19 เมษายน 2548 20:59 น.
เรไร
ณ ริมฝั่งนั่งเหม่อมองจ้องเกลียวคลื่น
เสียงครืนครืนถาถั่งโถมโหมเข้าหา
เป็นทิวแถวตามแนวฝั่งพสุธา
ละลานตาสายน้ำพัดซัดหาดทราย
เก็บเปลือกหอยเอาอิงแอบแนบข้างหู
สดับอยู่ฟังเสียงร้องทำนองคล้าย
ดังพายุเฝ้าบรรเลงเพลงพระพาย
ประหนึ่งหมายข้ามฟากฟ้ามาเยี่ยมเยือน
แหงนหน้ามองจ้องขึ้นไปในเวหา
เหลือคณาแสนกว้างใหญ่หาใดเหมือน
สุริยาคอยสลับกับดวงเดือน
ฤาคล้อยเคลื่อมิเห็นใจใครตรอมตรม
ถือคันเบ็ดคอยนั่งถามความรู้สึก
ก็คิดนึกเรื่องแหลกรานพาลขื่นขม
หวังสูงไปเกินไขว่หามาภิรมย์
เพียงได้ชมแค่ใฝ่ฝันมันร้าวราน
ทอดสายตายาวออกไปในสายชล
ฟ้าเบื้องบนมองเห็นเป็นคู่ขนาน
เมื่อใดหนอน้ำกับฟ้ามาพบพาน
เป็นตำนานสมตั้งใจใฝ่รำพึง
เห็นสายน้ำนั้นบรรจบพบขอบฟ้า
ตั้งใจว่าจะขอฝ่าไปให้ถึง
แม้ห่างไกลสักเพียงใดไม่คำนึง
จากก้นบึ้งของดวงจิตขอติดตาม
รอนแรมกลางความปรวนแปรกระแสสินธุ์
เอาชีวินไปวัดดวงคอยทวงถาม
เอาหัวใจคอยไปพบความงดงาม
ฟ้าจรดน้ำพบเห็น ณ เส้นขอบฟ้า
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
...ทั้ง ทั้งที่รู้ ..ว่าไกล จะไปแม้ไกลกว่านั้น
...กี่เดือนกี่ปี...กี่วันคืบคลานทนทานเพื่อเธอ...
บางส่วนของเพลงตรงเส้นขอบฟ้า
พงษ์เทพ กระโดนชำนาญ
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
18 เมษายน 2548 21:00 น.
เรไร
ในเส้นทางเปล่าเปลี่ยวเที่ยวลัดเลาะ
ดั้นด้นเสาะแสวงไปไกลถิ่นฐาน
หวังเพียงพบมิตรภาพที่ยาวนาน
แม้กันดารทุกข์ยากลำบากกาย
รองเท้าเก่ากระเป๋าก็มอมแมม
เดินรอนแรมดิ้นรนเที่ยวขวนขวาย
ฝ่าเกลียวคลื่นตะโบมลั่นอันตราย
สู่จุดหมายเกาะร้างกลางนที
มิตรภาพเริ่มต้นบนเกาะแก่ง
ต่างร่วมแรงเทใจไม่หลบหนี
บ้างตั้งเต้นท์หุงอาหารทานก็มี
ฉันท์น้องพี่ญาติมิตรสนิทกัน
นอนกลางดินกินกลางทรายได้พบเห็น
สันโดษเช่นคนจรตะลอนฝัน
ลืมทุกสิ่งที่เคยผ่านมานานวัน
จิตสุขสันต์อบอุ่นละมุนละไม
เมื่อตะวันเคลื่อนคล้อยลอยขึ้นฟ้า
ท้องนภาเด่นกระจ่างสว่างใส
กลิ่นกาแฟหอมกว่าเวลาใด
กรุ่นกลิ่นไมตรีจิตมิตรภาพ
12 เมษายน 2548 23:59 น.
เรไร
สวัสดีวันนี้ว่างหรือเปล่า
งานบางเบากินข้าวกันสักมื้อ
มีเรื่องราวปรึกษาหารือ
ชวนมารื้อความสัมพันธ์ที่สั่นคลอน
เลือกเอาร้านอาหารที่คุณชอบ
รอคำตอบไปไหมนั่นใจมันร้อน
นัดเวลาเมื่อสายัณตะวันรอน
ฉันไปก่อนร้านนั้นฉันนั่งคอย
เมื่อตะวันลาลับดับขอบฟ้า
เธอก็มาสั่งปลาปรุงพร้อมกุ้งหอย
จะเอาอกเอาใจแม่เนื้อกลอย
ให้อร่อยแกะเปลือกเลือกให้ทาน
ฉันมีของมากมายตั้งหลายอย่าง
เอามาวางทั้งมาลีสีหวานหวาน
นี่แหวนพลอยล้อมเพชรเก็จตระการ
กุญแจบ้านหลังใหม่มอบให้เธอ
นี่ก็รถคันโตโก้ไม่หยอก
ที่คุณบอกอยากได้ไว้เสมอ
ทั้งเงินทองสารพัดจัดปรนเปรอ
อย่าให้เก้อจงรับเอากลับไป
หากยังมีสักนิดที่ติดค้าง
อยู่ระหว่างเรานั้นมันมีไหม
หากไม่มีฉันอยากขอหน่อยเป็นไร
ขอหัวใจขมขื่นฉันคืนมา
9 เมษายน 2548 13:31 น.
เรไร
เลือดจะไปลมจะมาคราหญิงเฒ่า
อารมณ์เฉาแปรปรวนทวนกระแส
บัดเดี๋ยวดีบัดเดี๋ยวร้ายในดวงแด
ผู้ชายแก่จึงเขียนกลอนเชิงค่อนแคะ
คนหัวล้านเคราหงอกหลอกไก่อ่อน
เฒ่ากระล่อนหนุงหนิงหญิงกระแดะ
เห็นเมียแก่เงอะงะไม่กระแซะ
โอ้ว .. นี่แหล่ะเรื่องจริงหญิงควรรู้
คำตัดรอนร้อนรน ฤทนไหว
อึดอัดใจโศกาน่าอดสู
จำนรรจาว่าเราเฒ่าหัวงู
ทำเจ้าชู้ติดเด็กเอ๊ะยังไง
วันเวลาล่วงวัยมาไกลแล้ว
ไร้วี่แววชมชิดพิสมัย
เริ่มชราแก่เฒ่าไม่เร้าใจ
แม่สาวใหญ่ค่อนแคะแงะเรื่องราว
เลือดจะไปลมจะมาพาหงุดหงิด
ใครสะกิดปรักปรำซ้ำเรื่องฉาว
ว่าเจ้าเล่ห์ฉ้อฉลกลแพรวพราว
เดี่ยวปล่อยให้นอนหนาวเหงาคนเดียว
8 เมษายน 2548 17:34 น.
เรไร
หากทะเลราบเรียบเปรียบกระจก
คงวิตกท่ามกลางลางสังหรณ์
อาจคลุ้มคลั่งในนทีสีทันดร
คลื่นสลอนซัดสาดที่หาดทราย
ก่อนวสันต์พร่างพรูสู่พฤกษา
บนนภาเมฆบังสุริยะฉาย
กลุ่มก้อนดำทะมึนขึ้นเรียงราย
เสียงคำรามสายฟ้าลั่นสนั่นเมือง
พวกหมู่มดตัวน้อยค่อยเดินแถว
เรียงเป็นแนวเห็นอุกาฟ้าเหลือง
อีกไม่นานธาราล้นจนนองเนือง
สัตว์รู้เรื่องอาณัติพิบัติภัย
ก่อนพระแม่ ธรณีนี้พิโรธ
จะลงโทษพสุธาถิ่นอาศัย
สรรพสัตว์อึกทึกในพฤกษ์ไพร
สัมผัสได้เหตุนั้นสัญชาติญาณ
สิ่งใดใดทั้งหลายในพิภพ
มีเริ่มต้นจบสิ้นผสมผสาน
เมื่อมีเหตุย่อมมีผลดลบันดาล
แต่ดวงมานยากหยั่งจิตอิสสตรี
อารมณ์รวนปรวนแปรแท้ผู้หญิง
ไร้ซึ่งสิ่งพิสูจน์เหมือนภูตผี
เดี๋ยวก็ร้ายประเดี๋ยวหายกลายเป็นดี
ยากจะชี้เฉพาะหรือเจาะจง
ธรรมชาติฤดูกาลที่ผันเปลี่ยน
คอยวนเวียนมิเคยคิดพิศวง
เป็นหทัยนางนั้นฉันงุนงง
ชาตินี้ต้องสงสัยจนวายปราณ