12 มิถุนายน 2552 23:56 น.
เรไร
๏..ความร้อนรุ่มรุมเร้าจนเศร้าโศก
อยู่กับโลกแห่งชะตาฟ้าลิขิต
ระหกระเหิรเคว้งคว้างทางชีวิต
จนดวงจิตบอบช้ำยอมจำนน
เหนื่อยหรือเปล่าไขว่คว้าตามหาฝัน
ระหว่างวันทุกข์เทวษหาเหตุผล
ว่าชีวิตมืดดับเหมือนอับจน
กระเสือกกระสนอย่างนี้อีกกี่วัน
โลกยังคงหมุนไปมิหยุดนิ่ง
พบความจริงซ้ำเติมให้เทิ้มสั่น
ความหวาดกลัวความเศร้าเทียมเท่ากัน
เหลือความฝันคอยค้ำและนำทาง
เพียงชีวิตยับเยินได้เดินต่อ
แม้นจะท้ออุปสรรคคอยขัดขวาง
หากวิถีข้างหน้าอาจฝ้าฟาง
คงสว่างสดใสในสักวัน..๏
31 พฤษภาคม 2552 22:26 น.
เรไร
แค่เพียงฉันหรือเธอที่เผลอไผล
ปล่อยหัวใจไปตามปรารถนา
เผลอสร้างความผูกพันเสมอมา
จนเวลาสานเยื่อใยสายสัมพันธ์
เพราะเราเดินมาไกลกว่าหันกลับ
ยากยอมรับว่าเป็นจริงใช่สิ่งฝัน
รู้สึกตัวอีกทีก็มีกัน
ร่วมฝ่าฟันมาถึงเกินครึ่งทาง
เพียงเพราะเราไปตามความรู้สึก
ถลำลึกยากเกินจะเหินห่าง
สองมือกุมเกี่ยวก้อยลืมปล่อยวาง
คอยเคียงข้างเคียงครองกันสองคน
เราพบความเที่ยงแท้คือแปรเปลี่ยน
เป็นบทเรียนให้ยอมรับจึงสับสน
ถึงทางแยกละล้าละลังอย่างกังวล
จะผ่านพ้นทางแยก ฤๅ แยกทาง
18 เมษายน 2552 20:52 น.
เรไร
ในความทุกข์ที่รับและทับถม
นั่งอกตรมขมขื่นสะอื้นหา
รอยอดีตผันผ่านกาลเวลา
ให้หวนมากระจ่างชัดในปัจจุบัน
เพียงบางสิ่งไม่แน่ก็แปรเปลี่ยน
ยังวนเวียนไขว่คว้าตามหาฝัน
จึงโศกเศร้ากล้ำกลืนจากคืนวัน
เป็นหวาดหวั่นเคว้งคว้างอย่างมืดมน
จะก้าวเดินก้าวไปอยากไปต่อ
น้ำตาคลอท้อถอยคอยสับสน
เพราะหัวใจอาวรณ์จึงร้อนรน
อยากก้าวพ้นปวดร้าวอยากก้าวไป
หรือเป็นเพราะความหมายของพ่ายแพ้
จึงอ่อนแอ ฤ ซ่อนความอ่อนไหว
ความห่วงหาอาทรยอกย้อนใจ
จึงกำเก็บเจ็บไว้มิให้ลืม
3 มีนาคม 2552 08:18 น.
เรไร
๏..อธิษฐานบนบานสิ่งศักดิ์สิทธิ์
ผู้ทรงฤทธิ์มากล้นบนสวรรค์
หรือพญามัจจุราช ณ โลกันตร์
มาโปรดฉันบันดาลประทานพร
ขอพรเพียงนาทีเพื่อชี้ขาด
มีอำนาจลึกลับและซับซ้อน
ให้สั่งเป็นสั่งด้วยให้ม้วยมรณ์
หากคำวอนหวังไว้ได้เป็นจริง
หากเลือกใช้อำนาจพิฆาตฆ่า
ความชั่วช้าในฤดีดุจผีสิง
หรือปีศาจหลอกลวงคอยท้วงติง
ให้ทอดทิ้งคุณงามค่าความดี
หากเป็นเธอจะเลือกเลือกทางไหน
เธออาจใช้สร้างสนุกเพื่อสุขี
หรืออาฆาตให้ตายวายชีวี
มันอยู่ที่ดวงจิตจะคิดทำ๚ะ๛
.... บนโลกแห่งความเป็นจริงแล้ว
หากว่าใครสักคนมีอำนาจที่สามารถให้คุณและให้โทษกับผู้หนึ่งผู้ใดได้
น้อยครั้งนัก ที่ใครคนนั้นจะใช้อำนาจช่วยเหลือผู้อื่น อย่างเต็มความสามารถ
..... แต่ถ้าหากว่า ใช้เพื่อให้โทษกับผู้หนึ่งผู้ใดแล้ว กลับสามารถให้โทษกับผู้อื่น
เกินขอบเขตอำนาจที่ตนมี ท่านถามใจตัวเองกันบ้างหรือเปล่า
.... ว่าท่านเคยเป็น หรือรู้สึกเยี่ยงนั้นหรือไม่..
27 กุมภาพันธ์ 2552 01:05 น.
เรไร
- ๑ -
๏..ฟ้าดำดึกดื่นค่ำคืนหนึ่ง
คืนซึ่งไร้ดาวพราวเวหา
คืนที่เดือนดับเลือนลับลา
คืนที่เจิดจ้าด้วยแสงไฟ
คือโคมสาดส่องทั่วท้องถนน
ผสมเสียงผู้คนขบวนใหญ่
ประกาศพร้อมสู้เพื่อกู้ไทย
พ้นภัยทุรยศคนคดโกง
เสียดสีหยามหยาบและสาปแช่ง
ทิ่มแทงมั่นหมายให้ตายโหง
สร้างเรื่องระอาเอือมคอยเชื่อมโยง
จรรโลงความนิยมอุดมการณ์
สีเหลืองเชิดชูให้รู้จัก
พรั่งพร้อมพวกพรรคสมัครสมาน
เหยียบย่ำกรีดแยกให้แหลกลาน
เผาบ้านยึดเมืองสร้างเรื่องราว
- ๒ -
ฟ้าค่ำข้ามยังอีกฝั่งหนึ่ง
คืนซึ่งแดนสรวงกลางห้วงหาว
ไร้แสงวิบวับระยับวาว
ไร้ดาวฟ้าฉาบภาพจำแลง
มีแค่สีชาดคอยสาดส่อง
ทั่วท้องถนนทุกหนแห่ง
อุดมการณ์ยึดมั่นไม่เปลี่ยนแปลง
คอยแก่งแย่งทึ้งดึงมวลชน
ประกาศต่อต้านการปฏิวัติ
นำชาติวิบัติต้องขัดสน
ชาวประชาลำบากและยากจน
ผู้คนสิ้นหวังทั้งแผ่นดิน
สรรเสริญเชิดชูท่านผู้นำ
ถูกทำต่ำทรามถูกหยามหมิ่น
ถูกข้อกล่าวหาว่าโกงกิน
พลัดถิ่นต้องพรากต้องจากจร
- ๓ -
ฟ้าดำดึกดื่นกี่คืนค่ำ
แสงใดส่องนำคำสั่งสอน
ดาวใดช่วยเหลือเอื้ออาทร
ดับจิตราญรอนก่อนทำลาย
หากฟ้ามืดดำค่ำคืนนี้
ไม่มีแบ่งพรรคแบ่งฝักฝ่าย
ไร้สีแดงเหลืองเรื่องวุ่นวาย
เลวร้ายเรื่องใดคงไม่มี
มองฟ้าหม่นดำใกล้ย่ำรุ่ง
วันพรุ่งใกล้มาฟ้าเปลี่ยนสี
ไกลโพ้นฝั่งฟ้าสุขาวดี
ราตรีสีส้มดูกลมกลืน๚ะ๛