล้ำกลืนทน
ผ่าวังวน ท้องละหาร ธารธารา
จวบแสงน้อย หิ่งห้อย ค่อยมืดดับ
จะว่ายกลับ คืนหวน ครวญโหยหา
เพ่งพินิจ คิดสู้ ดูสักครา
ถึงหน้าผา ลิงโลด กระโดดลง
หรือเทพไท ในสวรรค์ ท่านปราณี
ท่องนที ใฝ่อารมณ์ สมประสงค์
มิเสียแรง ว่ายถั่งโถม ถึงโฉมยง
ปลาน้อยคง พักกาย ในธารา
สิ้นแสงดาว ดวงเดือน ลอยเลื่อนหาย
ทอประกาย แสงทองกลับ จับขอบฟ้า
ค่อยประคอง กายฟื้น ตื่นนิทรา
ฝันนี่หว่า ตัวเรา เศร้าทรวงใน
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
จาก ความคิดเห็นของ คุณฟ้าใหม่ ใน บทอัศจรรย์ ครับ
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
5 ตุลาคม 2547 23:50 น.
เรไร
พระพิรุณพัดผ่าน เริ่มเปลี่ยนกาลผ่านฤดู
เหมันต์แล้วโฉมตรู นอนคดคู้อยู่กับเงา
ลมหนาวเริ่มพัดแผ่ว ตามเทือกแถวแนวทิวเขา
ลมระโหยโชยเบา เจ้าจะเหงาหรือเปล่าเอย
รักคนไกลทำไมเล่า เปลี่ยวเปล่าเศร้าเขาเมินเฉย
อยู่ไกลไม่คุ้นเคย จะงอกเงยได้อย่างไร
อยู่ใกล้ใยไม่เห็น แม่เนื้อเย็นเป็นไฉน
ฝากรักถึงคนไกล แล้วเป็นไงใจแก้วตา
ยามหนาวเปลี่ยวใจแท้ ใช้แต่ผ้าห่มกายา
หนาวจิตในนิทรา เจ้ากานดาทำเช่นไร
กอดใครให้หายหนาว คนไหนเล่าเจ้ารู้ไหม
คนใกล้หรือคนไกล รู้ใช่ไหมอะไรจริง
ว่าใครให้ไออุ่น หวานละมุนว่ารักยิ่ง
จะคอยแนบแอบอิง ไม่เคยทิ้งให้เดียวดาย
เหมันต์สั่นสะท้าน ความร้าวรานไม่จางหาย
หนาวเหน็บเจ็บใจกาย มอดมลายเพราะคนไกล
มาสิฉันให้ไออุ่น มานอนหนุนแขนเอาไว้
โอบกอดยอดดวงใจ จะมิให้หนาวอีกเลย
จินตนาการนั้น ขอลืมมันน่ะทรามเชย
ลดละห่างวางเฉย มาก่ายเกยเกี่ยวก้อยกัน
@@@@@@@@@@@@@@@@@@
หนาวไหมคนดี รักคนที่ไกลกัน
@@@@@@@@@@@@@@@@