7 พฤษภาคม 2548 01:05 น.

รักษาใจ

เรไร


เก็บหัวใจกับตัวไม่มัวหมอง
จะมิต้องโศกาชีวาเอ๋ย
ความเจ็บช้ำครั้งเก่าเราคุ้นเคย
จงทำเฉยที่ผ่านมาน้ำตาริน

เก็บรักษาความรู้สึกที่นึกหวัง
เอาจิตตั้งเป็นใหญ่ไม่โผผิน
จงอย่าให้ดวงฤทัยได้โบยบิน
จะดับดิ้นเหมือนหนหลังครั้งผ่านมา

หยาดน้ำตากี่หยดรดลงพื้น
กว่าจะฟื้นจากรักเล่ห์เสน่หา
แทบกระอักเลือดรินหลั่งทั้งน้ำตา
บนใบหน้ายังทิ้งคราบฉาบร่องรอย

ไม่ขยาดหลาบจำจงทำต่อ
เจ็บให้พออุราจงอย่าถอย
อย่ามาร้องครวญครางอย่างเลื่อยลอย
หน้าละห้อยเหี่ยวเฉาเหงาฤดี

สุขเกษมเปรมปรีจะหนีห่าง
ความอ้างว้างโศกามาแทนที่
ตามตอกย้ำถมทับอีกนับปี
เป็นเช่นนี้ความรักไม่ยักจำ				
5 พฤษภาคม 2548 13:32 น.

รอคนร่วมฝัน

เรไร


ที่เชิงผาตะหง่านกลางไพรสัณฑ์
ดวงตะวันเลื่อนลับกับหุบเขา
มีเพียงแสงเลือนลางจางแม้เงา
ฟ้าสีเทายามค่ำยลสนธยา

จั๊กจั่นจิ้งหรีดกรีดปีกร้อง
ท่วงทำนองก้องกึกทั่วพฤกษา
เกาะก้านกิ่งอาศัยในพนา
ยินดังว่าความหนาวเข้ามาเยือน

ตัวหิ่งห้อยส่องแสดงแสงกระพริบ
ดูระยิบระยับวิบวับเหมือน
ดวงดาราประดับฟ้าคราไร้เดือน
บินว่อนเกลื่อนทั่วป่ายามราตรี

เห็นแขไขข้างแรมแต่งแต้มฟ้า
แสงโรยราเหมือนมืดมนหม่นราศี
ทมึนดำทั่วลำเนาเขาคีรี
ปัถพีน่าหวั่นเกรงวังเวงใจ 


ฉันแรมรอนจากผืนดินถิ่นกำเนิด
ทิ้งเลอเลิศจากเคหาเคยอาศัย
เมินเฉยแล้วเมืองแสงสีศิวิไลซ์
ตามฝันใฝ่คนตราหน้าว่าโง่งม

จึงมาอยู่เงียบงันอย่างสันโดษ
ลืมเกรี้ยวโกรธเก็บกล้ำกลืนความขื่นขม
ลากสังขารฤดีแหลกแตกระทม
หาสุขสมห่มชีวาแสนจาบัลย์

ค่อยเก็บก่อต่อเติมจุดเริ่มต้น
แม้อับจนเกิดกล้าล่าความฝัน
สร้างวิมานฉิมพลีที่ไพรวัลย์
เป็นสวรรค์เพียงพอไม่ง้อใคร

พลิกแผ่นผืนพสุธาตรงป่าร้าง
คอยแผ้วถางทำไร่นาได้อาศัย
เก็บเกี่ยวผลพืชพันธุ์ที่หว่านไป
แค่พอให้ยืนหยัดสู้พออยู่กิน

ยามราตรีกล้ำกลืนฝืนเจ็บร้าว
ขอบตาผ่าวหวลให้ใจถวิล
คนคุ้นเคยเอ่ยปากฝากชีวิน
จะโบยบินตามฝันกันสองคน

รัตติกาลเงียบสงบพบความหมาย
เพียงลำพังเดียวดายใต้เวหน
คอยวาจาดั่งสัญญาณบันดาลดล
แม้นมืดมนเหมือนสิ้นหวังก็ยังรอ

คงสักวันในอ้อมแขนแสนอบอุ่น
หวานละมุนใจกายเมื่อใดหนอ
มิต้องเก้อเพ้อเงาพะเน้าพะนอ
ได้เติมต่อความฝันให้มันเต็ม
				
24 เมษายน 2548 14:34 น.

กั๊ก

เรไร


มีเงินอยู่สิบบาทอยากร่ำรวย
จะซื้อหวยรอนานพาลหมดหวัง
ทุนมันน้อยน่าทุเรศแค่เศษตังค์
ได้แต่นั่งบอกตัวเองเซ็งเสียจริง

เสียงโหวกเหวกเริ่มดังอยู่ข้างบ้าน
น่ารำคาญเหลือหลายทั้งชายหญิง
เดินไปดูเห็นมือไขว่ไวเป็นลิง
บ้างนั่งนิ่งรินถ้วยฟังอย่างตั้งใจ

วงไฮโลว์ดูยุ่งคนมุงเยอะ
อยากสะเออะเห็นแล้วทนไม่ไหว
ทุนเราน้อยดูก่อนอย่าร้อนไป
ออกอะไรตั้งสติวิเคราะห์กัน

เห็นคุณป้าออกท่าน่าเชื่อถือ
ลุงร้องฮื้อบอกเสี่ยงอย่าเถียงฉัน
พหูสูตรปากมากหลากร้อยพัน
รับไม่อั้นเจ้ามือว่าอย่าปากดี

เห็นยืนเล็งแกล้งนึกทำยึกยัก
มาเที่ยวทักคราวนี้มีแต้มสี่
สองกับเอี่ยวเกี่ยวกันฉันว่ามี
ว่าตานี้ต้องมากล้ารับรอง

จึงควักเงินที่ซุกไว้ในกระเป๋า
จะเลือกเอาตัวเต็งก็เล็งสอง
จะโต๊ดสี่พ่วงเอี่ยวที่เกี่ยวดอง
ท่าจะต้องแทงกั๊กชักหลายใจ

มัวแต่ยืนเงื้อง่าราคาแพง
ไม่ยอมแทงสักครั้งยังสงสัย
กลัวหมดตูดทำลีลาหรือว่าไง
เสียหรือได้มิเสี่ยงดูจะรู้ฤา				
23 เมษายน 2548 12:35 น.

ธารระทม

เรไร


เห็นชิงช้าแกว่งไกวไร้คนอยู่
มองหาดูคนนั่งหายไปไหน
ร้องเรียกหาไม่เห็นเป็นเช่นไร
หรือเดินไปชายหาดกวาดสายตา

สุดหาดทรายเห็นเงาคนเศร้าสร้อย
เดินใจลอยเหมือนสิ้นหวังปรารถนา
คงจะให้คลื่นเห่ทะเลพา
ดวงวิญญาลับหายกับสายชล

น้ำเริ่มลึกเห็นแต่เพียงแค่ไหล่
ตะโกนไปเสียงดังยังไม่สน
ทางชีวิตหมดหวังทั้งมืดมน
อยากหลุดพ้นทุกข์ท้อทรมาน

จึงวิ่งไปอุ้มเจ้ามาเข้าฝั่ง
ด้วยใจยังนึกหวั่นสั่นสะท้าน
กลัวเจ้าหมดลมหายใจต้องวายปราณ
พยาบาลสุดสามารถอาจช่วยทัน

ทั้งแบกร่างขึ้นบ่าพาเขย่า
หวังให้เจ้าสำลักน้ำไม่ข้ามขั้น
ช่วยผายปอดลมปากเป่าให้เจ้าพลัน
กายไหวสั่นเริ่มสะอึกรู้สึกตัว

สติเจ้าคืนกลับมารับรู้
โฉมพธูอยากผงกจึงยกหัว
ดวงตาเศร้าโทมนัสดูหวาดกลัว
เพราะหมองมัวจึงคิดมาฆ่าตัวตาย

นั่งสดับเรื่องราวแต่คราวหลัง
ความพลาดพลั้งเผลอไผลใจสลาย
ถูกสังคมตีตราน่าอับอาย
ว่าเป็นหม้ายร้างคู่อดสูใจ

เจ้ามิได้เปล่าเปลี่ยวคนเดียวในโลก
เก็บดอกโศกบูชาอย่าสงสัย
เหมือนบุปผาแรกแย้มแง้มกลีบใบ
พอวันวัยล่วงเลยคนเฉยชา

แต่มาลีดอกนี้หน้าฉงน
เอาไฟลนกลิ่นโชยหวนชวนเสน่หา
แม้ชอกช้ำดอกดวงร่วงโรยรา
กระดังงาน่าเชยชิดคิดภิรมย์

อย่าทิ้งไปเสียเลยเอ๋ยชีวิต
อย่ายึดติดความหลังเก่าเฝ้าขื่นขม
แม้เป็นดอกกระดังงาอย่าตรอมตรม
ความระทมทิ้งไว้กับสายธาร

http://www.thaipoem.com/web/poemdata/poemdata_74849.php				
21 เมษายน 2548 21:03 น.

ทะเลใจ

เรไร


บนเส้นทางปลายฝันวันขมขื่น
ลำพังยืนอาลัยใจห่วงหา
ระรอกริ้วคลื่นซัดหาดทรายมา
ดังมนต์ตราย้อนไปในวันวาน

ราตรีที่เธอนั้นอยู่เคียงข้าง
ดาวกระจ่างเต็มฟ้าพาชื่นหวาน
กำเนิดรักสองเราเคล้าตำนาน
คนเคยผ่านคงซึ้งเข้าถึงใจ

คลื่นทะเลคราวนี้ที่ลึกลับ
มันราวกับอำพรางบางอย่างไว้
คลื่นกับฉันเฉกเช่นร่วมเป็นไป
ค้นหัวใจแทบตายคล้ายไม่เจอ

ชีวิตผ่านคืนวันอันเปลี่ยวเหงา
ตัวเป็นเราใจนั้นมันพลั้งเผลอ
ยิ่งตามหาเท่าใดใจละเมอ
ยังคงเก้อเคว้งคว้างเหมือนอย่างเคย

@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

        เหมือนชีวิตดิ้นรน... ค้นหาแต่จุดหมาย
        ใจในร่างกายกลับไม่เจอ
        ทุกข์ที่ถมซ้ำ เพราะใจนำพร่ำเพ้อ
        หาหัวใจให้เจอก็เป็นสุข

@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@


         ผมเป็นคนชอบเดินทาง .... ในเป้ใบเก่าๆ ของผม
มีสมุดบันทึกเล่มเล็กๆ เล่มนึง เอาไว้เขียนในบางสิ่งบางอย่างที่ได้เห็น 
เขียนอารมณ์ ความรู้สึก ณ ช่วงเวลานั้น
 ผมรีบที่จดมันไว้  กลัวว่าจะลืม
      ครั้งหนึ่งแรมรอนเร่ร่อนลัดเลาะไปกับมิตรสหาย (หรือคนแปลกหน้า) หลายคน
ที่เกาะเล็กๆ  ของอ่าวไทยทางด้าน จังหวัดระยอง รู้แต่ชาวบ้านแถบนั้นเรียกว่า เกาะนางยักษ์
     ไปกางเต้นท์ นอนกลางดินกินกลางทราย พักกาย พักใจที่รุมร้อน 
ในบรรยากาศที่เงียบสงบ ฟังเสียงคลื่น เสียงหวีดหวิวของลมทะเล
ผมกำลังจะหยิบสมุดเล่มเล็กของผมมาเขียนภาพที่เห็นตรงหน้า
แต่แล้วผมก็ผมลายมือหนึ่งซึ่งไม่คุ้นเคย ตัวหนังสือตัวเล็กๆ 
ไม่รู้ว่าใคร ผมไม่ได้หวงนะ แค่สงสัย เท่านั้นเอง
       สมุดโน๊ตของผม ผมพกติดตัวเสมอ คนที่ฝากอักษรไว้ คงเข้ามาอ่าน
ความรู้สึกบางอย่างของผมและใครคนนั้นคงเข้ามาเขียนต่อความให้ .. แต่ไม่จบ
ผมค่อย ๆ อ่าน และจับความรู้สึกของใครคนนั้นมาเติมต่อจนจบ...
        ใครจะเชื่อ ว่าคนสองคนอาจจะมีความรู้สึกเดียวกัน เมื่อได้เห็นตัวอักษรเพียงไม่กี่ตัว
ที่คนหนึ่งเขียนมันเอาไว้...แต่สามารถจบได้ในความรู้สึกเดียวกัน

 ขอบคุณ .. 				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟเรไร
Lovings  เรไร เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟเรไร
Lovings  เรไร เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟเรไร
Lovings  เรไร เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงเรไร