2 กรกฎาคม 2549 19:03 น.
เรไร
ฟังสิฟังเสียงพร่ำรำพันถึง
จากใจหนึ่งเอ่ยนำเป็นคำถาม
อยากรับรู้ประเด็นเป็นนิยาม
ว่าจะตามความรักกันที่ใด
ความรักจะคงคู่อยู่เสมอ
อยู่เคียงเธอคู่ฉันยามหวั่นไหว
จะย้อมดาวพราวพร่างกลางฟ้าไกล
เป็นสีสันสดใสในสายตา
รักจะสร้างกระท่อมไว้ริมสายธาร
รักจะหว่านเมล็ดฝันพันธุ์บุบผา
รักจะจุดประกายไฟในนิทรา
คราวดวงใจโหยหาทุกราตรี
เพราะความรักจะอยู่คู่อดีต
ยามเงียบเหงาดุจสังคีตคอยดีดสี
จะขับขานถ้อยพจน์บทกวี
เคล้าดนตรีบรรเลงเพลงกล่อมเรา
เพราะความรักอยู่กับปัจจุบัน
คอยปลอบขวัญวันพ่ายหัวใจเหงา
จะลบรอยโศกศัลย์ให้บรรเทา
คอยปัดเป่าทุกข์ถมที่ตรมตรอม
ความรักจะเปิดประตูสู่ความหวัง
รักคงยังรวยระรินโชยกลิ่นหอม
ตราบที่เราภิรมย์อยากดมดอม
รักยังพร้อมส่งความสุขอยู่ทุกวัน
รักจะเป็นผ้าห่มเมื่อลมหนาว
รักจะเป็นเมฆขาวคราววสันต์
รักเป็นลมอุ่นละไมให้แก่กัน
เมื่อคิมหันต์ฤดูกาลผ่านเข้ามา
ความรักมีตัวตนทุกหนแห่ง
รักแสดงรูปกายให้ใฝ่หา
รักจะสื่อความหมายในแววตา
คือคุณค่ารักจะอยู่เคียงคู่เรา
27 มิถุนายน 2549 15:50 น.
เรไร
เมื่อแรกรักน้ำตาลที่หวานล้ำ
ยังตกต่ำไม่ค่อยอร่อยลิ้น
ทั้งน้ำผึ้งเดือนห้าคราได้กิน
ไม่ถวิลโหยหาสักนาที
เมื่อความรักหวานลิ้นมันสิ้นรส
เศร้าสลดเหว่หว้ามาแทนที่
ความไว้เนื้อเชื่อใจก็ไม่มี
ดวงฤดีคงมั่นเริ่มสั่นคลอน
เธอแกล้งทำหมางเมินดูเหินห่าง
จิตใจนางเริ่มฟั่นเฟือนไม่เหมือนก่อน
หรือด้วยฤทธิ์พิศวาสจะขาดรอน
จึงเว้าวอนอ้อนว่าอยากหาปืน
เพื่อจะป้องกันตัวกลัวผู้ร้าย
อันตรายถูกปล้นโจรข่มขืน
ในเส้นทางเดินประจำยามค่ำคืน
หากมีปืนอยู่กับตัวไม่กลัวใคร
ฉันแค่ฟังยังขยาดหวาดผวา
เริ่มประหม่าตัวฉันเริ่มหวั่นไหว
แต่ก็เสาะหาปืนมายื่นให้
ด้วยตามใจแต่ขอมีข้อแม้
ด้วยหัวใจดวงนี้ที่อาวรณ์
จะขอสอนการวิธีที่เที่ยงแท้
บอกเคล็ดลับไม่หวงให้ดวงแด
ให้รู้แน่รู้จริงยิงไม่พลาด
เอามือกำด้ามไว้ให้ถนัด
แล้วเล็งตัดขั้วหัวใจให้มันขาด
ให้กระสุนเจาะเนื้อหนังพังพินาศ
ให้ชีวาตม์มิต้องทนทุรนทุราย
อย่าให้ต้องพิการสงสารเถิด
ขอไปเกิดชาติใหม่คงไม่สาย
แล้วกลับมาเพื่ออยู่เคียงคู่กาย
แม้สุดท้ายต้องสิ้นชื่อด้วยมือเธอ
27 มิถุนายน 2549 01:34 น.
เรไร
ทะเล
ณ ริมฝั่งนทีสีทันดร
ตะวันรอนเริ่มดับเลือนลับหาย
บนผืนน้ำยามกระเพื่อมละเลื่อมลาย
เป็นประกายระยิบระยับงามจับตา
เสียงครืนครืนคลื่นตลบกระทบฝั่ง
ยินเสียงดังยามตะโบมโถมเข้าหา
สองคนนั่งยลสายัญตะวันลา
ลับขอบฟ้าจมหายสู่สายธาร
อารมณ์
มองดูนั่นดาวเหนือระเรื่อแล้ว
เริ่มวาวแววกว่าดาวแดนเป็นแสนล้าน
เด่นสว่างกว่าดวงใดในจักรวาล
ส่งสัญญาณพลบค่ำยามราตรี
ลมผะแผ่วพัดผ่าวให้หนาวเนื้อ
สองคนเอื้ออิงกายมิหน่ายหนี
ไหล่เกยไหล่ชิดชมสมฤดี
เหมือนอัคคีรุมล้อมหลอมละลาย
ในอ้อมอกกอดเจ้าเฝ้าถนอม
จะขับกล่อมเพลงฝันเคยมั่นหมาย
พะเน้าพะนอใต้ฟ้าดาราราย
คู่เคียงกายก่ายกอดตลอดคืน
จะลูบไล้ชื่นชมผมสลวย
คงพอช่วยยามนิทราผวาตื่น
เพราะฝันร้ายเจ็บช้ำสุดกล้ำกลืน
ไห้สะอื้นพร้อมรับซับน้ำตา
ทะเลอารมณ์
ณ ริมฝั่งห้วงมหาชลาศัย
อโณทัยแสงระยับจับเวหา
สองคนคู่เคียงกายให้สัญญา
พร้อมฟันฝ่าสร้างสวรรค์วันแห่งเรา
21 มิถุนายน 2549 09:40 น.
เรไร
ความรักจะเหลือค่าสิ่งใด
จะมีบทเพลงไหนให้ขับขาน
เหลือบทกวีใดให้จดจาร
บนความหยาบกร้านของหัวใจ
น้ำตากี่หยดรดลงพื้น
กี่วันกี่คืนสะอื้นไห้
มีค่าประจักษ์สักเท่าใด
เพียงไหนร้าวรานจนด้านชา
คิดหวังสร้างทำไว้ล้ำเลิศ
กรอบเกิดสร้างสมบ่มปัญหา
หมองหม่นสับสนจนปัญญา
กังขาสงสัยทำไมกัน
รู้ค่าเพียงใดในคำรัก
รู้จักเพียงไหนทำไหวหวั่น
กี่ครั้งเจ็บช้ำทำรำพัน
สุขสันต์สุขีสักกี่ครั้ง
จึงคิดห้าวหาญทำการใหญ่
คิดให้ความรักถูกกักขัง
ยื้อให้ยืนยงคงอยู่ยัง
ในภวังค์หวังชมสุขสมปอง
วาระสุดท้ายใกล้มาถึง
วันหนึ่งรักเสนอเผลอเรียกร้อง
อิสระใฝ่ฝันตามครรลอง
ตีตราหม่นหมองถูกจองจำ
เหลือค่าเท่าใดในดวงจิต
ครุ่นคิดไขว่คว้าช่างน่าขำ
ขีดเส้นสร้างกรอบหวังครอบงำ
กลืนกล้ำช้ำใจให้ตัวเอง
20 มิถุนายน 2549 02:56 น.
เรไร
ก่อกองเพลิงเติมเชื้อเพื่อแผดเผา
ล่อแมงเม่าผกผินบินเข้าหา
ด้วยหลงเพลินสติน้อยด้อยปัญญา
เป็นแมงเม่าถูกฆ่าบูชายัน
พอเพลิงลุกถั่งโถมโหมกระหน่ำ
เพราะดื่มด่ำชีวาที่อาสัญ
จะโหมอย่างหน่วงหนักสักกี่วัน
จะอยู่ชั่วนิรันดร์อย่างนั้นฤๅ
สักวันหนึ่งเปลวลดใกล้หมดเชื้อ
แล้วจะเหลือสิ่งใดให้ยึดถือ
เพียงธุลีที่ลมสะบัดพัดกระพือ
ที่เหลือคือขี้เถ้าเท่านั้นเอง