15 มิถุนายน 2548 20:07 น.
เรไร
เมื่อครั้งฉันยังเยาว์ดูเขลาโง่
มองเพื่อนโอ่ของเล่นเป็นของใหม่
เฝ้ารบเร้าแม่พ่อขอเรื่อยไป
ก็อยากได้อย่างเพื่อนเอาเหมือนมัน
แม่บอกให้เก็บเงินค่าขนม
ค่อยสะสมตั้งใจเอาไว้มั่น
อดของหวานข้าวปลาสารพัน
อยู่หลายวันจึงได้ไปซื้อมา
คือรางวัลยิ่งใหญ่มื่อได้เห็น
เป็นของเล่นที่ใจปรารถนา
อาจจะดูเล็กน้อยด้อยราคา
มากคุณค่ายามนั้นที่ฉันมี
เล่นไปนานหลายวันมันชำรุด
เดี๋ยวล้อหลุดเมื่อเข็นกระเด็นหนี
คอยซ่อมแซมให้คืนกลับสภาพดี
กลัวของที่แสนถวิลจะภินทร์พัง
เพื่อนคนเก่าว่าหวงแหนของแสนรัก
แต่ทำหักเสียหายก็หลายครั้ง
มันว่ารักของเล่นเป็นจริงเป็นจัง
เห็นมันตั้งทิ้งไว้ไม่เคยซ่อม
นี่มันรักของมันยังไงหว่า
ไม่รักษาแลดูทนุถนอม
แม้หางตามองไปยังไม่ยอม
คงมิพร้อมดูแลแม้หัวใจ
ผ่านเวลาวัยเยาว์ที่เขลาโง่
ฉันเติบโตเข้าสู่วัยผู้ใหญ่
มีความรักอิ่มเอมเต็มฤทัย
มิยอมให้ภัยพาลมาผลาญมัน
นึกถึงเพื่อนร่วมวัยในวันเก่า
จะเงียบเหงามีทุกข์หรือสุขสันต์
จักถนอมความรักปักชีวัน
ได้ไหมนั่นหรือเหมือนก่อนตอนวัยเยาว์
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
ผมเห็นเด็กผู้หญิงคนนึง เธอมีตุ๊กตาตัวน้อย
เคยแกล้งขอยืมเธอ เธอบอกว่าไม่ให้ยืม
มันเป็นของรัก เป็นสิ่งที่เธอรัก
แต่เมื่อใดที่เธอไม่พอใจ หรือโกรธ
หลายต่อหลายครั้ง เห็นเธอ เอาตุ๊กตาตัวนั้น
ฟาดนั่นฟาดนี่ จนแขน ขาขาด เสื้อผ้าเลอะเทอะ
แต่เธอก็ยังคงอุ้มมันไปไหนมาไหนด้วยเสมอ
ผมอดสงสัยไม่ได้ แปลกใจในสิ่งที่เธอทำ
กับสิ่งที่เธอบอกว่ารักอย่างนั้นหรือ
.เอ!!...หรือผมคิดมากเกินไปในในสิ่งที่ได้เห็น ที่ได้ยิน
มากกว่าเชื่อในประสาทสัมผัสรับรู้ในตัวเอง
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
15 มิถุนายน 2548 13:04 น.
เรไร
มองเห็นซากชีวินที่สิ้นสุข
ดังอมทุกข์วิปโยกดูโศกศัลย์
หมดราศีราคีจับทับชีวัน
ความจาบัลย์ถมให้ใจระกำ
ถูกประณามหยามเหยียดให้เคียดแค้น
คงฝังแน่นเหมือนรอยมีดมากรีดซ้ำ
ตรงแผลเก่าเตือนติดตามความทรงจำ
มาเหยียบย่ำซ้ำเติมเกินจะทน
แค่กากเดนเศษซากกากชีวิต
มาย้ำจิตกันไยให้หมองหม่น
ที่แล้วมายังย่ำยีนี่หรือคน
หรือได้พ่นโพทนาด่าว่าใคร
ความผิดพลาดนิยามความพ่ายแพ้
ในดวงแดติดตราบาปถึงชาติไหน
มาตอกย้ำทิ่มแทงแยงแผลใจ
หรือจะให้มรณาชีวาวาย
มิได้มาวิงวอนใครให้สงสาร
ถึงลมปราณสิ้นไร้อย่าได้หมาย
ว่าเศษเดนเสิ้ยวในหทัยกาย
จะสลายล่วงลับกับคำคน
ถึงเป็นเพียงซากช้ำที่ซ้ำซาก
เห็นแค่กากช่างปะไรอย่าไปสน
ค่าความดีที่สถิตย์ติดตัวตน
พาข้ามพ้นเสพย์สุขสิ้นทุกข์ใจ
9 มิถุนายน 2548 16:10 น.
เรไร
ในยามรักน้ำตาลยังเรียกพี่
น้ำผึ้งมีรสหวานสักปานไหน
ยังแพ้พ่ายความตราตรึงที่ซึ้งใน
มองอะไรก็แพรวพราววาวชมพู
จะเดินไปที่ใดมิเคยห่าง
หมาข้างทางเห่าหอนให้หนวกหู
เอาหินเขวี้ยงเหวี่ยงไม้ไล่ลงคู
น่าอดสูเห่าขวัญใจได้ไงกัน
ล่วงเลยวันวิวาห์มาห้าปี
โถคนดีเปลี่ยนไปให้อวบอั๋น
ช่างอุดมสมบรูณ์พูนไขมัน
กว่าสามชั้นหลายลอนแสนอ่อนใจ
หวนระลึกเหมือนฝันในวันเก่า
ที่สองเรากุมมือมั่นมิหวั่นไหว
บนถนนทอดยาวเราก้าวไป
จิตสงสัยอยากย้อนผ่านกาลเวลา
ณ เส้นทางสายเก่าที่เราเดิน
ก็เผชิญเสียงเห่าของเจ้าหมา
หันกลับไปตะคอกใส่ภริยา
เดินเซ่อซ่าให้หมาเห่าเศร้าจริง
แนะแม่คุณ..!! เร่งฝีเท้าก้าวให้ถี่
ช้าอย่างนี้รออะไรไอ้น้องหญิง
ก่อนแคล่วคล่องว่องไวคล้ายดั่งลิง
เดี๋ยวพ่อทิ้งปล่อยหมากัดฟัดให้ตาย
@@@@@@@@@@@@@@@@@@
...เรื่องเฮฮาในวงเหล้า...เล่ากันขำขำ ..
แรกรักกันหมาเห่าแฟนไล่เตะหมา
พอเลื่อนฐานะเป็นภรรยา
หมาเห่า หันไป เอ๊!! เดินยังไงให้หมาเห่า
เดี๋ยวป๊ะ...เหนี่ยว
@@@@@@@@@@@@@@@@@@
9 มิถุนายน 2548 10:27 น.
เรไร
บนเส้นทางชีวิตที่ย่างก้าว
ช่างทอดยาวคงมากด้วยขวากหนาม
ทั้งทุกข์ทนหม่นเศร้าเฝ้าติดตาม
พยายามฝ่าไปด้วยใจตน
บางครั้งเดินเซ่อซ่าสะดุดล้ม
ร้าวระบมเจ็บกายตั้งหลายหน
ร้องโอดโอยโทษชะตาฟ้าเบื้องบน
น้ำตาล้นระรินรอบขอบดวงตา
ธารน้ำตาตกในไห้สะอื้น
เอากลับคืนหัทยาอนาถา
ค่อยหยัดกายลุกยืนฟื้นชีวา
ทางข้างหน้าอุปสรรคยังมากมาย
หนทางเดินข้างหน้าดูคดเคี้ยว
ต้องเลาะเลี้ยวอ้อมไปมากจากจุดหมาย
ทั้งทางแยกครุ่นคิดจิตวุ่นวาย
ขวาหรือซ้าย ฤ ตรงไปทางไหนดี
มองป้ายเขียนบอกไว้ไปทางขวา
ต้องผ่านป่ากั้นกลางขวางวิถี
เสี่ยงเสือสิงห์สัตว์ร้ายหมายชีวี
ทั้งภูตผีเทพาอารักษ์ไพร
หากจะเลี่ยงเบี่งเบนเป็นทางซ้าย
ต้องย่ำกรายผ่านฟุ้งเฟื่องกลางเมืองใหญ่
อันรุ่งเรืองแสงสีศิวิไลซ์
คนอาศัยดาษดื่นเป็นหมื่นพัน
คงต้องเดินทางตรงคงดีกว่า
จะเข้าป่าพงไพรก็ไหวหวั่น
จะเข้าเมืองคนต่างจิตคิดต่างกัน
กลัวไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมต้องเจียมตน
ต้องคงมั่นสรรสร้างทางชีวิต
เราลิขิตอย่างจรจัดแม้สับสน
รู้จุดหมายที่ไปไม่กังวล
ต้องยอมทนถึงสุดเหงาเราเลือกเอง
7 มิถุนายน 2548 23:52 น.
เรไร
๏ เดียวดายใต้ฟ้ากว้าง...........นภาภางค์กระจ่างใส
สัญจรร่อนเร่ไป....................จะง้อใครไฉนกัน
๏ หนทางนั้นเงียบเหงา.........ฦ โศกเศร้ามิสุขสันต์
เพียงอีกไม่นานวัน.................ก็ชินชาอุราเอง
๏ มัวแต่คอยหวั่นไหว...........จะมีใคร ฤ ข่มเหง
ชีวิตนั้นเหมือนบทเพลง........สิบรรเลงก็ตามใจ
๏ แต่งเป็นเพลงที่ชอบ..........ประโลมปลอบระทมให้
อ้างว้างจางหายไป...............ระรื่นใส่สราญรมย์
๏ น้ำตาเคยไหลอาบ.............ผิว์เช็ดคราบละขื่นขม
ตามหาสิ่งชื่นชม..................ณ วันหนึ่งสิพบพาน๚ะ๛
สาลินีฉันท์ ๑๑
ครุครุครุ ครุครุ1 ลหุครุครุ1 ลหุครุครุ2
ครุครุครุ ครุครุ2 ลหุครุครุ ลหุครุครุ3
......................... .............................3