21 ธันวาคม 2549 20:16 น.
เรไร
ฟ้าดำดึกดื่นค่ำคืนนี้
คนดีหากเหงาเศร้าโศกศัลย์
นิทราเถิดนะอย่าจาบัลย์
ลืมวันลืมคืนขมขื่นใจ
หลับตาพักกายให้หายเหนื่อย
ลมเอื่อยเฉี่อยพัดสะบัดไหว
พฤกษาเอนโอนโยนกิ่งไกว
ลาลับหลับใหลในรัตติกาล
ฟังสิคนดีพี่จะกล่อม
หากพร้อมสดับจะขับขาน
ฟังเพลงขลุ่ยผิวพลิ้วกังวาน
ส่งผ่านสายลมระงมพา
แทนถ้อยพร่ำพรอดคอยออดอ้อน
กล่อมนอนหากสะอื้นตื่นผวา
เรียกขวัญหนีหายให้กลับมา
จนอุษาฟ้าสางสว่างเยือน
10 ธันวาคม 2549 21:10 น.
เรไร
จะหลีกเร้นหรือหลบซ่อน.........กลางลมร้อนหรือสายฝน
หรือหิมะจากเบื้องบน...............หรือถนนคนมากมาย
ฉันเพียงแค่มองเหม่อ..............อยากพบเจอซึ่งความหมาย
พบแต่สิ่งเดียวดาย...................ยินเสียงร้องของหัวใจ
ผู้คนบนโลกนี้..........................อย่างเธอมีอยู่ที่ไหน
ฉันต้องทำเช่นไร.....................จะก้าวไปสู่ใจเธอ
โปรดเถิดจงรับรู้.......................อยากครองคู่อยู่เสมอ
กี่ภพอยากพบเจอ.....................มอบให้สิ้นแม้วิญญาณ
โปรดเถิดโปรดเมตตา..............ยื่นมือมาถ้าสงสาร
ก่อนจะสายเกินการ.................เพราะล่วงผ่านวันแห่งวัย
ให้ฉันได้ประจักษ์.....................คำว่ารักเป็นไฉน
ว่ารักนั้นยิ่งใหญ่.......................รักคือความมหัศจรรย์
แม้หากว่าใครเขา....................จะเฝ้าบอกให้ไหวหวั่น
ทุกสิ่งไม่นิรันดร์......................ให้เธอฉันนั้นได้ยิน
แต่โปรดจงรับรู้........................รักจะอยู่แม้ฟ้าสิ้น
ฟ้าถล่มจมดิน..........................ยังถวิลไม่ร้างลา
รักจะอยู่กับฉัน.........................ในปัจจุบันและวันหน้า
ให้เธอเสมอมา.........................ด้วยศรัทธาเกื้อการุณ
โปรดจงช่วยชี้ทาง....................แสงสว่างอันอบอุ่น
โปรดเถิดเพียงเกื้อหนุน............โอบกอดฝันอันคำนึง
เป็นดวงดาวส่องแสง................คอยแสดงให้รู้ซึ้ง
รักแท้ที่ตราตรึง.......................ให้คิดถึงทุกวันคืน
ที่ไหนใจก็เหงา........................ใจยังเศร้าโศกสะอื้น
ภูสูงที่ฉันยืน............................ใครไหนอื่นจะรู้ดี
มองจันทร์แสงอร่าม..................แม้งดงามรัศมี
อ้างว้างทุกนาที.........................เพราะไม่มีเธอเคียงกาย
แม้ไม่มีคำหวาน.......................จะสื่อสารถึงความหมาย
ยืนยันจนวันตาย........................มิแหนงหน่ายในรักเรา
บทเพลงเคยรันทด...................จะสิ้นหมดความโศกเศร้า
มีเธอเสมอเงา..........................คงกังวานการดนตรี
โปรดเป็นแสงสว่าง....................ช่วยบอกทางอย่าหน่ายหนี
เถิดนะถ้าปรานี.........................Please take me to your heart
30 พฤศจิกายน 2549 22:31 น.
เรไร
ในคืนค่ำจันทร์แรมแต้มเวหา
ดวงดาราแวววับมีนับล้าน
หลากแสงสีมากมายในจักรวาล
รัตติกาลค่อนคืนดาษดื่นดาว
ในสายลมพัดพลิ้วทิวไม้ไหว
กิ่งก้านใบโอนเอนเล่นลมหนาว
เสียงเสียดสีนิ่งฟังยิ่งดังกราว
ทิวมะพร้าวแกว่งไกวตามสายลม
กลางหาดทรายพรายฟองละอองคลื่น
เสียงครืนครืนคลื่นเห่ทะเลถม
เหมือนนำความกลืนกล้ำช้ำระทม
ให้ทุกข์ตรมโถมทับจนยับเยิน
เพราะวันชื่นคืนหวานได้ผ่านพ้น
จึงหมองหม่นโอ้เอ๋ยอกกระหกระเหิน
สู่เส้นทางสายเก่าที่เขาเมิน
จำต้องเดินเปล่าเปลี่ยวเพียงเดียวดาย
ใต้แสงดาวในเสียงคลื่นช่างขื่นขม
คืนนี้ตรมหดหู่อยู่มิหาย
อยากทิ้งใจโศกสะอื้นกลางผืนทราย
แล้วฝังกายล้าแรงใต้แสงดาว
22 พฤศจิกายน 2549 15:07 น.
เรไร
โลกนี้ยังสดใสกว่าใจคิด
ความพลาดผิดเกิดทั่วอย่ามัวหมอง
ก็คงมีจาบัลย์ตามครรลอง
น้ำคงนองท้วมท้นล้นขอบตา
อันทุกข์ถมตรมตรอมอย่ายอมแพ้
อาจผันแปรเผลี่ยนไปในวันหน้า
อยู่ที่เราสัมผัสแรงศรัทธา
ปรารถนาสิ่งใดให้ตัวเอง
จะจ่อมจมกับอดีตที่กรีดลึก
ความรู้สึกร้าวระทมใครข่มเหง
อยู่อย่างจิตสะท้านเพราะหวั่นเกรง
กลัวต้องเคว้งต้องคว้างอย่างเมื่อวาน
เหมือนมีแอกแบกใส่ไว้บนบ่า
ลืมแล้วว่าความสุขสนุกสนาน
คิดแต่ตัวทุกข์ท้อทรมาน
มิปล่อยผ่านเศร้าสลดกลับจดจำ
โลกนี้ยังสดใสกว่าใจคิด
ขอเพียงปิดประตูสู่ความช้ำ
เอาความฝันที่มีคอยชี้นำ
แล้วเหยียบย่ำบนโลกแห่งโชคชะตา
21 พฤศจิกายน 2549 18:19 น.
เรไร
บางสิ่งค้างคาใจฉันใคร่รู้
ทนหดหู่เงียบเหงาเฝ้าคิดถึง
นั่งเหม่อลอยเช้าค่ำคอยคำนึง
เพ้อรำพึงมีไหมใครตอบความ
สมมุติว่าเราสองจะครองรัก
เพื่อประจักษ์แจ้งใจอยากไต่ถาม
พอจะเป็นสิ่งหวังดั่งนิยาม
เพียงตอบตามความคิดในจิตตน
หากว่าฉันกลัดกลุ้มใจรุ่มร้อน
เอื้ออาทรได้ไหมเป็นสายฝน
ที่ชุ่มเย็นฉ่ำชื่นรื่นกมล
คลายร้อนรนโศกศัลย์ได้บรรเทา
หากในยามค่ำคืนแสนขื่นขม
อกระทมโดดเดี่ยวเพราะเปลี่ยวเหงา
เป็นได้ไหมดุจเพื่อนเสมือนเงา
ที่คอยเฝ้าเคียงอยู่เป็นคู่ครอง
หากเมื่อสายลมหนาวได้พราวพัด
โบกสะพัดเหน็บหนาวร้าวหม่นหมอง
เป็นอ้อมกอดหัวใจที่ใฝ่ปอง
เหมือนเราสองโอบฝันปันอุ่นไอ
หากวาระสุดท้ายในชีวิต
เธอจะปิดตาสองของฉันไหม
ขอเพียงหลั่งน้ำตาด้วยอาลัย
ก่อนทิ้งให้ร่างฉันคืนสู่ผืนดิน