27 พฤษภาคม 2551 01:03 น.
เรไร
ในวันที่ชีวามันว้าเหว่
จะหันเหทางไหนให้หงุดหงิด
มีเรื่องราวมากมายชวนให้คิด
ทำดวงจิตเคืองขุ่นจนวุ่นวาย
อยากเรียบเรียงถ้อยพจน์บทอักษร
เป็นคำกลอนให้เลื่องลือสื่อความหมาย
เอาอารมณ์หวาดหวั่นเขียนบรรยาย
ก็คิดจนตาลายมิได้ความ
หรือเพราะว่าลืมไปไม่รู้จัก
ฉันทลักษณ์ไม่เก่งจึงเกรงขาม
หรือไฟฝันเริ่มลดหมดนิยาม
เกิดคำถามที่แย่ หรือ...แก่ตัว
จะคำโคลงโยงเรื่องดูเปรื่องปราญช์
ไม่สามารถเพิ่งเรียนก็เวียนหัว
ยิ่งคำฉันท์ฉันขยาดแสนหวาดกลัว
ไม่อยากมั่วจะว่าหมิ่นคนนินทา
หากว่าจะเขียนกาพย์ให้ซาบซึ้ง
เพื่อบอกความคิดถึงคะนึงหา
ยิ่งฟั่นเฟือนเขียนไปคงได้ฮา
ไม่รู้ว่าที่คิด...คิดถึงใคร
ยิ่งนั่งนึกนอนนึกจนดึกดื่น
เลยเที่ยงคืนเริ่มงงคงมิไหว
ตาเริ่มปิดสติลดเริ่มหมดไฟ
หรือเพราะใจสูญสิ้นจินตนาการ
21 เมษายน 2551 00:03 น.
เรไร
๏..เรา..ใช้ชีวิตเลื่อนไหลไปตามโลก
ไปตามโชคชะตาฟ้าลิขิต
ตามกระแสเชี่ยวกรากลากความคิด
ลืมถูกผิดชอบธรรมตามครรลอง
เรา...คอยไขว่คว้าแก่งแย่งคอยแข่งขัน
ตามห้ำหั่นเพื่อสิ่งชอบมาตอบสนอง
อยากพบสุขสดใสไว้ครอบครอง
เราจึงต้องกระเสือกกระสนทุรนทุราย
เรา...แค่มองสิ่งยิ่งใหญ่เพียงชัยชนะ
คือตรรกะไปถึงซึ่งจุดหมาย
ต่างแข่งขันแย่งชิงทั้งหญิงชาย
สิ่งสุดท้ายอะไรหรือคือรางวัล
เรา...ก็เพียงแค่จดจำความสำเร็จ
จริงหรือเท็จมิเที่ยงแท้แค่สุขสันต์
ที่เราเดินตามทางไม่ต่างกัน
สุดทางฝันคงเปล่าเปลี่ยวและเดียวดาย
๏..เราต่างรู้ดีกว่าช่วงเวลาที่เดินไปในแต่ละนาที
........ของชีวิต
เราค้นหา..เราไขว่คว้า..สิ่งใด...เราต่างรู้
...............รู้ซึ่งจุดมุ่งหมาย..
..........และปลายทางของความฝัน....
..........มีเพียงสิ่งเดียวที่เราไม่อาจหยั่งรู้ได้...ว่า..
ที่ปลายทางของความฝัน
.......อะไร หรือสิ่งใด....ที่รอคอยเราอยู่
...ฉันไม่รู้.....เธอไม่รู้..และเราต่างไม่รู้...ว่าสิ่งใด
....ตราบที่ยังมีลมหายใจ......
....ตราบที่หัวใจยังมีฝัน
....ตราบชีวิตวันนี้เพื่ออีกวัน
....หรือ..จนกว่าความฝัน....จะไม่มี
28 มีนาคม 2551 23:16 น.
เรไร
๏..เพียงสายลมพัดผ่านกังวานแว่ว
ดังผะแผ่วเหมือนหัวใจได้ยินเสียง
คนห่างไกลเคยคู่เคยอยู่เคียง
ส่งสำเนียงสื่อความหมายให้ลมพา
ฝากไปถึงคนไกลฝากไปบอก
ในละลอกลมพลิ้วละลิ่วหา
แม้อยู่ห่างกันไกลสุดสายตา
ยังปรารถนาแหนหวงด้วยห่วงใย
ถึงมิอาจจับต้องหรือมองเห็น
อาจเยือกเย็น ฤๅ รุ่มร้อนจนอ่อนไหว
เพียงยอดหญ้าโยกโยนโอนกิ่งไกว
ลมโลมไล้ใบหญ้าด้วยอาวรณ์
ขอแค่เพียงจดจำในสัมผัส
เมื่อลมพัดโอบกอดด้วยออดอ้อน
หากว่ายังปรารถนาโปรดอาทร
คือคำวอนไม่เปลี่ยวดายกลางสายลม
12 มีนาคม 2551 21:01 น.
เรไร
๏..ยามเมื่อยลแสงโสมดุจโคมฉาย
ศิลาลายละเลื่อมงามตามกระแส
ชโลทรโรมรันคอยผันแปร
ระลอกแลระริ้วลายริมสายชล
เป็นฟายฟองแปรปรวนม้วนตลบ
เข้าสาดซบโถมแทงทุกแห่งหน
สดับเสียงคลื่นคลั่งในวังวน
ดั่งต้องมนต์มายาแห่งสาคร
ใครคนหนึ่งยืนคว้างอยู่กลางหาด
ภวังค์วาดกวีกานท์งานอักษร
เลบงคำพร่ำพรรณนาด้วยอาวรณ์
เป็นบทกลอนความทรงจำจึงคร่ำครวญ
ก่อนเคยยลแสงโสมดุจโคมส่อง
เสียงกึกก้องคลื่นเห่ทะเลผันผวน
สายลมพัดสู่ฝันแสนรัญจวน
จนจิตหวนโหยหาด้วยอาลัย
เคยกุมมือเคียงข้างอยู่กลางหาด
ร่วมกันวาดอนาคตที่สดใส
บนผืนทรายทอดยาวเราก้าวไป
ด้วยหัวใจคงมั่นในสัญญา
ดุจว่ามีสังคีตคอยดีดสี
มโหรีบรรเลงเพลงปรารถนา
คือเสียงคลื่นซัดสั่งฝั่งพสุธา
สองชีวาเคียงกายใต้เงาจันทร์
ยามเมื่อยลแสงโสมดุจโคมส่อง
น้ำตานองไห้สะอื้นถึงคืนฝัน
กลางหาดทรายค่ำนี้ไม่มีกัน
เธอลืมฉันขาดสะบั้นคำสัญญา๚ะ๛
15 กุมภาพันธ์ 2551 01:43 น.
เรไร
๏..ในวันนี้วันดีจะมีโชค
ถูกโฉลกแสดงให้ได้ประจักษ์
จะได้พรเป็นความจริงแน่ยิ่งนัก
เพราะความรักประสิทธิ์ผลดลบันดาล
ฉันจะเป็นทุกอย่างดั่งดวงจิต
ดั่งเธอคิดค่ำเช้าเฝ้าฝันหวาน
จะดั่งดั่งเธอถวิลและจินตนาการ
คงสำราญรื่นรมย์สมฤดี
จะแสดงให้เห็นเป็นเทพบุตร
อย่างแสนสุดล้ำเลิศประเสริฐศรี
เหมือนเธอฉันอยู่วิมานชั้นฉิมพลี
ทุกนาทีสมหวังดั่งใจเธอ
จินตนาการก่อกำเนิดสิ่งเลิศหรู
คอยเคียงคู่ทุกเช้าค่ำสม่ำเสมอ
ความสุขจะบันดลคอยปรนเปรอ
ไม่ให้เผลอเหม่อลอยจนน้อยใจ
แม้วันใดเพ้อพกวิตกจริต
ถ้าความคิดผิดพลาดยากแก้ไข
จินตนาการฟั่นเฟือนลืมเลือนไป
ถวิลให้ชั่วช้าเช่นซาตาน
เป็นอย่างนั้นฉันจะคอยขัดขวาง
วิถีทางสู่ความสุขสนุกสนาน
จะเป็นดั่งจินตนาพญามาร
คอยเผาผลาญความสุขทุกวันคืน
ให้ชีวิตเหว่ว้าน้ำตาหลั่ง
ประเดประดังถาโถมด้วยขมขื่น
ให้ดื่มด่ำชอกช้ำทนกล้ำกลืน
ทั้งยามตื่นให้ย่อยยับแม้หลับตา
ก่อนฟ้าสางจงตั้งจิตอธิษฐาน
จะบันดาลให้สมหวังดังปรารถนา
จะแสนดีหรือหมองมัวสุดชั่วช้า
สุดแต่ว่าเธอถวิลและจินตนาการ