17 กุมภาพันธ์ 2548 12:06 น.
เรไร
หรือแพ้ฝุ่น ละออง ต้องเกสร
จึงต้องนอน อยู่บ้าน อีกนานฉัน
ตัวจ้ำแดง เป็นปื้น เพราะผื่นคัน
ไม่รู้มัน ยังไง ไม่ภิรมย์
ใบชะพลู มาขยำ ตำกับครก
ทำเหล้าหก นิดหน่อย ค่อยผสม
กลิ่นเย้ายวน นักหนา น่าดอมดม
แต่ต้องข่ม เอามา ทากับตัว
คันคะเยอ หนักเอา เข้าไปใหญ่
แง่งข่าไง ตำตุ๊บ ทุบทั้งหัว
หยิบเหล้าโรง มือก็พลัน สั่นระรัว
เทก็กลัว หกกระฉอก ออกนอกชาม
พอกเข้าไป ตรงผื่นขึ้น ชักมึนเหล้า
ถ้าหากเมา เมรัย ใครจะหาม
ยิ่งทาไป ที่เดิม ชักเริ่มลาม
อยากจะถาม วานบอก อย่าหลอกลวง
รีบไปหา เพื่อนเกลอ เธอเป็นหมอ
ว่าจะขอ ตัวยา ตำราหลวง
คงหายคัน ตรงปื้น ขึ้นผื่นดวง
เพื่อนมันห่วง จึงเฉลย เอ่ยออกมา
ที่เอ็งเป็น เช่นนี้ เพราะผีสิง
ถูกผู้หญิง สาบแช่ง แค้นนักหนา
ให้ต้องคัน คะเยอ เพราะเธอลา
อยากจะฆ่า มันให้ตาย สหายเรา
เอ๊ะ..หรือว่า พิษรัก หักสวาท
น่าอนาถ จริงแท้ หรือแค่เหงา
เพราะหัวใจ คันไง ไม่ได้เกา
ก็เลยเหมา เลยเถิด เกิดเพราะใจ
10 กุมภาพันธ์ 2548 22:51 น.
เรไร
ลมเจ้าเอ๋ย
ใยมิเคย พัดหทัย ไปให้ถึง
เธอคนนั้น ฉันเฝ้าเพ้อ เก้อรำพึง
ณ ที่หนึ่ง ในสวรรค์ ชั้นวิมาน
ดุจกระต่าย หมายมั่น จันทร์บนฟ้า
เนิ่นนานมา ยามจ้อง มองฝันหวาน
เมื่อใดหนอ ได้เชยชม สมดวงมาลย์
จนล่วงกาล เลยลับ นับพันปี
กระต่ายน้อย เกิดตาย อีกหลายชาติ
จิตยังวาด อยากตาม ความสุขขี
มีบ้างไหม ชื่นชม สมฤดี
ไม่เห็นมี หนทาง อย่างตั้งใจ
คงอยู่สูง เกินใจ จะไขว่คว้า
ชั่วชีวา ปีนป่าย คงไม่ไหว
ได้แค่ชม แสงจันทร์ คอยฝันไป
สุขฤทัย เพียงเรารู้ มิคู่ควร
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
กระต่ายหมายจันทร์
ว่าสักวันคงร่วงลงมา
อย่าเอื้อมมือโน้มกิ่งฟ้า
ลงมาจูบเดือนเย้ยดาว
.....ฟ้าคงหัวเราะเยาะเรา
หลงชมแค่เงาจันทรา เพลงของพิทักษ์
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
8 กุมภาพันธ์ 2548 01:34 น.
เรไร
อย่าร้องไห้คนดี
เวลานี้ยังมีฉัน
ยังไม่ตายจากกัน
อย่าให้มันไหลออกมา
เพียงเพราะใจสับสน
อย่ากังวนไปเลยหนา
ยังไม่ถึงเวลา
จะเหว่ว้าไปทำไม
ฉันยืนอยู่ตรงนี้
ยังไม่หนีไปที่ไหน
มิเคยห่างร้างไกล
ห่มรักไว้ไม่จืดจาง
ให้เป็นดั่งเทียนไข
พอจุดไฟได้สว่าง
แลเห็นซึ่งเส้นทาง
ไม่เคว้งคว้างคราค่ำคืน
เพียงว่าอย่ารันทด
อนาคตคงยากฝืน
หากต้องช้ำกล้ำกลืน
จงหยัดยืนลืมเวลา
เก็บหัวใจหมายมุ่ง
เอาใส่ถุงคืนเคหา
กอดก่ายใต้ชายคา
เคียงนิทรา ณ ราตรี
จงใส่ถุงมัดไว้ ให้ดี
เผื่อว่าในบางที ดีดดิ้น
จะหลุดลอดหลบลี้ หนีห่าง
ความรักคงสูญสิ้น คลาดแคล้ว คงตรม
เก็บเอาไว้ให้มั่น
ปัจจุบันได้สุขสม
หวานชื่นรื่นอารมณ์
วันหน้าขมขื่นช่างมัน
5 กุมภาพันธ์ 2548 11:37 น.
เรไร
คงอีกนาน เท่าใด ฉันไม่รู้
จะมีคู่ เชยชิด สนิทสนม
ให้คลายเหงา เหว่ว้า ในอารมณ์
ได้ชื่นชม สมอุรา ความอาทร
ค่ำคืนนี้ ถ้าใจ ไม่สลาย
มิวอดวาย แตกดับ ยับเสียก่อน
ขอไปอยู่ เคียงเจ้า เฝ้าเว้าวอน
คอยออดอ้อน นอนหนุนตัก พักใจกาย
ขอนอนหลับ สักงีบ ไม่รีบร้อน
จะพักผ่อน อิงอุ่นไอ ดั่งใจหมาย
พอได้หาย ป่วยไข้ ไม่สบาย
อย่าเหนียมอาย ทำเชือนแช ไม่แลดู
นี่ก็ผ่าน เดือนยี่ พี่ปวดร้าว
ทนเหน็บหนาว เดียวดาย เพราะไร้คู่
อยากแนบเนา เคล้าคลอ เจ้าโฉมตรู
เพียงมาอยู่ ร่วมฝัน กันสองเรา
ความเปล่าเปลี่ยว เดียวดาย มลายสิ้น
ได้ยุพิน เคียงกาย คงหายเหงา
ความร้อนรุ่ม กลุ้มใจ ได้บรรเทา
ขอเป็นเงา คู่นาง มิห่างไกล
จะกระซิบ แผ่วเบา ให้เจ้ารู้
ขอที่อยู่ ให้รัก พักอาศัย
ขอเป็นเพียง ข้าทาส ทุกชาติไป
สานสายใย สัมพันธ์ นิรันดร์กาล
30 มกราคม 2548 10:38 น.
เรไร
จริตปรุง ภาพฝัน อันบรรเจิด
ก่อกำเนิด นิมิต เหมือนจิตหลอน
ยามราตรี มืดดับ มิหลับนอน
คือนิวรณ์ หลอกลวง ดวงฤทัย
ภาพครั้งเก่า เลือนพร่า เริ่มปรากฏ
กำซาบซด รสรื่น ละลื่นไหล
สู่วิมาน สรวงสวรรค์ เลยหวั่นใจ
ฤ ลงไป ยังนรก อเวจี
สถานที่ คุ้นเคย เผยให้เห็น
สิ่งที่เป็น เรื่องราว ร้าวฉวี
คิดจะเข้า ไปแก้ไข ได้อีกที
อาจจะดี กว่าก่อน หากย้อนคืน
คงมิทำ เรื่องใด ให้พลาดผิด
คงครุ่นคิด ปรารถนา ข้าจะฝืน
รู้แล้วว่า ถ้าทำ จะกล้ำกลืน
ความขมขื่น ตามเร้า เศร้าชีวา
ไม่ขอรัก ปักทรวง คอยห่วงหวง
จนเลยล่วง เป็นผูกพัน จึงฝันหา
น้อมถวาย ไม่เหลือ เผื่ออุรา
ให้วันหน้า จะแพ้พ่าย ก็สายเกิน
น้ำตาร่วง รินหลั่ง ในครั้งนั้น
หลอกตัวพลัน ว่าข้าแน่ แก้ขวยเขิน
หากล้ามอง อนาคต หมาดทางเดิน
ซ่อนหัวใจ ยับเยิน เกินเยียวยา
คงจะวาง จุดหมาย ในชีวิต
มิหลงผิด สู่เหตุ กิเลสหนา
ไปขยัน หมั่นเพียร เรียนวิชา
ได้ไขว่คว้า หวังวาด โอกาสดี
ภาพเริ่มพร่า เลือนราง พลางหันกลับ
เผยความลับ ความจริง เคยวิ่งหนี
ปัจจุบัน หยัดยืนอยู่ สู้ชีวี
ข้ายินดี เรื่องร้าวราน ที่ผ่านมา
ภาคภูมิใจ ที่เป็น อยู่เช่นนี้
เรื่องร้ายดี จดจำ ทำให้กล้า
มิแก้ไข ย้อนหวน ทวนเวลา
คิดเพียงว่า พานพบ ประสบการณ์
มองข้างหน้า ดีกว่าไหม ใจมันบอก
ความช้ำชอก เรื่องเก่า สิ่งร้าวฉาน
ให้เป็นแค่ ฉากหลัง ครั้งวันวาน
เริงสำราญ สดใส ใช้ชีวี