24 กันยายน 2548 21:38 น.
เรไร
บุญนำกรรมแต่งให้......................พบพาน
ดั่งสวรรค์ประทาน.........................ลิขิตฟ้า
รอจนล่วงเลยมานาน.....................ยิ่งนัก
น้องพี่ผู้ไขว่คว้า.............................เพื่อได้เจอกัน
มีงานเลี้ยงนั้นย่อม.........................เลิกลา
คำมั่นคำสัญญา.............................ฝากไว้
ถึงแตกต่างวงศา...........................คณาญาติ
เหมือนหนึ่งพระพรหมให้................พบแล้วพลัดพราก
ดาวอังคารผู้พี่..............................สาวดำ รำพัน
ขอแต่เอื้อนเอ่ยคำ........................รักน้อง
คงสิ้นกุศลนำ...............................กรรมกำหนด
เพื่อนเรียกขานแซ่ซร้อง...............คู่แท้แฝดนรก
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
ลองนึกหน้าดูน่ะครับถ้าฝ่ายหญิงโกนหัว
แล้วฝ่ายชายใส่วิก หน้าเหมือนกันเปี๊ยบ
เห็นหน้าตาคล้ายๆกัน เลยจับมาถ่ายรูปคู่กัน
เอาน่าอย่าคิดมาก 55555
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
23 กันยายน 2548 01:38 น.
เรไร
วันที่แสนสบาย..............ทุกข์มลายหายเหน็ดเหนื่อย
สายลมโชยพัดเฉี่อย........ธาราเอื่อยระเรื่อยริน
มองผักตบชวา................ลอยน้ำมามิจบสิ้น
ตามแต่กระแสสินธุ์.........ตามวารินจะพาไป
ฉันคุยกับคงคา...............ถิ่นมัจฉาอยู่อาศัย
มีมากมายเท่าใด.............จึงถามไถ่ความเป็นมา
หวังไว้ได้พบพาน.........สายลำธารที่ไขว่หา
พรานเบ็ดดั้นด้นมา.......ปรารถนามาพักกาย
มาขอความปราณี..........ปูปลามีอย่าหนีหาย
ใช่ล่าจนวอดวาย............หรือทำลายให้สูญพันธุ์
นั่งรอความเมตตา..........แม่คงคาปราณีฉัน
ได้มาคือรางวัล...............เลี้ยงชีวันต่อชีวี
เพียงแค่มาอยู่ใกล้...........แช่เท้าในสายน้ำนี้
แรงใจที่ถอยหนี..............กลับพลิกฟื้นคืนกำลัง
แม่น้ำเจ้าพระยา..............คือธาราเปี่ยมความหวัง
ชะใจที่ผุพัง.....................ชำระล้างจนจางใจ
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
วันว่างๆวันหนึ่ง ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา
อ๊อดอยู่บ้านหรือเปล่าว่ะ
เอออยู่ เพื่อนผมตอบมาอย่างนั้น
เดี๋ยวข้าไปช้อนกุ้งก่อนจะไปตกปลาบ้านเอ็ง น้ำขึ้นกี่โมง
ไม่รู้ว่าขึ้นตอนไหนว่ะ รู้แต่ว่าพอมืดมันก็ท่วมใต้ถุนบ้านแล้ว
เออ งั้นอีกชั่วโมงเจอกัน..ว่าแล้วก็แบกสวิงวิ่งลงบ่อ
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
22 กันยายน 2548 09:13 น.
เรไร
เพื่อนเอ๋ย....
เจ้ามองเห็นความจริงสิ่งใดบ้าง
ที่กั้นกลางความจริงกับสิ่งฝัน
เห็นหรือไม่ความแตกต่างระหว่างกัน
คอยผ่านผันหมุนเวียนเปลี่ยนเข้ามา
เจ้ามองลึกถึงใจใครหรือเปล่า
เห็นความเหงาเศร้าสร้อยละห้อยหา
เห็นรอยร้าวเป็นรอยทางกลางอุรา
เห็นน้ำตาของใครหรือไม่มี
เจ้าเห็นไหมหน้าเอิบอิ่มที่ยิ้มแย้ม
คอยแต่งแต้มใบหน้าเสริมราศี
ไร้ความทุกข์ระทมถมทวี
แล้วสิ่งที่เห็นนั้นฤามั่นใจ
รับรู้ไหมสายลมที่โอนอ่อน
บางครั้งร้อนบ้างเย็นเป็นไฉน
บางครั้งฝนบางครั้งหนาวร้าวทรวงใน
เจ้าสงสัยเคยนึกหรือตรึกตรอง
มีคำถามมากมายในโลกนี้
มันอยู่ที่จิตชอบตอบสนอง
อยู่ที่ตัวหรือใจเฝ้าใฝ่ปอง
อยู่ที่มองด้านไหนตามใจตัว
อยู่ที่ความนึกคิดจิตสำนึก
ความรู้สึกว่ามีดีหรือชั่ว
ใช่หรือไม่ไตร่ตรองอย่าหมองมัว
อย่าหวาดกลัวตั้งจิตคิดให้เป็น
17 กันยายน 2548 22:22 น.
เรไร
หารสใดเลิศล้ำ...............หาไหน
เท่ากับรสเมรัย...............ลึกล้ำ
สีขาวขุ่นหรือใส...............แรงฤทธิ์
ชมชอบต้องดื่มซ้ำ...........เพื่อให้คลายเหงา
ยามกระดกดื่มเหล้า...........ทุกวัน
มะม่วงมะยมมะดัน.............กับแกล้ม
จิ้มเกลือหน่อยแก้เข็ดฟัน....ดีกว่า
หากมิมีของแอ้ม..................แสบไส้แสบคอ
มวนตองพอสูบได้...............แทนยา นาเพื่อน
หากว่ามีกัญชา...................สักบ้อง
เลิศล้ำรสสังขยา..................เมาแอ่น
ลืมหมดเพื่อนพี่น้อง............กระทั่งแม้ความฝัน
อยากเมามันอย่างนี้.............ทั้งปี
ลืมสิ่งร้ายหรือดี....................หมดสิ้น
เหลือไว้เท่าที่มี....................คือขวด
ดวดดื่มอร่อยลิ้น...................แค่นั้นก็พอ
14 กันยายน 2548 18:52 น.
เรไร
ความร้อนรุมสุมทรวงช่วงเมษา
รอเวลาล่วงกาลผ่านคิมหันต์
ก็ย่างเข้าพฤษภามาหลายวัน
มิถุนาพาฝันวสันต์เยือน
เมฆพยับเกาะกุมเป็นกลุ่มก้อน
ความรุ่มร้อนค่อยคลายมลายเหมือน
เพลงพระพายพลิ้วสะบัดพัดมาเตือน
ฟ้าสะเทือนส่งสำเนียงเสียงคำราม
ดังกึกก้องพสุธาฟ้าพิโรธ
คล้ายกริ้วโกรธใครมาน่าเกรงขาม
จากที่เคยแลเห็นเป็นสีคราม
น่าครั่นคร้ามมืดครึ้มทะมึนดำ
เมื่อวสันต์พร่างพรูสู่พฤกษา
พงพนาทั่วแคว้นแสนชุ่มฉ่ำ
ฤดูกาลหว่านกล้านาที่ดำ
เมื่อมีน้ำเจิ่งนองทั่วท้องนา
ฉันนั่งเหม่อเผลอมองช่องหน้าต่าง
คิดถึงนางน้องนวลครวญเพ้อหา
เห็นสายฝนพร่างพราวราวน้ำตา
หยาดจากฟ้าร่วงหล่นบนผืนดิน
ครั้งวสันต์พร่างพราวในคราวก่อน
ลองนึกย้อนภาพความหลังยังถวิล
อยู่ตรงนี้มองฝนฟ้าธาราริน
ยังหอมกลิ่นกายเจ้าเร่าร้อนใจ
ละอองฝนฉ่ำเย็นกระเซ็นซ่าน
สั่นสะท้านคลอเคล้าเจ้าหวั่นไหว
ต่างเปียกปอนแต่เมื่อพิงอิงอุ่นไอ
เหมือนมีไฟร้อนรุมสุมอุรา
เฝ้าเล้าโลมลูบไล้ตามไรผม
อยากเชยชมพุ่มพวงดวงยี่หวา
ในอ้อมแขนคลอเคล้าเจ้าขวัญตา
ปรารถนาพิสวาทมิคลาดคลาย
เชยพักตร์นางประคองแก้มแต้มจุมพิต
แนบสนิทโฉมพธูมิรู้หน่าย
เนื้อแนบเนื้อหอมละมุนอุ่นใจกาย
หลอมละลายรื่นภิรมย์สมฤดี
ดั่งพายุปรารถนาเริ่มพาพัด
โถมเข้าซัดสาดใส่ในวิถี
อัศจรรย์โปรยปรายสายวารี
บ้างเร็วรี่บ้างฉะเฉื่อยระเรื่อยริน
บางครั้งเอื่อยดุจว่าจะซาแล้ว
ดูผะแผ่วพระพายคล้ายจะสิ้น
เรี่ยวแรงล้าร่วงหล่นบนผืนดิน
ระรวยรินปริ่มว่าจะขาดรอน
แล้วก็พลันกระหน่ำซ้ำสาดซัด
กรรโชกพัดถั่งโถมจนโอนอ่อน
ทั่วพฤกษาคงมั่นยังสั่นคลอน
รากจักถอนถึงโคนเกือบโค่นลง
เมื่อพิรุณรินรดหยดสุดท้าย
ทั้งใจกายภิรมย์สมประสงค์
นภาภางค์สว่างแล้วมิแคล้วคง
ลืมไม่ลงวสันต์สวาทมิคลาดคลาย
ยามฝนมาคราใดใจคิดถึง
เพ้อรำพึงอนงค์นางมาห่างหาย
คงลืมสิ้นความฝันพลันกลับกลาย
ไปกับสายพิรุณลับไม่กลับมา