19 มกราคม 2549 14:53 น.
เรไร
รัฐบาลท่านบอกออกอากาศ
เป็นวาระแห่งชาติประกาศก้อง
ประชาชนแดนดินถิ่นขวานทอง
ทุกคนต้องสิ้นลำบากเลิกยากจน
นโยบายขายฝันอันเริ่ดหรู
ทั้งโอนครูปรับย้ายหลายเหตุผล
สามสิบบาทรักษาโรคาคน
หนึ่งตำบลช่วยคิดผลิตภัณฑ์
การไฟฟ้าขายขาดตลาดหุ้น
ว่าเพิ่มทุนเพิ่มราคาช่างน่าขัน
การสื่อสารเอาด้วยบอกช่วยกัน
มาช่วยปั่นช่วยชาติตลาดทุน
ทุกครอบครัวต้องมีที่อาศัย
และคนไทยเพลิดเพลินด้วยเงินหมุน
ธนาคารปล่อยเงินเกินงบดุล
ระดมทุนทุ่มแหลกแจกสตังค์
สารพัดสินเชื่อเอื้ออาทร
ให้เอาไปใช้ก่อนผ่อนทีหลัง
ชาวประชาจ่ายเพลินเกินกำลัง
ต้องมานั่งคิ้วขมวดปวดกะบาล
นโยบายสร้างภาพปราบยาบ้า
ผู้ใดค้ากำหนดโทษประหาร
จับเป็นข่าวใหญ่โตมโหฬาร
ไม่เห็นท่านจับได้ใครผลิต
ประชาชนอ่อนเปลี้ยเสียภาษี
ทุกทุกปีประจำไม่ทำผิด
ไม่หลบหลีกเลี่ยงกฎหรือคดคิด
แกล้งปกปิดโยกย้ายให้เครือญาติ
พอได้ฟังนโยบายเหมือนขายฝัน
แล้วนึกหวั่นถึงความจริงยิ่งอนาถ
จะพาให้ประชาชนคนทั้งชาติ
พร้อมประกาศพาข้ามความยากจน
ตั้งตัวเป็นเจ้ามือรับซื้อหวย
ให้ร่ำรวยทางลัดเลิกขัดสน
อบายมุกมอมเมาประชาชน
บอกเหตุผลน่าตลกให้โชคดี
คนยากจนสูญพันธุ์กันแน่แน่
คงเหลือแต่รัฐบาลท่านเศรษฐี
แต่จนลงคือไพร่ฟ้าประชาชี
ต้องแบกหนี้แบกสินจนสิ้นใจ
19 มกราคม 2549 00:12 น.
เรไร
ฉันไม่ได้ยินสุรเสียง
สำเนียงไพเราะเสนาะหู
สายตาไม่เคยเลยมองดู
อดสูละทิ้งสิ่งสวยงาม
ฉันไม่รับรู้อรรถรส
ในบทกวีที่ไหวหวาม
ไร้ถ้อยกำหนดบทนิยาม
เกรงขามหวาดกลัวเรื่องหัวใจ
ขายหมดขายสิ้นดวงวิญญาณ
ซาตานคงพร้อมยอมรับไว้
แลกกับขื่นขมระทมใน
พลัดพรากจากไปไกลอุรา
เดินทางตามหวังครั้งสุดท้าย
ปีนป่ายโขดเขินขึ้นเนินผา
หวังฝากร่างกายไร้วิญญาณ์
ณ ศาลาเดียวดายกลางสายลม
16 มกราคม 2549 21:45 น.
เรไร
มีเรื่องราวกวนกวนชวนให้คิด
ให้เพื่อนฝูงญาติสนิทมิตรสหาย
โปรดนั่งใจเย็นเย็นแล้วเอนกาย
ที่เมื่อยล้าให้สบายคลายอารมณ์
จะตั้งวงก๊งเหล้าขอเมาด้วย
เผื่อจะช่วยให้เถิดเทิงเริงสุขสม
เป็นนิทานผาดโผนคนนิยม
มาฟังผมเล่าความตามเรื่องราว
ทะเลทรายร้อนเร่าคอยเผาผลาญ
คนที่ผ่านมาเห็นเป็นหญิงสาว
ขับรถยนต์แล่นตอนร้อนอบอ้าว
เกิดเป็นข่าวลือเลื่องเพราะเครื่องยนต์
มันสะดุดสำลักสักพักดับ
แดดระยับทำไงใจสับสน
อนาถแท้มันน่านักเจ้าจักรกล
มองหาคนแก้ไขที่ไหนมี
มองเห็นบ้านหลังหนึ่งซึ่งตั้งอยู่
คะเนดูไม่เกินเท้าเดินนี่
พอไปถึงตะโกนว่าสวัสดี
บ้านหลังนี้มีช่างบ้างหรือไม่
ชายชราลั่นดานบานประตู
ออกมาดูผู้หญิงยิ่งสงสัย
มีธุระหลงทางหรืออย่างไร
เธอถึงได้เหนื่อยหอบช่วยตอบมา
รถฉันเสียจอดค้างข้างถนน
เจ้าเครื่องยนต์มันรวนป่วนจริงหนา
มันสะอึกดับฟอดจึงจอดคา
จึงเดินมาหาช่างหวังในจิต
ชายชราฟังความตามที่กล่าว
จากหญิงสาวบอกเรื่องเครื่องไม่ติด
เรียกลูกชายสามคนวิกลจริต
ไปช่วยคิดแก้ไขให้ทันการ
แดดก็ร้อนแก้ไงก็ไม่หาย
เหงื่อชุ่มกายเข้าตาน่าสงสาร
พอเช็คเครื่องเช็คไฟอยู่ไม่นาน
พบอาการก็ล่วงมาเวลาเย็น
ชายชราไปถามเจ้าสามหนุ่ม
ดูกลัดกลุ้มกลัวว่าจะไม่เห็น
คงจะซ่อมลำบากยากลำเค็ญ
นี่ก็เป็นเวลาใกล้ราตรี
บอกอาการว่าซ่อมไม่ทันแน่
คงจะแก้ไม่ทันในวันนี้
ในวันรุ่งจะแก้ไขให้อีกที
เพราะไม่มีแสงสว่างเหมือนกลางวัน
ให้เจ้าจงพักผ่อนนอนให้หลับ
แล้วกำชับบอกสาวไว้ลูกชายฉัน
อาจติ้งต๊องบ้าบอพอพอกัน
ไม่ต้องหวั่นว่ามันอันตราย
พอล่วงกาลผ่านมาถึงดึกถึงดื่น
เลยค่อนคืนไม่หลับกระสับกระส่าย
เห็นสามหนุ่มสามคนกระวนกระวาย
หวังกอดก่ายแนบชิดสนิทสนม
แต่ก็ยังชั่งใจปลอดภัยก่อน
พอถึงตอนใกล้ระรื่นชื่นสุขสม
ถุงมีชัยสวมใส่ได้เชยชม
เริงอารมณ์รื่นไหลไม่ตั้งครรภ์
พออุษารุ่งสางสว่างแสง
ตะวันแดงเครื่องยนต์กลจักรผัน
ผู้หญิงสาวจากไปในทันควัน
สามหนุ่มนั้นหน้าละห้อยคอยมองตาม
วันเวลาผ่านไปอย่างเร็วรี่
ยี่สิบปีน้องคนกลางตั้งคำถาม
จำได้ไหมที่สาวเจ้าลวนลาม
อยากรู้ความจะท้องไหมน้องพี่
พี่คนโตตอบความตามสนอง
คงไม่ท้องตั้งครรภ์อย่าขวัญหนี
เพราะเรื่องนั้นผ่านไปก็หลายปี
เฮ้อ!!จะได้ถอดสักทีถุงมีชัย
14 มกราคม 2549 22:56 น.
เรไร
เธอไม่มีคุณค่าใดมากว่า
นางอิจฉาในละครตอนน้ำเน่า
หมดบทบาทยวนยั่วชวนมัวเมา
บทเก่าเก่าเลิกเล่นจะเป็นไร
ผู้กำกับกำหนดบทให้เล่น
เธอโดดเด่นหาคนเปรียบหรือเทียบได้
ริษยาแนบสนิทจับจิตใจ
ชักสงสัยไปผูกติดชีวิตจริง
บทละครน้ำเน่าจบไปแล้ว
อย่าแน่แน่วมิผันแปรเลยแม่หญิง
หักสวาทหักใจไม่ช่วงชิง
เพราะบางสิ่งควรจบความตามละคร
ไปเถิดไปเผื่อบางทีมีเรื่องใหม่
อาจจะตรงโดนใจไม่เหมือนก่อน
อาจมีบทนางร้ายให้ทุกตอน
เล่นละครเรื่องที่ไม่มีเรา
13 มกราคม 2549 06:43 น.
เรไร
โอบคืนโอบวันอันแสนหวาน
เนิ่นนานเกินใจเกินใฝ่ฝัน
อ้อมอกโอบไว้เอื้อไอกัน
ผ่านผันราตรีมีเพียงเรา
บนภูสูงเสียดขึ้นเบียดฟ้า
ดารากระจ่างอยู่กลางเขา
สายลมพัดผ่านผะแผ่วเบา
ใต้เงาเมฆานภาลัย
หนาวลมห่มผ้าเขาว่าอุ่น
เพียงหนุนตักนอนจะตอนไหน
หนาวเนื้อห่มเนื้อเติมเชื้อไฟ
หวามไหวเชยชิดแนบนิทรา
เก็บฟืนก่อเพลิงให้เริงร้อน
สุมขอนโหมไฟเสน่หา
อิงรักอุ่นไอในแววตา
กระทั่งฟ้าสีทองผ่องอำไพ
เรืองอรุณรุ่งสางสว่างแล้ว
วาวแวววับวามความสดใส
น้ำค้างพราวพร่างกลางฤทัย
วันใหม่วันนี้มีเพียงเรา