19 พฤศจิกายน 2549 15:33 น.
เรไร
ด้วยมีเรื่องขำขำมาอำเพื่อน
อย่าแชเชือนเมินเฉยเลยสหาย
มาล้อมวงพักผ่อนนอนสบาย
จะขยายนิยามความให้ฟัง
ฉันพาสู่แดนอื่นน่าตื่นเต้น
เมืองสเปนมีเรื่องราวแต่คราวหลัง
คือกีฬาใช้กายใช้กำลัง
เห็นสักครั้งกับตัวสู้วัวกระทิง
ภัตตาคารร้านใหญ่ใกล้สนาม
ระบือนามรสเลิศประเสริฐยิ่ง
คือจานเด็ดมีน้อยอร่อยจริง
อันเดียวของกระทิงยิ่งน่าทาน
เมื่อกระทิงพ่ายแพ้แน่ถูกฆ่า
เอาเนื้อหนังมังสาเป็นอาหาร
คนเข้าคิวต่อแถวแล้วตั้งนาน
ที่หน้าร้านมากมายหลายสิบคน
มีชายหนุ่มคนหนึ่งซึ่งเคยลิ้ม
ไม่ได้ชิมครั้งใดให้สับสน
มาเข้าคิวแต่เช้าเฝ้าอดทน
นั่งกังวนคอยคะนึงเกือบครึ่งวัน
พนักงานเดินมาพร้อมอาหาร
ที่ต้องรอให้ผ่านการแข่งขัน
การสู้วัวมีชีวิตเป็นเดิมพัน
รับประกันของดีมีหนึ่งเดียว
พอเริ่มลิ้มชิมรสรันทดนัก
แค่ได้ตักรู้สึกนึกเฉลียว
ไม่เหมือนเดิมเปลี่ยนรสหมดเลยเชียว
อันนิดเดียวน่าทุเรศเพราะเหตุใด
จึงร้องเรียกพนักงานวานเฉลย
มิเหมือนเคยฉันงงจึงสงสัย
ทั้งรสชาติมันเลี่ยนดูเปลี่ยนไป
นี่กระทิงอะไรใคร่รู้ความ
พนักงานจึงแถลงการแข่งขัน
ก็คือวันคนพ่ายในสนาม
วัวกระทิงชนะสง่างาม
อย่ามาถามทำซื่อว่าคืออะไร?????
9 พฤศจิกายน 2549 20:55 น.
เรไร
จะมีไหมสักนิดเคยคิดถึง
จะคำนึงวันเก่าของเราไหม
จะยังมีพอเหลือสักเยื่อใย
จะลืมไปลืมแล้วหรือแก้วตา
ลืมหรือยังซอเก่าที่เฝ้าสี
ลืมดนตรีบรรเลงเพลงฝันหา
ลืมแล้วเพลงออดอ้อนก่อนนิทรา
ลืมแล้วว่าวันนี้ยังมีกัน
หรือเจ้าลืมบทกวีที่ฉันเขียน
หรือว่าเอียนคำละเมอคอยเพ้อฝัน
หรือเบื่อแล้วถ้อยพจน์บทประพันธ์
หรือว่ามันเก่าเชยไม่เคยมอง
ยังรออยู่ตรงนี้ตรงที่เก่า
ยังคอยเฝ้ายอมทนแม้หม่นหมอง
ยังคงรอด้วยใจที่หมายปอง
ยังรอร้องเพลงของเราให้เจ้าฟัง
31 ตุลาคม 2549 16:06 น.
เรไร
ขอเพียงอย่าทรมานกันอย่างนี้
แสร้งทำดีแสร้งรักเป็นนักหนา
หากทำเพราะสมเพทเวทนา
เพียงเมตตาสงสารเท่านั้นเอง
โปรดปล่อยฉันอย่าพร่ำคำว่ารัก
ให้ประจักษ์ชื่นชมแล้วข่มเหง
ขยี้ให้ชอกช้ำซ้ำละเลง
คงครื้นเครงเธอสินะคงสะใจ
เอาไม้ฟาดขวานฟันฉันไม่ว่า
เอามีดพร้ามาเชือดจนเลือดไหล
ปืนเล็งมาที่ฉันแล้วลั่นไก
จนตัดขั้วหัวใจไปเสียที
ให้อยู่อย่างขื่นขมคงสมเพท
น่าทุเรศยิ่งนักไร้ศักดิ์ศรี
ขอเถิดนะโปรดอย่าได้ปรานี
ให้ไปดีสิ้นชื่อด้วยมือเธอ
28 ตุลาคม 2549 02:18 น.
เรไร
เพียงอยู่ริมทางข้างถนน
รอคนตามฝันสัญจรผ่าน
ยามทุข์ร้อนรนทนทรมาน
หลบแดดเผาผลาญพอบรรเทา
เหมือนฉันยังคงอยู่ตรงนี้
ตรงที่รอคอยอย่างหงอยเหงา
ยามแดดโรยแรงแสงทอดเงา
ว่างเปล่าไร้คนจะสนใจ
ยามฝยโปรยปรายสยายม่าน
เพียงผ่านเพื่อมาพักอาศัย
มิอาจฝ่าฝนดั้นด้นไป
พักใจเปียกปอนก่อนฝนซา
เหมือนฉันยังคงอยู่ตรงนั้น
รอวันพร่ำเพ้อละเมอหา
เพียงพบเพื่อพรากเธอจากลา
มีค่าเพียงไหนไม่รู้เลย
กี่ร้อนกี่ฝนต้องทนทุกข์
ความสุขอยู่ไหนใครจงเผย
พบความทารุณจนคุ้นเคย
ใจเอ๋ยหมองหม่นทุรนทุราย
ได้พบความจริงยิ่งอดสู่
เพิ่งรู้ฉันนี้มีความหมาย
คุณค่าให้เฉลียวยามเดียวดาย
เพียงคลายความเหงาเท่านั้นเอง
http://musicstation.pantip.com/song.php?song_key=19f01591b6ca3ba03f1aedc8db12cdb9
24 ตุลาคม 2549 10:02 น.
เรไร
- หนึ่ง -
ก่อนสายลมบางบางจะจางหาย
ก่อนตะวันเฉิดฉายประกายฉาน
ก่อนดอกไม้แรกแย้มแต้มตระการ
ก่อนล่วงผ่านเลยวันวสันต์ฤดู
ก่อนพรุ่งนี้กายเจ็บเพราะเหน็บหนาว
ก่อนใจร้าวรันทดเพราะอดสู
ก่อนฝนหยาดสุดท้ายได้พร่างพรู
ก่อนจะเปิดประตูสู่เหมันต์
- สอง -
เมื่อราตรีลับลาอุษาโยค
ทั่วทั้งโลกเลื่อมพราวราวสวรรค์
ม่านหมอกบางโปรยอ่อนก่อนตะวัน
จะผายผันส่องประกายในทิวา
อาบละอองน้ำค้างในยามเช้า
บนยอดเขาชุ่มชื้นกลางผืนป่า
ชมดอกไม้ผลิบานตระการตา
สกุณาร้องบรรเลงเพลงกล่อมเรา
มองผีเสื้อหมู่ภมรที่ร่อนเหิน
คงเพลิดเพลินหัวใจพอคลายเหงา
ได้สัมผัสหฤหรรษ์อาจบรรเทา
เผื่อความเศร้าเบาบางจางจากใจ
ยามค่ำคืนผิงไฟให้คลายหนาว
ระยับดาวพราวพร่างสว่างไสว
ฟังเสียงร้องรื่นรมย์ระงมไพร
ของหรีดหริ่งเรไรในราตรี
- สาม -
ก่อนอรุณระเรื่อเจือห้วงหาว
ก่อนลมหนาวพัดจากพรากเธอหนี
ก่อนสิ้นมนต์แห่งเหมันตกวี
ก่อนดนตรีหมดพลังกังสดาล
มาสู่ห้วงแห่งจินต์ถวิลหา
เพื่อไขว่คว้าความหมายให้กล่าวขาน
รับสัมผัสเพื่อจดจำเป็นตำนาน
เพื่อจะผ่านเหมันต์วันของเรา