28 กุมภาพันธ์ 2548 00:34 น.
เรไร
ไม่รู้เป็น อย่างไร ใจเจียนบ้า
น้ำในตา รินหลั่ง แม้นั่งฉย
จะน้อยใจ ใครเล่า ก็เปล่าเลย
โอ้อกเอ๋ย อ่อนแอ แย่เหลือเกิน
แค่หัวใจ พลัดพราก จากไปแล้ว
หมดสิ้นแวว ความฝัน พลันห่างเหิน
มันไม่ใช่ เรื่องแปลก แยกทางเดิน
พร้อมเผชิญ เพราะทำใจ ไว้ตั้งนาน
เพียงนั่งเหม่อ มองรูปถ่าย ในวันก่อน
ขอบตาร้อน ผะผ่าว กลับร้าวฉาน
รู้แก่ใจ ในสัมพันธ์ นั้นไม่นาน
คิดว่าผ่าน ไปแล้ว ไม่แคล้วจำ
ไม่นึกเลย วันนี้ ไม่มีเขา
ตัวของเรา รู้สึก ลึกถลำ
เหมือนถูกเข็ม เล่มน้อย คอยทิ่มตำ
มาตามย้ำ ไม่เว้นวาง กลางฤดี
ปาดน้ำตา หลั่งล้น จงทนไว้
เศร้าทำไม รันทด หมดศักดิ์ศรี
เขาคงพบ ทางใหม่ ได้สักที
พร้อมยอมพลี หทัย ไม่กลับมา
เหมือนชะตา ฟ้าแกล้ง แช่งคำสาป
ให้แปลบปลาบ เปล่าเปลี่ยว คอยเหลียวหา
อดีตรัก เคยซึ้ง ตรึงอุรา
ให้เหว่ว้า เศร้าโศก วิปโยกครวญ
ภาพความหลัง เก่าก่อน มาซ้อนซ้ำ
ความทรงจำ แสร้งเส มาเหหวน
อดีตตา กาลก่อน มาย้อนทวน
จิตปั่นป่วน ทรมาน ผลาญชีวา
27 กุมภาพันธ์ 2548 21:05 น.
เรไร
หากห้วงแห่งโหยหา เมื่อคราฝัน
แอบอกอันอุ่นไอ ไหววาบหวาม
กายกกกอดก่ายเกย เชยคนงาม
ตราบติดตามเติมต่อ รอชื่นชม
ชายชวนเชิญชิดเชย มิเคยห่าง
แนบเนื้อนางนวลน้อง ปองสุขสม
เพริศพลิ้วพลางพบพาน ผ่านระทม
ร้อยรื่นรมย์ร่วมเรียง เคียงวิไล
หากดวงดาว วิบวับ ประดับประดา
กลางเวหา พราวพร่าง สว่างไสว
เพียงโอบกอด ไออุ่น ละมุนละไม
จากจอมใจ เนื้อทอง มิหมองมิตรม
ขออย่าได้ ลังเล ถะเหลไถล
เป็นคู่ใจ คู่จิต สนิทสนม
เหมือนจันทรา ค่ำคืน คอยชื่นคอยชม
เคียงภิรมย์ ดาวประดับ มิกลับมิกลาย
25 กุมภาพันธ์ 2548 20:06 น.
เรไร
วรรณะคนแบ่งชั้น ได้สี่ ด้วยกัน
กษัตริย์คหบดี พ่อค้า
ทั้งยาจกอยู่ที่ หลังสุด
มนุษย์ใต้ผืนหล้า บ่งชี้ เวลา นิททรา
เป็นเรื่องราวเล่าขาน
โบราณล่วงกาลให้รู้
เพ่งพินิจคิดดู
ว่าเราอยู่วรรณะใด
เกี่ยวเนื่องเรื่องพักผ่อน
ยามหลับนอนตอนหลับไหล
ใช้เพลาเท่าใด
แบ่งกันได้เท่านี้เอย
องค์กษัตริย์บรรทม
นิททรารมณ์หนุนเขนย
สี่ชั่วโมงผ่านเลย
มิได้เคยเลยเวลา
อีกคหบดี
ทั้งราตรีนับได้ห้า
ครั่นคร้ามยามนิททรา
ไม่มากกว่าในชีวี
แล้วพ่อค้าวาณิช
งานกิจยากหลีกหนี
หกชั่วโมงพอดี
ตื่นทันทีต้องรีบไป
ยาจกจัณฑาลนั้น
จะนอนกันนานแค่ไหน
ตามสบายหัวใจ
พักผ่อนให้สุขสำราญ
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
ราชา 4 คหบดี 5 พ่อค้า 6 ยาจกตามสบาย
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
24 กุมภาพันธ์ 2548 21:59 น.
เรไร
โลกกาภิวัฒน์
หมุนเวียนเปลี่ยนผลัด สงัดเงียบหาย
คนไม่ทันยุค ทนทุกข์ตรมตาย
ก้าวกันมั่นหมาย หวังได้ตามทัน
เพลงร็อคเพลงแร๊พ
แหกปากเสียงแหบ แสบทรวงสุขสัน
มีแต่ทำนอง คล้องจองไงกัน
ตะโกนดังลั่น สัมผัสไม่มี
เริงกามารมณ์
ระรื่นชื่นชม เสพสมหลีกหนี
เพียงพบสบตา โหยหาฤดี
พอผ่านราตรี ชีวีร้าวราน
วัฒนธรรม
ที่มีไม่จำ เหยียบย่ำหักหาญ
ฝรั่งมังคุด ดีสุดเปรียบปาน
สงสารลูกหลาน ไม่นานกลืนกิน
ภาษาของชาติ
สุดแสนอนาถ วิบัติหมดสิ้น
สะกดไม่เป็น ยากเข็ญอาจินต์
ภาษาต่างถิ่น เทิดทูนบูชา
โคลงฉันท์กาพย์กลอน
เรียงร้อยอักษร ออดอ้อนภาษา
ไม่ซึมซาบซึ้ง ติดตรึงอุรา
โบราณชักช้า เหว่ว้าหมดแวว
อาหารการกิน
น้ำพริกกระถิน รสลิ้นลืมแล้ว
ไก่ทอดเคเอฟซี อย่างนี้เด็กแนว
ฝรั่งเข้าแถว หวานแล้วคนไทย
เสียกรุงครั้งสาม
โอ้เมืองสยาม สิ้นถิ่นอาศัย
วัฒนธรรม เหยียบย่ำเข้าไป
มีลัทธิใหม่ เขาใส่เข้ามา
ฤาหลงลืมหมดแล้ว หรือเจ้า
บรรพชนของเรา ต่อสู้
ไพรีรุกรานเฝ้า ปกปักษ์ รักษา
เอกราชให็โลกรู้ ว่าข้านั้น คนไทย
แต่ลูกหลานกลับให้ ใส่พาน
เอกลักษณ์สืบสาน ดับดิ้น
ลืมยุคสมัยรากฐาน ไปหมด
หลงวัฒน์ลืมไปสิ้น รากเหง้า ของเรา
หยุดก่อนได้ไหม
ลองถามหัวใจ หากไม่น่าเศร้า
ลืมชาติกำเนิด ก่อเกิดตัวเรา
หลงเพลินมัวเมา ของเก่าทิ้งไป
ปู่ย่าตายาย
ถึงพร้อมยอมตาย หลั่งเลือดรินไหล
ยืนหยัดผงาด เอกราชรักษ์ไว้
ความภาคภูมิใจ ในผืนแผ่นดิน
23 กุมภาพันธ์ 2548 22:17 น.
เรไร
หอมเอยหอมดอกงิ้ว ปลิวลม
หฤทัยแสนรื่นรมย์ เมื่อนั้น
หากได้เด็ดเชยชม ลืมหมด
ศีลธรรมขวางกั้น ยากแท้ แก้ไข
กลิ่นพฤกษาในโลกล้วน สิ้นค่า
หลงรสสิเน่หา ดอกงิ้ว
แดงขาวดอกนวลตา ชมเนตร
ปล่อยกายปล่อยใจพลิ้ว ลึกล้ำ ถลำลง
คงตกนรกหมกไหม้ หมองมัว
กงจักรเห็นเป็นดอกบัว ไม่แคล้ว
พิสวาทลืมตัว ดี ชั่ว
ปีนป่ายขึ้นไปแล้ว จักต้อง ช้ำชอก
หอกแหลมแทงทิ่มเนื้อ เถือหนัง
ตรงกะบาลอีกายัง จิกให้
สายโลหิตไหลหลั่ง กระอัก เป็นลิ่ม
จนหมดกรรมทำไว้ หลุดพ้น มลทิน
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
ตั้งมั่นศีล ปัญญา สมาธิ
มีสติ ยับยั้งเล่ห์ อย่าเฉไฉ
กำหนดจิต กูลเกื้อ เหนือหัวใจ
จงยิ่งใหญ่ หทัยเห็น เป็นประธาน
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@