6 ตุลาคม 2547 16:11 น.

ธารารมณ์ (บทอัศจรรย์)

เรไร



สุริยัน อัสดง ตรงปลายฟ้า
หมู่ปักษา คืนขอน นอนคบไม้
สายธารา รินเอื่อย ไหลเรื่อยไป
สิ้นแสงไฟ ยามเย็น แลเห็นจันทร์

ตัวหิ่งห้อย แสงพริบ วิบระยับ
คอยประดับ ราตรีพราว ราวสวรรค์
เพียงจั๊กจั่น เรไร ร่ำรำพัน 
เสียงของมัน ดังกังวาน ขับขานไพร 
 
ณ กระท่อม ทองกวาว มีสาวหนุ่ม
คอยโอบอุ้ม ประคองกัน ไม่หวั่นไหว
มีแสงดาว เด่นเดือน กลาดเกลื่อนไป
อิงอกไอ อุ่นรัก ปักอุรา

ธารารมณ์  แผ่วพลิ้ว ปลิวละล่อง
ตามครรลอง ต้องทหัย จะไขว่คว้า
ดั่งมัจฉา เวียนว่าย ไต่ธารา
ปรารถนา พบคู่ อยู่แดนไกล

สายชลเชี่ยว เลี้ยวเลาะ เกาะโขดหิน
ธาราริน อ่อยเอื่อย ลอยเรื่อยไหล
ผ่านสุมทุม พวงพุ่ม ปทุมไพร
แหวกว่ายไป สู่ใจกลาง วังน้ำวน

กำลังต้าน ไหววูบ แรงสูบน้ำ
จะขอข้าม ผ่านสู้ ดูสักหน
ด้วยหวามหวัง ขัดขืน กล้ำกลืนทน
ผ่าวังวน ท้องละหาร ธารธารา 

จวบแสงน้อย หิ่งห้อย ค่อยมืดดับ
จะว่ายกลับ คืนหวน ครวญโหยหา
เพ่งพินิจ คิดสู้ ดูสักครา
ถึงหน้าผา ลิงโลด กระโดดลง

หรือเทพไท ในสวรรค์ ท่านปราณี
ท่องนที ใฝ่อารมณ์ สมประสงค์
มิเสียแรง ว่ายถั่งโถม ถึงโฉมยง
ปลาน้อยคง พักกาย ในธารา

สิ้นแสงดาว ดวงเดือน ลอยเลื่อนหาย
ทอประกาย แสงทองกลับ จับขอบฟ้า
ค่อยประคอง กายฟื้น ตื่นนิทรา
ฝันนี่หว่า ตัวเรา เศร้าทรวงใน



@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

       จาก ความคิดเห็นของ คุณฟ้าใหม่ ใน บทอัศจรรย์ ครับ

@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@				
5 ตุลาคม 2547 23:50 น.

ห น า ว ไ ห ม

เรไร



 พระพิรุณพัดผ่าน                   เริ่มเปลี่ยนกาลผ่านฤดู
เหมันต์แล้วโฉมตรู                นอนคดคู้อยู่กับเงา
ลมหนาวเริ่มพัดแผ่ว              ตามเทือกแถวแนวทิวเขา
ลมระโหยโชยเบา                  เจ้าจะเหงาหรือเปล่าเอย

รักคนไกลทำไมเล่า              เปลี่ยวเปล่าเศร้าเขาเมินเฉย
อยู่ไกลไม่คุ้นเคย                  จะงอกเงยได้อย่างไร
อยู่ใกล้ใยไม่เห็น                  แม่เนื้อเย็นเป็นไฉน
ฝากรักถึงคนไกล                  แล้วเป็นไงใจแก้วตา

ยามหนาวเปลี่ยวใจแท้          ใช้แต่ผ้าห่มกายา
หนาวจิตในนิทรา                  เจ้ากานดาทำเช่นไร
กอดใครให้หายหนาว             คนไหนเล่าเจ้ารู้ไหม
คนใกล้หรือคนไกล                รู้ใช่ไหมอะไรจริง

ว่าใครให้ไออุ่น                       หวานละมุนว่ารักยิ่ง
จะคอยแนบแอบอิง                 ไม่เคยทิ้งให้เดียวดาย
เหมันต์สั่นสะท้าน                   ความร้าวรานไม่จางหาย
หนาวเหน็บเจ็บใจกาย            มอดมลายเพราะคนไกล

มาสิฉันให้ไออุ่น                      มานอนหนุนแขนเอาไว้
โอบกอดยอดดวงใจ                 จะมิให้หนาวอีกเลย
จินตนาการนั้น                        ขอลืมมันน่ะทรามเชย
ลดละห่างวางเฉย                     มาก่ายเกยเกี่ยวก้อยกัน



@@@@@@@@@@@@@@@@@@

       หนาวไหมคนดี รักคนที่ไกลกัน

@@@@@@@@@@@@@@@@				
2 ตุลาคม 2547 23:04 น.

มึนตึ๊บ

เรไร



มึน มึน งง งง สงสัย
ทำไม คิดไร ไม่ออก
ขอช่วย ชี้แจง แจ้งบอก
อย่าหลอก บอกมา ให้ไว

ปวดหัว มัวคิด จิตตก
ตะหนก วกวน จนเกล้า
หรือยัง ไม่สร่าง จางเมา
ติดเหล้า เขลาโฉด โทษใคร

กินไป บ่นไป มันขื่น
กล้ำกลืน กระดก ยกไว้
มะนาว สักนิด บีบไป  
กลั้นใจ เทสาด บาดคอ

ติดลม รินเพิ่ม เติมหน่อย
เดี๋ยวน้อย เกินไป ใจหงอ
จอกสอง จอกสาม ตามคลอ
ไม่ง้อ โซดา ให้เปลือง

สติ เริ่มหาย ตายเกลี้ยง
เลยเดี๊ยง ให้เห็น เป็นเรื่อง
เช้ามา ว้าวุ่น ขุ่นเคือง
หาเรื่อง กินได้ ทั้งปี

งานแต่ง บันเทิง เริงรื่น
ครึกครื้น อุรา สุขขี
เจ้าบ่าว เกษม เปรมปรีดิ์
หน้าที่ ลืมทำ ช้ำใจ

ปลงศพ ฟังสวด ดวดดื่ม
เพื่อลืม เรื่องเศร้า เอาไว้
อุทิศ แด่ผู้ จากไป
อาลัย ผีฝาก จากลา 

งานบุญ กุศล ดลจิต
สะกิด ไม่ว่า ผ้าป่า
กฐิน ใกล้ไกล บอกมา
สุรา อยู่ไหน ไปกัน

ขึ้นเขา ลงห้วย ช่วยถือ
หนักมือ หรือไม่ เพื่อนฉัน
ถ้าหก ตกแตก อดกัน
อย่าหวั่น ขอจง ส่งมา

ประคอง ไหน้อย ค่อยกอด
ตลอด ทางเดิน เนินผา
ลุยผ่าน หนองน้ำ ตามมา
สุรา ยังอยู่ ดูดี

ขีดเขียน ไม่ไหว ใจท้อ
จะขอ ลาก่อน น้องพี่
เหล้ายา เขาว่า ไม่ดี
จงหนี ละลด ปลดปลง

พระท่าน สอนไว้ ผิดศีล
อย่ากิน อย่าไป ไหลหลง
ชีวิต จะได้ ยืนยง
ขอจง ละวาง ห่างกาย 

ขอตัว ไปก่อน แล้วน่ะ
คำพระ เทศน์อย่า แหนงหน่าย
เริ่มจะ หน้ามืด ตาลาย
เดี๋ยวจะสาย ร้านปิดหมด ก็อดกัน
				
1 ตุลาคม 2547 08:56 น.

เสียงขลุ่ยคราง เมื่อนางครวญ

เรไร



เสียงไพเราะ เสนาะผ่าน ลำไม้ไผ่
เหมือนมีใคร คนไกล ไห้หวลหา
ฝากลำนำ พร่ำเพลง บรรเลงมา
สุขเถิดหนา จะเหงา เศร้าไปใย

โศกสะอื้น ผะแผ่ว แว่วยินเสียง
เป็นสำเนียง โหยหา ว่าไฉน
เสียงโหยหวล ครวญหา ทุกคราไป
เพลงลมไม้ ฝากไป ให้ได้ยิน

อยู่แห่งไหน อย่าสะดุด ไปสุดโลก
เอาความโศก โศกา อย่าผันผิน
ลงลอยไปให้ สุดแคว้น แดนแผ่นดิน
ถ้าได้ยิน โปรดคนึง ถีงคนไกล

ขอจงรู้ อยู่ไหนไหน มีใครห่วง
ยิ่งกว่าดวง ชีวัน จะรู้ไหม
ฝากความเศร้า โศกา ฝ่าลมไป
โอ้ดวงใจ อยากให้รู้ ฉันอยู่คอย 

จึงหยิบขลุ่ย เล่าน้อย มาคอยเป่า
เอาความเหงา ร้าวรอน ตอนเศร้าสร้อย
ให้พระพาย โบยฉิว ละลิ่วลอย
ถึงยอดดอย ก้นสมุทร สุดปฐพี

เสียงขลุ่ยคราง นางครวญ หวนคนึง
เฝ้าคิดถึง คนไกล อย่าหน่ายหนี
ว่าเพ้อพร่ำ ร่ำหา ทุกราตรี
ดวงฤดี แทยสลาย  เมื่อไร้เธอ 
				
1 ตุลาคม 2547 00:21 น.

ไร้เวที

เรไร



ณ กลางกรุง รุ่งเรือง เมืองอมร
คนสัญจร ไปมา น่าปวดหัว
ชายคนหนึ่ง ไม่มีจิต คิดหวาดกลัว
ขมุกขมัว ตัวแมมมอม ผอม

ถอดอาภรณ์ กองไว้ ใกล้ใกล้เสา
แล้วหยิบเอา มงคลแดง แกล้งมาใส่
นั่งคุกเข่า มือพนม ก้มลงไป
กราบกรานไหว้ ท่าร่ายรำ ที่จำมา

จตุรทิศ อภิวาท ธาตุทั้งสี่
บารมี ครูด้วย ช่วยรักษา
ด้วยศิลปะ จนครบ จบวันทา
พลันลุกมา ตั้งท่า เตรียมราวี

เริ่มลีลา รูปมวย ด้วยใจรัก
บาทลูบพักตร์  ท่าดูดี มีศักดิ์ศรี
ทัดมาลา ชักศอก มาตอกตี
เข่าอีกที ชกกับลม ให้สมใจ

วาดลวดลาย แม่ไม้มวย สวยสง่า
ออกลีลา ครบเครื่อง เรื่องแม่ไม้
คงเคยเป็น นักสู้ ผู้ยิ่งใหญ่
แล้วทำไม วันนี้ไร้ ซึ่งเวที

กลับลีลี รำฟ้อน ซ่อนความเศร้า
ช่างเปลี่ยวเปล่า เกินทน คนคนนี้
จึงมาวาด ลวดลายชอบ รอบ *เสาวรีย์
ประชาชี มุงดู อดสูใจ



@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

เมื่อวานนี้ ตอนเย็น ๆ มีอันต้องเข้าเมืองไปธุระ
ไปต่อรถตรงอนุเสาวรีย์ เห็นชายคนหนึ่ง ลุกๆนั่งๆ
แล้วก็เริ่ม ทำท่าทางไหว้ครู อวดแม่ไม้มวยไทย ข้างๆป้ายรถเมล์ 
คนมากขนาดไหน คิดดูน่ะครับ เห็นแกเดินไปหาคนที่รอรถเมล์อยู่ 
เดินยิ้มเข้าไปเหมือนกับจะบอกว่ามาชกมวยกับฉันหน่อย 
แต่มิได้มีท่าทีจะทำร้ายใคร
ดีว่าผมรีบ ถ้าไม่รีบก็จะตั้งการ์ดไปหาแกหน่อยเหมือนกัน อิอิอิ
รถมาพอดี เลยรีบขึ้นรถ ระหว่างรอรถออกก็มีตำรวจเดินมา 2 นาย
ชายคนนั้นก็การ์ดมวยเข้าไป คุณรู้ไหมตำรวจ 1 ใน  2 นายนั้นทำไง
ตำรวจคนนั้นทำท่ายกแขนการ์ดมวย แล้วก็ ยิ้มๆ เดินจากไป  คงนึกว่าไม่มีใครเห็น
แล้วชายคนนั้นก็มานั่งพิงเสาไฟฟ้า ดวงตาเหม่อลอย หน้าที่เคยเปื้อนยิ้ม 
เมื่อสักครู่ หายไปไหน เหมือนเขากำลังนั่งครุ่นคิด  ผมมองดูแล้วอยากรู้ว่า
 ชายคนนั้น ... คิดอะไร ... หรือไม่คิดอะไร .. 
 
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟเรไร
Lovings  เรไร เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟเรไร
Lovings  เรไร เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟเรไร
Lovings  เรไร เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงเรไร