5 มกราคม 2549 02:39 น.
เรไร
ฉันแค่ขออยู่เพียงชั่วคราว
ปวดร้าวภายหน้าจะไม่หวั่น
ขอเพียงยืนอยู่เป็นคู่กัน
ขอฉันคอยรับซับน้ำตา
แค่เพียงเป็นไฟให้ไออุ่น
หากคุณหนาวเหน็บเจ็บนักหนา
เป็นธารน้ำเย็นชื่นอุรา
ยามล้าเหนื่อยอ่อนช่วยผ่อนคลาย
ฉันขอเพียงฝันในวันนี้
แม้ฤดีจะแตกแหลกสลาย
ถึงวันพรุ่งนี้จะกลับกลาย
สูญหายลาลับกับสายลม
ขอเป็นเพียงแค่ตัวคั่นกลาง
ระหว่างความฝันอันสุขสม
ระหว่างรอเขากลับมาชม
ขื่นขมตรมตรอมฉันยอมทน
อาจดูบ้าบอที่ขออยู่
อดสูเศร้าใจก็ไม่สน
พรุ่งนี้แม้ว่าจะมืดมน
ไปพ้นทันทีที่เขามา
หรือว่าต้องรอถึงเมื่อใด
หวั่นไหวหวังเก้อละเมอหา
ให้รักร้าวรานผ่านเวลา
กว่าวันสุดท้ายของหายใจ
4 มกราคม 2549 01:27 น.
เรไร
เรื่องของใจมีมากยากจะเอ่ย
เพียงเฉลยบางส่วนชวนให้คิด
อาจพลั้งพลาดเผลอไผลใช่ถูกผิด
แล้วแต่จิตไตร่ตรองลองนึกดู
อาการแรกเริ่มจากความอยากได้
มิมีใครตอบสนองต้องอดสู
ความน้อยใจก่อร่างแล้วพร่างพรู
จึงหดหู่เมื่อไร้ใครเหลียวแล
ความเจ็บใจเกิดจากจิตถูกพิษร้าย
มากล้ำกรายซ้ำเติมเพิ่มรอยแผล
เพราะหางยกกระดกไว้ไม่ผันแปร
หนทางแก้ใจเจ็บเก็บอัตตา
ละอายใจคือสิ่งดีที่สถิต
รู้ถูกผิดชั่วดีนี่แหละหนา
เพราะดวงจิตยึดไว้ในศรัทธา
สิ่งต่ำช้าเลวทรามมิกล้ำกราย
เป็นอาการวูบไปบอกไม่ถูก
เพราะไปผูกยึดติดคิดมั่นหมาย
พอโดนตัดสัมพันธ์นั้นปางตาย
แก้ไขง่ายเพียงตัดสลัดปม
อีกอาการใจหายใครก็รู้
ต้องหดหู่เศร้าหมองน้ำนองหน้า
หายใจเข้าไว้เถิดเกิดปัญญา
หมดปัญหาใจหายคลายกังวน
คืออาการแปลกจิตพิศวง
เพียงคิดปลงจงทำยามสับสน
ทำบ่อยบ่อยทำไว้ทำใจตน
คงหลุดพ้นความทุกข์ได้สุขใจ
เรื่องของใจมากหากจะถาม
หลากนิยามเหลือล้นค้นมิไหว
มันก็มีสุขทุกข์คลุกเคล้าไป
เอาอะไรมากำหนดเป็นกฎเกณฑ์
28 ธันวาคม 2548 00:50 น.
เรไร
อากาศหนาวแค่ไหนใจก็อุ่น
หากมีคุณเคียงกายช่วยคลายหนาว
ณ ราตรีเฝ้าออดอ้อนนอนนับดาว
ที่พร่างพราวล้อมเดือนเกลื่อนนภา
อากาศหนาวเพียงใดมิไหวหวั่น
เพราะมีกันสองเราเฝ้าห่วงหา
คอยแบ่งฝันปันสุขทุกเวลา
เหมือนสัญญาหัวใจมอบให้กัน
เอาท่อนแขนอบอุ่นหนุนแทนหมอน
ยามคุณนอนหลับตานิทราฝัน
อ่านกวีเรียงร้อยถ้อยรำพัน
ที่ตัวฉันพรรณนาว่ารักคุณ
26 ธันวาคม 2548 00:46 น.
เรไร
ข้าคือผู้สร้างฝันอันบรรเจิด
ที่ล้ำเลิศสูงค่ากว่าสิ่งไหน
ข้าคือผู้ก้าวผ่านสะพานใจ
ที่คนคอยฝันใฝ่ใส่อุรา
ข้าคือผู้ส่องทางสว่างโลก
ดับเศร้าโศกสร้างแรงแสวงหา
ให้แสงส่องสว่างดั่งทิวา
ช่วยนำพาชี้จุดหมายถึงปลายทาง
ข้าคือผู้ลบระทมความขมขื่น
ให้แรงฟื้นฮึกเหิมใจแสริมสร้าง
ความหวังเก่าที่เหมือนจะเลือนลาง
ช่วยชี้ทางสว่างใจได้อีกวัน
ข้าคือผู้ชักชวนมวลมนุษย์
และคอยฉุดสู่ห้วงสรวงสวรรค์
หากมีข้าเคียงจิตนิจนิรันดร์
จะสุขสันต์เริงรื่นชื่นอารมณ์
แม้วันใดตัวข้าต้องลาจาก
ดั่งกระชากชีวินสิ้นสุขสม
เศษฤดีลอยลับกับสายลม
ความขื่นขมแทรกกลางระหว่างใจ
เพราะข้าคือผู้นำความหดหู่
ต้องอดสูชีวันต้องหวั่นไหว
หากอยากรู้ข้าหรือคือผู้ใด
รักที่ใครไขว่คว้าคือข้าเอง
24 ธันวาคม 2548 00:14 น.
เรไร
เพราะเราเคยหลงระเริงในเพลิงรัก
ไม่รู้จักจะคิดว่าพิษร้าย
จึงถั่งโถมโหมไฟเข้าใส่กาย
ด้วยจิตหมายอบอุ่นละมุนทรวง
ใส่หัวใจเลือดเนื้อเป็นเชื้อเผา
คอยสุมเข้าเพลิงโรจน์ให้โชติช่วง
แต่สรรค์แสร้งขีดลิขิตลวง
ให้ฝนร่วงหล่นทับมาดับไฟ
เพียงเศษใจถูกเผาเป็นเถ้าถ่าน
ทรมานหมองหม่นเกินทนไหว
พอเวลาล่วงกาลเนิ่นนานไป
ที่เนื้อในยังคุปะทุรอ
เมื่อลมเหนือพัดพราวมาคราวนี้
ดวงฤดีเศร้าหมองคอยร้องขอ
ให้ลมรักครั้งเก่ามาเคล้าคลอ
ช่วยมาต่อสุมใส่ไฟชีวัน
ซากหัวใจคงเปรียบปานถ่านไฟเก่า
เชิญมาเผามาผลาญให้หายโศกศัลย์
ให้ร้อนเริงดุจไฟบรรลัยกัลป์
จนใจฉันถูกเผาเป็นเถ้าธุลี