20 พฤศจิกายน 2550 00:49 น.
เรไร
๏..มองคลื่นม้วนตลบกระทบฝั่ง
ประเดประดังถาโถมด้วยลมเห่
ริ้วระลอกแถวทางกลางทะเล
ถมเทซัดสาดสู่หาดทราย
นางนวลเริงร่าบนฟ้ากว้าง
ปีกบางร่อนถลาเมื่อฟ้าสาย
ตังเกลำน้อยคอยฝีพาย
ไปสู่จุดหมายกับชายชรา
วาดหวังมุ่งหมายสู่สายน้ำ
ลอยลำล่องเรือเพื่อค้นหา
ตะขอเบ็ดผูกสายหมายจับปลา
นำมาเลี้ยงชีพชีวิตตน
ฟ้ามืดสายลมตะโบมพัด
คลื่นซัดธาราโกลาหล
ท้องทะเลคลุ้มคลั่งเป็นวังวน
เรือ คน หลงทางอยู่กลางธาร
เรือน้อยลอยคว้างกลางสมุทร
คลื่นฉุดความหวังลากสังขาร
กลืนเรือกลืนคนสู่ก้นดาล
ฝังร่างวิญญาณอยู่ใต้ตม
ฟ้าสว่างทะเลเรียบเงียบสงบ
เพียงพบเศษไม้ลอยทับถม
บนหาดพราวเกล็ดเม็ดทรายคม
สายลมห่มวิญญาณพรานทะเล...๚ะ๛
14 พฤศจิกายน 2550 21:39 น.
เรไร
อย่าหวั่นไหว
ขออย่าได้คาดหวังอาจพลั้งผลอ
หากวันหนึ่งได้พบสบตาเธอ
ไม่อยากเก้อเพ้อพร่ำคอยคร่ำครวญ
อย่าหวั่นไหว
บอกหัวใจอย่าโอดโอยทำโหยหวน
ความปรารถนาทำทีมาชี้ชวน
มาปั่นป่วนให้สับสนกระวนกระวาย
อย่าหวั่นไหว
หากฝันใฝ่หรือคิดเกินมิตรสหาย
วันหน้าอาจหมองหม่นทุรนทุราย
อาจต้องป้ายน้ำตาด้วยจาบัลย์
อย่าหวั่นไหว
อย่าเปลี่ยนไปตามจิตที่คิดฝัน
อยู่อย่างนี้อย่างมิตรนิจนิรันดร์
รักษาความสัมพันธ์ฉันกับเธอ
12 พฤศจิกายน 2550 22:56 น.
เรไร
๏..ฟังสิจงฟังเสียง
สายลมเพียงกระซิบแผ่วแว่วยินไหม
ฟังพฤกษาเอนโอนโยนกิ่งไกว
แกว่งก้านใบรับฤดูสู่เหมันต์
ฟังสิฟังเสียงเสียดสี
เหมือนดนตรีบรรเลงเพลงหฤหรรษ์
คอยขับกล่อมรัตติกาลมานานวัน
จนเคลิ้มฝันในจิตยามนิทรา
รับสิลองรับสัมผัส
ยามลมพัดผ่านฤดูจากภูผา
คอยโลมไล้โอบกอดตลอดเวลา
โอบผืนป่าเคลียคลอรออรุณ
มาสิช่วยสุมฟืนในคืนหนาว
นอนนับดาวใช้แขนแทนหมอนหนุน
ฟังเพลงแห่งลมอ้อนอ่อนละมุน
เอื้อไออุ่นกรุ่นในหัวใจเรา ..๚ะ๛
1 พฤศจิกายน 2550 01:54 น.
เรไร
๏..เจ้าจัก จำพ่อ ได้ไหม
หากเราได้ พบกันบน สรวงสวรรค์
เจ้าจักลืม สิ้นไหม ในผูกพัน
ในคืนวัน อบอุ่น ที่คุ้นเคย
เจ้าจัก เหมือนกัน หรือเปล่า
กับความเศร้า ยามพลัดพราก ยากเปิดเผย
ฤๅ เจ้าสิ้น รู้สึก มินึกเลย
ฤา นิ่งเฉย สับสน บนวิมาน
พ่อจัก ท้อแท้ แพ้พ่าย
สิ้นสลาย หรือทายท้า อย่างกล้าหาญ
ยอมอดทน แม้ว่า นานแสนนาน
กี่กัปกาล คอยเฝ้า สู่ดาวดึงส์
ฤๅ เจ้า นิ่งงัน นั้นหรือ
หากยื่นมือ แทนหัวใจ พ่อไปถึง
แทนความหมาย ในอุรา ที่ตราตรึง
ห้วงคำนึง ที่หวง และห่วงใย
เจ้าจัก ช่วยพ่อ พลิกฟื้น
แรงหยัดยืน สู้แพ้พ่าย จะได้ไหม
รอพบกัน บนฟ้า สุราลัย
ชาติภพใหม่ จุติ บนดุสิตา
สักวัน พ่อคง ได้พบ
ทางบรรจบ ดังหวังวาด ปรารถนา
กี่คืนค่ำ ผ่านผัน วันเวลา
จักเอื้อมคว้า สุดแขน ถึงแดนดาว
ถึงแม้น ตกนรก หมกไหม้
แต่จิตใจ มิครั่นคร้าม ความปวดร้าว
ใช่จักลืม เยื่อใย ที่ยืนยาว
แม้ร้อนหนาว คุกเข่า เฝ้าอ้อนวอน
หนทาง สู่ห้วง สรวงสวรรค์
ความโศกศัลย์ โอบกอดไว้ คงไถ่ถอน
น้ำนัยน์ตา แสนเศร้า สิ้นร้าวรอน
เหือดแห้งก่อน พบพา สุขาวดี..๚ะ๛
26 ตุลาคม 2550 20:10 น.
เรไร
โกรธคือโง่โมโหก็คือบ้า
คือคำพระเทศนาคำสั่งสอน
หากระลึกนึกถึงพึงสังวร
คิดดูก่อนจะโทษจะโกรธใคร
สวัสดีคู่อริที่คิดแค้น
ยังฝังแน่นโกรธเคืองกับเรื่องไหน
มีความสุขทุกข์เข็ญเป็นเช่นไร
สบายอกสบายใจหรือไม่มี
หากอาหารรสเด็ดเอร็ดอร่อย
มันคงกร่อยต้องเมินอยากเดินหนี
แค่คิดถึงฉันประเดี๋ยวเสี้ยวนาที
เพราะฤดีฝังแน่นความแค้นเคือง
ถึงเวลาทำงานพาลร้อนรุ่ม
ต้องกลัดกลุ้มน่าอนาถไม่ปราดเปรื่อง
เหมือนเชื้อไฟคอยปะทุอยู่เนืองเนือง
คอยหาเรื่องกังวนจนวุ่นวาย
ยามค่ำคืนดึกดื่นตื่นตระหนก
หวาดวิตกในจินต์แทบสิ้นสลาย
ต้องร้าวรอนหมองหม่นทุรนทุราย
กระสับกระส่ายคอยคิดยากนิทรา
จงหยุดตรองสักเดี๋ยวอย่าเกรี้ยวโกรธ
ไร้ประโยชน์ที่จิตจะริษยา
หากแม้ปลงปล่อยว่างวางอัตตา
คิดหรือว่า..ฉัน..ใช่ศัตรูที่คู่ควร
แล้วคิดหาสุขใส่ให้ตัวเอง