27 กุมภาพันธ์ 2549 15:45 น.
เรไร
เศษศิลาดาษดื่นเป็นหมื่นแสน
ทุกดงแดนทั่วถิ่นล้วนหินสี
พลอยไพลินแก้วเพชรเก็จมณี
ล้วนมากมีคุณค่าคนหาครอง
ต่างดั้นด้นขุดเจาะเสาะแสวง
ทุ่มทั้งแรงอยากเห็นเป็นเจ้าของ
ทั่วผืนดินพลิกกลับอยากจับจอง
หวังสนองพูนเทวษกิเลสตน
เราก็ต่างตีกฎกำหนดค่า
เสี้ยวศิลาให้พิเศษด้วยเหตุผล
เชิดชูค่าสวยงามตามได้ยล
สิ่งปลอมปนเขี่ยออกบอกไม่เอา
เหลือเพียงแค่เม็ดทรายไร้ค่าแล้ว
มิวับแววงดงามตามใจเขา
ถูกทิ้งร้างเพราะไร้สีไม่มีเงา
เป็นสีเทาน่าบัดสีธุลีดิน
ถูกทับถมปล่อยวางข้างตลิ่ง
คนเขาทิ้งเพราะเหตุเป็นเศษหิน
พอน้ำซัดพัดเอื่อยระเรื่อยริน
จนทั่วถิ่นเกลื่อนกลาดเป็นหาดทราย
23 กุมภาพันธ์ 2549 12:55 น.
เรไร
คราวหาเสียงเลือกตั้ง...........ผู้แทน
ประกาศก้องทั่วแดน............ว่าไว้
นโยบายก็สุดแสน................หรูเริด
แสนประเสริฐจะให้..............หมดสิ้นความจน
ประชาชนทั่วแคว้น...............แดนสยาม
เทคะแนนล้นหลาม..............ท่วมท้น
เลือกพรรคที่มีนาม...............รักชาติ
เผื่ออาจผงาดพ้น..................วิกฤติร้ายภัยพาล
พอผ่านเลยล่วงเข้า...............สองสมัย
เผด็จการของไทย.................เริ่มแล้ว
ยึดอำนาจอธิปไตย.................เบ็ดเสร็จ
เอกราชไม่แคล้ว...................อยู่ใต้มือมาร
ประชาชนปวดร้าว................ขื่นขม
รัฐบาลอุ้มสม........................พี่น้อง
สัญญาประชาคม...................ลืมหมด
คิดคดเพื่อพวกพ้อง...............ปกป้องประโยชน์ตน
อยากขออำนาจให้.................ชาวประชา
ได้คิดพิจารณา......................อีกครั้ง
เพียงแค่ยุบสภา.....................ล้างไพ่
คืนสิทธิ์การเลือกตั้ง...............เพื่อเฟ้นผู้แทน
เหมือนมีเมฆมืดครึ้ม..............ทะมึนดำ
ดั่งโลกถูกครอบงำ...................หม่นคว้าง
รอแค่หยาดฝนพรำ.................คงชะ
กลียุคจักลบล้าง.......................หมดสิ้นทรชน
เมื่อท้องฟ้าสีทองผ่องอำไพ
ปวงประชาจะเป็นใหญ่ในแผ่นดิน
วิสา คัญทัพ
21 กุมภาพันธ์ 2549 22:27 น.
เรไร
คนเขาเรียกฉันว่าสารถี
ทำหน้าที่รับ-ส่งผู้โดยสาร
ข้ามขุนเขาสู่ยังริมฝั่งธาร
เป็นแค่งานที่ทำแสนจำเจ
ทนทำงานตรากตรำค่ำยันเช้า
สุดแสนเหงาอุรามันว้าเหว่
เห็นเพียงฟ้าเหม่อมองท้องทะเล
ได้คอยเห่ขับกล่อมความตรอมตรม
จะพอมีบ้างไหมอย่างใครเขา
เป็นคู่เคล้าเคลียคลอพอสุขสม
ให้หัวใจหวิวหวั่นสั่นอารมณ์
คอยเชยชมเชิดชูเป็นคู่ครอง
เรื่องขับรถโลดแล่นแสนผาดโผน
แต่อ่อนโยนแล้วใยไร้เจ้าของ
เฝ้าชะแง้แลหาใครมาจอง
ในทุกห้องดวงแดเฝ้าแต่รอ
หากมีใครเมตตาปรานีบ้าง
มาร่วมทางสร้างฝันกันเถิดหนอ
จะมอบสายใยรักเพื่อถักทอ
คู่สามล้อคนซื่อชื่อเรไร
20 กุมภาพันธ์ 2549 22:25 น.
เรไร
เหมือนชีวิตมืดมนซ้ำหม่นหมอง
รักเคยครองเคียงข้างมาห่างหาย
ฝันสดใสเริ่มลดหมดประกาย
เลือนละลายลาลับกับเวลา
ห้วงแห่งความทรงจำคอยย้ำจิต
พ่ายแพ้พิษความรักยากรักษา
ร้าวระทมห่อเหี่ยวเกินเยียวยา
รอให้ฟ้ามาโปรดลงโทษทัณฑ์
ขออยู่อย่างทุกข์ตรมทนขมขื่น
โศกสะอื้นเหว่ว้าแทบอาสัญ
ให้รอคอยกล้ำกลืนทุกคืนวัน
จงหวาดหวั่นเพ้อพร่ำเผลอคร่ำครวญ
คล้ายหิ่งห้อยกระพริบแสงริบหรี่
ยามราตรีกู่ร้องก้องกำสรวล
ต้นลำพูที่เก่าเฝ้ารัญจวน
คอยรักหวนคืนมาน้ำตาริน
17 กุมภาพันธ์ 2549 19:37 น.
เรไร
ไม่มีเดือนไร้ดาวบนราวฟ้า
เพราะเมฆาบดบังทั้งเวหน
รัตติกาลหมองคล้ำดำมืดมน
พลันสายฝนพร่างพรูสู่ผืนดิน
มีแค่เสียงคลื่นโหมโถมเข้าฝั่ง
ทะเลคลั่งปรวนแปรกระแสสินธุ์
คอยซัดสาดหาดทรายให้ได้ยิน
กระทบหินแตกฟองละอองพราว
ค่ำคืนไหนจะเหงาได้เท่านี้
ดวงฤดีชอกช้ำซ้ำเหน็บหนาว
มีแค่เทียนเปล่งแสงแวมวับวาว
ในคืนร้าวกลืนกล้ำเพียงลำพัง
เพียงร่างกายเปลี่ยวเปล่าเหลือเท่านี้
ลากฤดีรันทดใกล้หมดหวัง
เอาความทุกข์ถาโถมโหมประดัง
เพื่อมานั่งให้ทะเลเห่กล่อมใจ
ขอสายน้ำพัดพาโศกาสิ้น
จงกลืนกินสู่มหาชลาศัย
ขอผืนทรายซึมซับโศกาลัย
เหลือเอาไว้แค่ฝันเท่านั้นพอ