30 พฤษภาคม 2548 18:22 น.
เรไร
ในวันหนึ่งเดินผ่านร้านขายของ
ชำเลืองมองตามตู้ดูสินค้า
มีให้เลือกมากมายหลายราคา
อยากซื้อหาเอาไว้ใช้สักอย่าง
ทั้งข้าวของเครื่องใช้ยังไม่ครบ
กลัวติดลบรายจ่ายมาเป็นหาง
ค่อยเลือกดูราคาเยาว์เบาสตางค์
ที่ชั้นวางเอ๊ะนั่นฉันต้องการ
เห็นกระจกมีกรอบครอบเรียบร้อย
เอาไว้คอยส่องดูอยู่ที่บ้าน
ก็คงดีเลือกไปไว้สักบาน
เผื่อเดินผ่านเห็นเงาของเราเอง
อาจมองเห็นตัวตนที่แท้จริง
ว่าใช่สิ่งที่จิตคิดข่มเหง
ทั้งรูปกายหมายว่าเป็นนักเลง
ไว้คอยเพ่งพินิจพิจารณา
หรือว่าเราโหดเหี้ยมอำมหิต
ความพลั้งผิดหัวใจริษยา
ดีไม่น้อยจิตรับรู้ดูด้วยตา
เป็นเทวาหรือยักษ์รู้สักที
งั้นต้องหาผ้าเช็ดเอาไว้ด้วย
คงพอช่วยเช็ดเงาที่บิดบี้
คงไม่แพงเกินกว่าเงินที่มี
อย่ารอรีซื้อไว้ส่องไว้มองเงา
เจ้ากระจกวิเศษบอกข้าเถิด
ภาพบังเกิดน่าหดหู่ดูเหี่ยวเฉา
น่ารังเกียจนี่หรือคือตัวเรา
แล้วใครเขาจะเห็นเป็นเช่นไร ???
30 พฤษภาคม 2548 15:21 น.
เรไร
สถานีตำรวจดอนเมือง
ผมมีเรื่องร้อนรนทนไม่ไหว
มิรู้จะหันหน้าปรึกษาใคร
กังวลใจเศร้าสลดระทดระทวย
ผมต้องทนอับอายและขายหน้า
หวังพึ่งพาตำรวจให้หมวดช่วย
ตอนนี้ยังสับสนปนงงงวย
ถูกคนสวยบุกปล้ำทำลวนลาม
จะขอเล่าเนื้อความตามลำดับ
เมื่อคืนหลับเคลิ้มฝันอันวาบหวาม
ยินเสียงเรียกเป็นอะไรใครมาตาม
จึงร้องถามไปว่ามาหาใคร
เธอบอกมาให้เปิดประตูก่อน
ด้วยขัดกลอนลงดานลั่นเอาไว้
คนรู้จักมิคิดเฉลียวใจ
มือรีบไขปลดสลักผลักประตู
ทันใดนั้นเธอหยิบปืนยื่นมาจี้
อย่าทำทีมีฤทธิ์คิดต่อสู้
คงตายแน่คราวนี้ละสิตู
ไม่ทันดูต้องกลุ้มเพราะซุ่มเสียง
ผมลนลานหวาดผวาน่าวิตก
เธอผลักอกขัดขาอย่ามาเถียง
หัวคมำทรุดกายที่ปลายเตียง
เหมือนถูกเหวี่ยงผ้าหลุดลุ่ยกระจุยกระจาย
เธอเอาปืนจ่อจดกดหน้าผาก
แล้วจูบปากปลุกปล้ำช้ำเสียหาย
จนตัวผมกระปลกกระเปลี้ยเพลียทั้งกาย
เสียเชิงชายหดหู่อดสูจริง
ก่อนเธอไปยังว่าอย่าคิดมาก
จูบก่อนจากร้ายแท้แม่ผู้หญิง
ให้โหยหาคร่ำครวญหวนแอบอิง
แล้วยังทิ้งท้ายว่าจะกลับมา
ผู้หมวดฟังน่าทึ่งจึงร้องถาม
จะแจ้งความเป็นคดีกี่ข้อหา
เรื่องอย่างนี้ถ้าเอาความตามอาญา
จงบอกมาหากแค้นเคืองเอาเรื่องราว
อย่าเลยครับที่มาในวันนี้
ไม่อยากมีเรื่องใดให้เป็นข่าว
แค่มาเล่าสู่กันฟังเป็นครั้งคราว
มิขอกล่าวหาใครให้เป็นความ....... แค่มาเล่าสู่กันฟังงงงง
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
เอ่อ...ใครรู้จักเธอคนนั้นบอกทีนะว่ากุญแจอยู่ใต้พรม แล้วปืนน่ะ
ไม่ต้องเอามา เครื่องดื่มชูกำลังสักขวดก็พอ 5555
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
27 พฤษภาคม 2548 14:22 น.
เรไร
ท่ามกลางราตรี
พวกพ้องน้องพี่ ดนตรีขับขาน
รินร่ำเมรัย หัวใจเบิกบาน
สนุกสนาน สำราญหัวใจ
ยังมีชายหนุ่ม
กินเหล้าแก้กลุ้ม สาวรุมสงสัย
ที่เหน็บข้างหู มิรู้อะไร
ยิ้มแย้มแจ่มใส ได้ทุกโมงยาม
สาวน้อยนางหนึ่ง
รีบห้อตะบึง แล้วจึงไต่ถาม
พี่เมาก็ว่า น้องวาคนงาม
เป็นเอ็มพีสาม อัดมาให้ฟัง
สาวน้อยลิงโลด
นี่มันของโปรด กระโดดลงนั่ง
ข้างข้างพี่ภู ชงเหล้าตาตั้ง
รินเมรัยหวัง มอมเหล้านายเมา
จนล่วงเวลา
ตีสองกว่ากว่า ดูท่าวงเหล้า
ยังคงครึกครื้น ค่อนคืนแล้วเรา
เมรัยรินเข้า ไม่เมาสักที
ยิ่งดึกสงัด
พระพายโบยพัด ยุงกัดไม่มี
หาเรื่องเล่าสู่ ฟังดูให้ดี
เป็นเรื่องภูตผี เคยยินก่อนนอน
ทั้งผีเฝ้าหอ
อยู่ในมอขอ* ยังรอหลอกหลอน
ห้องที่สิบสาม ครั่นคร้ามคนจร
ใครเข้าพักผ่อน โดนหลอนทุกราย
ขอโทษ(ครับ)ผมเมา
ยังชนแแก้วเหล้า ดื่มเข้ามิวาย
น้องวาอยากหลับ กระสับกระส่าย
จิตใจมั่นหมาย อ้อนวอนนายเมา
ประจบประแจง
บ้างครั้งยังแกล้ง ตะแคงขวดเหล้า
หัวเราะคิ๊กคิ๊ก หนึ่งกิ๊กจะเอา
เผื่อไว้แก้เหงา นายเมาให้มา
คงนึกรำคาญ
เลยรัตติกาล ดึกผ่านแล้วหนา
มาจ้องเซ้าซี้ ขี้เหล้าเมายา
จึงเรียกน้องวา ผีหนึ่งกิ๊กกัน
ขนาดของความ
จุเอ็มพีสาม ยังตามใฝ่ฝัน
ถนนสายเก่า รองเท่าคู่นั้น
เพื่อนรุมล้อกัน ฮาลั่นทั้งคืน
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
เรื่องนี้มีที่มา...
คืนที่สองที่สวนวังแก้ว นายเมาที่เพื่อนๆเรียกกัน
(คือขอโทษครับผมเมา)เอาเมมโมรี่ที่ฟังเอ็มพีสามได้มาด้วย
หวังจะมาเก็บรูปเพื่อนๆที่ถ่ายกันไว้ด้วยกล้องดิจิตอล
ความจุ 1 giggabyte
คุณถนนสายเก่ารองเท้าคู่เดิม (น้องวา)ไปขอลองฟังเสียง
เกิดติดอกติดใจ คงแกล้งล้อขอนายเมาตั้งแต่ช่วงกลางวัน
จนถึงกลางคืน รินเหล้าเอาใจ นายเมาที่นั่งร่วมวง
อยู่กับคุณภูตะวัน (ส่วนผมนี่สลบไปตั้งแต่หัวค่ำแล้ว)
ตื่นมาเห็นยังนั่งคุยกันอยู่เลยมานั่งเป็นเพื่อน
(เป็นเพื่อนจริงผมดื่มไม่เก่ง ) ผมฟังนายเมาเล่าให้ฟัง
บอกว่าถูกผีตามหลอกตั้งแต่ตะวันยังไม่ตกดิน
ผมก็งง ว่าผีอะไรตามหลอกกลางวันเสกๆ นายเมาบอกว่า
นั่นไงนอนยิ้ม นอนหัวเราะอยู่นั่น ผมหันไปเจอ
ถนนสายเก่ารองเท้าคู่เดิม (วา)
นอนขำอยู่ เลยเรียกว่าอ๋อ ผีหนึ่งกิ๊กนะหรือ มัวแต่นั่งหัวเราะ
นั่งอำกันอยู่ทั้งคืนจนแสงเงินจับขอบฟ้านั่นแหละ วงแตก
พวกผีทั้งหลายสู้แสงไม่ได้สักคน 555555
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
24 พฤษภาคม 2548 09:38 น.
เรไร
บางครั้งเราอยากรู้จักใครสักคน
ต้องดั้นด้นไปไกลหลายหมื่นลี้
ใช้เวลาผูกสัมพันธ์นานนับปี
กว่าจะมีเพื่อนรู้ใจได้สักคน
ต้องค่อยเพียรเรียนรู้ดูนิสัย
บ้างเข้าใจถูกผิดบ้างยังสับสน
มองกันไปมองกันมาน่ากังวล
เล่ห์ฉ้อฉลมีไหมหรือไม่เลย
แต่บางคนเสี้ยวนาทีที่รู้จัก
ทักทายกันบางคำคำเอื้อนเอ่ย
คล้ายดังเป็นเพื่อนเก่าเราคุ้นเคย
ใจจริงเผยออกไปไม่ปิดบัง
เสี้ยวเดียวกันคนที่เราคิดว่าเพื่อน
กับดูเหมือนคนสนิทกับผิดพลั้ง
ดูหน้าไหว้นักหนาน่าชิงชัง
พอลับหลังกลิ้งกลอกเหมือนหลอกลวง
พริบตาเดียวสิ่งต่างก็พลันเกิด
ทั้งดีเลิศหดหู่อยู่ในห้วง
ก็รู้เห็นหัวใจใครหลายดวง
เห็นเปลือกกลวงน่าอดสูรู้แก่ใจ
สิ่งที่เคยคิดกันนั้นว่าถูก
สิ่งที่ผูกเรื่องพาน่าสงสัย
จิตรับรู้ว่ามันเป็นอย่างไร
ก็เกิดได้ดีชั่ว...ชั่วพริบตา
...แค่เรากระพริบตาเท่านั้น ..มิตรภาพใหม่ๆก็บังเกิด
...และชั่วพริบตาเดียวกันนั้นเอง
...บางสิ่งบางอย่างที่เราคิดว่าดี กลับกลาย...เป็นตรงข้าม
18 พฤษภาคม 2548 23:18 น.
เรไร
หลั่งมาเถิดนะเจ้า น้ำตา แม่เอย
จงร่วงรินไหลมา สู่พื้น
ออกไปจากอุรา ให้หมด
รันทดโศกสะอื้น หมดสิ้นกันที
เพียงหยัดยืนยกเท้า ก้าวเดิน
ขออย่าคิดหมางเมิน อย่างนั้น
ทุกข์ใดมิใหญ่เกิน เราหยั่ง
อุปสรรคขวางกั้น ฝ่าได้ด้วยใจ
สร้างทหัยแกร่งกล้า อย่ายอม
ความทุกข์ถมตรมตรอม เก็บไว้
ความสุขส่งกลิ่นหอม รออยู่
เพียงแค่รอเราให้ ไขว่คว้ามาชม
ดูสินั่นนกน้อย ทำรัง
ค่อยเก็บก่อต่อหวัง ไม่ท้อ
ทีละเล็กละน้อยยัง อุตส่าห์
เก็บสะสมไม่ง้อ หมั่นสร้างทางฝัน
มิหวั่นเกรงหากต้อง ค้นหา
กำหนดโชคชะตา ขีดไว้
หนทางสุขหรรษา คงพบ
เดินสู่จุดหมายให้ เที่ยงแท้สุขใจ