ตอนที่ 11
หนึ่งปีเต็ม...
ที่ไม่มีผู้หญิงชื่อรันชรีอยู่ให้ขวางหูขวางตา...
วันนี้เป็นวันที่แพรวพรรณมีความสุขที่สุด เธอยอมรับว่าแอบหลงรักโชคมานาน แต่เพราะเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก และบ้านใกล้กันเธอจึงปิดบังความรู้สึกนี้ไว้ และตลอดเวลาแพรวพรรณคิดเสมอว่ารันชรีคือเสี้ยนหนามแห่งความรักของเธอ แม้รันชรีกับโชคจะบอกว่าทั้งคู่เป็นเพื่อนกัน แต่ความสนิทสนมทำให้แพรวพรรณอดคิดไม่ได้ว่าจริงๆ แล้วทั้งคู่หาได้มีความรู้สึกเพียงแค่เพื่อน หากแต่ทั้งคู่ปิดกั้นความรู้สึกตนเองเอาไว้ โดยต่างฝ่ายต่างไม่บอกกันแต่แสดงออกโดยพฤติกรรมทุกอย่างที่เห็น จนทำให้เธอและอานนท์ต้องวางแผนให้กิตติเข้ามาแยกรันชรีออกจากโชค และมันก็สำเร็จไปอย่างสวยงาม
รันชรีถูกปลดออกจากตำแหน่งเพื่อนสนิทของโชคโดยถาวร และแน่นอนว่าตำแหน่งนั้นจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเธอ ซึ่งมันก็เป็นไปตามคาด นับตั้งแต่รันชรีหายตัวไป แพรวพรรณไปที่ร้านอาหารของโชคทุกวัน โดยมีอานนท์พ่วงไปด้วย เธอรู้ว่าโชคโกรธ เกลียด รันชรีมากเท่าใด มันจะยิ่งเพิ่มความสำคัญให้กับตัวเธอมากเท่านั้นบวกกับชายหนุ่มต้องไปดูแลมารดา แพรวพรรณจึงเข้ามามีบทบาทในชีวิตชายหนุ่มมากขึ้น
“โชคไม่ต้องห่วงนะ แพรวกับนนท์จะดูแลร้านให้อย่างดีเลยล่ะ” แพรวพรรณบอกกับชายหนุ่มเมื่อเขาต้องเดินทางไปหาผู้เป็นบุพการี
“เกรงใจจัง เราไปแค่สามวันแล้วจะรีบกลับมานะ” ชายหนุ่มเอ่ย
“ถ้าเกรงใจ โชคก็ให้แพรวหุ้นด้วยสิ จะได้ไม่ต้องคิดอะไรมาก” หญิงสาวยื่นข้อเสนอ
จะเพราะความเกรงใจแพรวพรรณ หรือเหตุผลอันใด โชคตัดสินใจให้แพรวพรรณร่วมหุ้นด้วย มันยิ่งทำให้แพรวพรรณพอใจมากขึ้นเพราะได้อยู่ใกล้ชายหนุ่ม ส่วนอานนท์นั้นหวังเพียงแต่เรื่องธุรกิจเท่านั้น เพราะแพรวพรรณสัญญาเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าหากเขาช่วยเหลือเธอ ตำแหน่งผู้จัดการสาขาใหม่ที่ห้างสรรพสินค้าต้องเป็นของเขาอย่างแน่นอน นับว่าทั้งแพรวพรรณและอานนท์ต่างก็สมหวังในสิ่งที่ต้องการกันทั้งคู่
แม้วันนี้อากาศจะร้อนอบอ้าว และมืดครื้มไปด้วยเมฆฝน แต่สำหรับแพรวพรรณแล้ว มันเป็นวันที่พิเศษที่สุด หลังจากที่รันชรีหายไปจากชีวิต โชคสนิทสนมกับเธอมากขึ้น จนพนักงานในร้านต่างก็ซุบซิบกันว่าเธอกับโชคเป็นแฟนกัน ซึ่งมันสร้างความพึงพอใจให้กับหญิงสาวไม่น้อย
วันนี้หญิงสาวนัดทานอาหารเย็นกับชายที่ตนหมายปอง เธอจัดการสั่งอาหารที่ชายหนุ่มชื่นชอบ และลงมือจัดโต๊ะอาหารด้วยตนเอง ภาพเธอกับโชคนั่งทานอาหารใต้แสงเทียนมันลอยอยู่ตรงหน้า อีกไม่นานหรอกความเป็นเพื่อนและหุ้นส่วนจะเป็นสะพานไปสู่ความรัก เธอเชื่อมั่นอย่างนั้น
เสียงบรรเลงจากเปียโน กังวานเบาๆ สายฝนเริ่มโปรยปราย มันยิ่งทวีความโรแมนติคสำหรับค่ำคืนนี้หนักหนา ตามเวลานัดโชคก้าวเท้าเข้ามาในร้าน ทันทีที่เขาได้ยินเสียงบรรเลงเพลงนั้น มันอดทำให้เขาคิดถึงเพื่อนคนหนึ่งไม่ได้ แต่เพียงวูบเดียวในความรู้สึก ความโกรธเคืองมันก็ได้ลบภาพเก่าๆ ทั้งหลายไปจนหมดสิ้นเสียแล้ว เขาไม่อยากจะคิดถึงผู้หญิงคนนี้อีกต่อไป แม้ความเป็นเพื่อนก็ไม่มีหลงเหลืออีกแล้ว
คืนนี้พนักงานในร้าน ต่างก็แอบมองแพรวพรรณด้วยสายตาชื่นชม เพราะปกติแพรวพรรณก็จัดว่าเป็นผู้หญิงสวยอยู่แล้ว แต่ในวันนี้ทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเจ้านายของพวกเขา สวยเป็นพิเศษ ทำเอาผู้เป็นเจ้านายยิ้มไม่หุบในคำเยินยอนั้น
ชุดเดรสสั้นสีฟ้าที่แขนมีระบายเล็กๆ นั้นมันพลิ้วไหวยามเมื่อต้องกับสายลม กลิ่นน้ำหอมแสนรัญจวนใจที่หญิงสาวเลือกสรรมาเป็นพิเศษสำหรับค่ำคืนนี้ เธอคิดว่ามันจะทำให้ชายหนุ่มประทับใจในตัวเธอไม่น้อย ทันทีที่ชายผู้เป็นที่รักก้าวเข้ามาในระยะสายตา หญิงสาวลุกขึ้นยืนและโบกมือพลางส่งเสียงเรียก เธอดูสดใสร่างเริงกว่าปกติ
แต่จู่ๆ ฝนเม็ดเล็กๆ ที่โปรยปรายอยู่ก่อน กลับทวีความรุนแรงขึ้นอย่างมหาศาล
...กระหน่ำหนักขึ้น...
...กัมปนาทของแผ่นฟ้าส่งเสียงกึกก้อง...
กลบเสียงเปียโนอันแสนนุ่มนวลนั้นจนหมดสิ้น
พรึบ.....ไฟทั่วทั้งร้านดับสนิท
คงเหลือเพียงแสงจากเทียนบนโต๊ะ และเทียนหอมบางมุมที่จุดไว้ภายในร้าน ฟ้าแลบแปลบปลาบทำให้หญิงสาวผู้กำลังเบิกบานนั้นมองเห็นใครบางคนอย่างไม่ถนัดตา
“รันชรี”
แพรวพรรณเอ่ยชื่อหญิงสาวโดยไม่รู้ตัว
ภาพของรันชรียืนอยู่กลางโถงของร้านอาหาร ดวงตาสีแดงก่ำ เนื้อตัวเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด สีแดงสดๆ ไหลออกมาจากแขนทั้งสองข้าง ลงถึงพื้นเป็นทางยาวไหลมาเรื่อยๆ จนถึงโต๊ะที่เธอนั่ง แพรวพรรณทำอะไรไม่ถูกได้แต่นั่งตัวแข็ง ตาค้าง หัวใจเต้นแรงจนไม่เป็นจังหวะ
หญิงสาวอยากตะโกนออกมาดังๆ แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้แม้กระทั่งขยับตัว โชคหายไปไหน ในร้านมีเพียงเธอคนเดียวเท่านั้น และรันชรี
“ช่วยด้วย ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยฉันที ฉันกลัว ช่วยด้วย”
เสียงตะโกนยังคงดังก้องอยู่แค่ในความคิด
“แพรวๆๆๆ เป็นอะไร กลัวฟ้าร้องเหรอ”
โชคเขย่าตัวหญิงสาว พร้อมกับถามไถ่หลังจากเห็นอากัปกิริยาของเพื่อนที่ดูเหมือนกำลังหวาดกลัว
“โชคช่วยแพรวด้วย รัน นังรันมันมาที่นี่...มันยืนอยู่ตรงนั้น”
แพรวพรรณร้องเสียงหลง และพูดเหมือนคนขาดสติ
ฝ่ายชายหลังจากจุดเทียนเพื่อเพิ่มความสว่างแล้ว เขาหันมองไปรอบๆ ร้าน พบแต่พนักงาน และลูกค้าอีกสามโต๊ะ ที่ขณะนี้กำลังมองมาที่แพรวพรรณเป็นสายตาเดียวกัน
“ว่าไงนะแพรว รันมาเหรอ อยู่ไหน ไม่เห็นมีเลย”
ทั้งโชคและพนักงานทุกคนต่างมองซ้ายขวาเพื่อตามหารันชรีที่แพรวพรรณพูดถึง
“นั่นไงมันยืนอยู่ตรงนั้น เลือดๆ มีแต่เลือดเต็มพื้นเลย” แพรวพรรณพูดและร้องไห้ฟูมฟายไปพร้อมๆ กัน
“ฉัน...กลับ...มา...แล้ว...”
ร่างอาบเลือดนั้นเอ่ยอย่างเชื่องช้า
“กรี๊ด!!!!”
เสียงแพรวพรรณกรีดร้องจนสุดเสียง
พรึบ...ไฟทุกดวงในร้านติดขึ้นพร้อมๆ กัน ภาพที่ทุกคนเห็นคือแพรวนั่งเอามือปิดหน้าปิดตาแล้วส่ายหัวไปมา ปากก็พูดแต่คำว่าออกไป ออกไป
พนักงานหญิงสามคนเข้ามาบีบแขนบีบขาผู้เป็นเจ้านาย พร้อมกับส่งยาดมให้
“โชค...แพรวกลัว เป็นรันจริงๆ นะ หรือว่ามันจะตายแล้ว ตัวมันมีแต่เลือด ออกไป ออกไป อย่าเข้ามานะ” ชายหนุ่มเห็นอากัปกิริยาเพื่อนแล้วรู้สึกเครียดขึ้นมาทันทีทันใด
“เราว่าแพรวตาฝาดมากกว่า ฝนตกหนัก ไฟดับ ฟ้าแลบ ก็เลยเห็นเงาต่างๆ ในร้านเท่านั้นเอง รันจะมาได้ยังไง เขาไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว ดูสิแพรว.. มีแต่ลูกค้าและพนักงานร้านเราทั้งนั้น” โชคพูดตามสิ่งที่เห็น
แพรวพรรณเงยหน้าขึ้นมาอย่างยากเย็น ใช้สายตากวาดไปรอบๆ ร้าน ก็มีเพียงแต่พนักงานเสิร์ฟและลูกค้าอย่างที่โชคว่าจริงๆหรือเธอจะตาฝาด
“หรือเราจะคิดมากไป” กังวานแห่งความคิดที่ดูเหมือนการหลอกตัวเอง
หญิงสาวเข้าไปสวมกอดชายหนุ่มไว้แน่น ทำให้ชายหนุ่มรับรู้ถึงความหวาดผวาของหญิงสาวจากเนื้อตัวที่สั่นเทา เขาใช้แขนอันแข็งแรงทั้งสองข้างโอบกอดหญิงสาวไว้ หวังให้ความรู้สึกนั้นเบาบางลงบ้าง หญิงสาวได้ทียิ่งกอดรัดชายหนุ่มให้แน่นยิ่งขึ้น และเอาใบหน้าสวยนั้นซุกไว้ในอ้อมอกของอีกฝ่ายไว้อย่างแนบแน่น