ตอนที่ 10
ตั้งแต่วันที่กิตติเรียกหญิงสาวว่ารันชรี เธอแทบจะไม่มีโอกาสได้พูดคุยกับกิตติอีกเลย และดูเหมือนเขาจะตั้งใจหลบหน้าเธอเสียด้วยซ้ำ แต่ทว่าการทำงานก็ยังดำเนินกันไปตามปกติ กระทั่งวันนี้หลังประชุมเสร็จ ชโลธรปล่อยให้ทุกคนทยอยออกจากห้องไปก่อน โดยเธอนำข้าวของของตนซ่อนไว้ใต้โต๊ะแล้วนำพาตัวเองไปหลบอยู่ข้างตู้เอกสาร จนเหลือกิตติเพียงคนเดียวในห้อง เธอจึงก้าวออกมาจากที่ซ่อน
“คุณรู้จักคุณรัน”ฝ่ายผู้ถูกถามอึ้งไปชั่วขณะ
ไม่มีคำตอบใดๆ จากผู้ถูกถาม หญิงสาวสืบเท้าเข้าใกล้เขา
“ไม่จำเป็นที่ผมจะต้องตอบคุณ”
“คุณไม่รู้สึกผิดบ้างเลยหรือ ที่ทำกับคนที่รักคุณได้ถึงเพียงนั้น” หญิงสาวยังพูดไม่หยุด
ผู้มีตำแหน่งเป็นหัวหน้าถึงกับชะงักในประโยคนี้ เขาพยายามรวบรวมสติ แล้วรวบรวมเอกสารพร้อมกับอาการรีบเร่งที่จะออกจากห้องประชุมนี้ แต่ทว่าอีกฝ่ายหนึ่งรีบเดินตาม
“คุณรู้จักเธอ คุณรู้จักคุณรันดีกว่าดิฉัน แล้วตอนนี้คุณก็อยากรู้ใช่ไหมว่าคุณรันอยู่ที่ไหน”
ราวกับมีอะไรมาฉุดขาเขาไว้ กิตติชะงักเท้าเมื่อชโลธรเอ่ยในสิ่งที่เขากำลังต้องการคำตอบอยู่เช่นกัน
ไม่มีคำพูดใดๆ หลุดจากปากเขา เขาเพียงหยุดแล้วหันมามองหญิงสาวผู้อยู่เบื้องหลัง เขาจ้องตาเธอเขม็งเหมือนจะจับโกหกเด็ก ทำเอาหญิงสาวที่เดินตามมาด้านหลังถึงกลับหยุดนิ่งเช่นเดียวกัน
“ผมบอกให้คุณไปทำงาน ผมก็มีงานที่ต้องทำอีกมาก” เขาเดินไปอย่างรีบเร่งภายในใจตอนนี้มันกลับร้อนรนเหมือนไฟกำลังเผาผลาญ
“รันชรี คุณเป็นอะไรกับเด็กคนนั้น ?
เด็กคนนั้นรู้จักคุณ?
แล้วเรื่องของเรา เธอจะรู้หรือเปล่า?”
คำถามที่เพิ่งเกิดขึ้นของกิตติ
.........................................................................................................................
หลังประชุมเสร็จสิ้น หญิงสาวไม่มีชั่วโมงการอบรมต่อ เธอจึงแยกตัวกลับมาบ้านพักก่อน เธอเลือกเก้าอี้โยกริมน้ำเป็นแหล่งพักพิงกายยามบ่ายของวัน เธอครุ่นคิดอยู่หลายครั้งว่าทำเช่นไรเธอถึงจะล่วงรู้เรื่องราวของรันชรีต่อไปได้โดยไม่ต้องพึ่งพาการฝัน เธอหวนนึกถึงคำพูดของพระชราเกี่ยวกับการนั่งสมาธิ หลังจากที่เธอไปทำบุญให้กับหญิงสาวผู้ทุกข์ระทม เธอก็เดินทางมาเมืองนี้ทันที จึงไม่มีเวลาสำหรับการนั่งสมาธิ
หญิงสาวลุกขึ้นจากเก้าอี้โยก และลงนั่งขัดสมาธิกับพื้นไม้นั้น เธอส่งกระแสจิตไปยังหญิงสาวผู้ทุกข์ระทม ค่อยๆ ผ่อนลมหายใจเข้าออกอย่างช้าๆ ภาวนาพุทธ โธ อยู่ในใจ ซึ่งมันก็ได้ผล จิตเธอนิ่งพอๆ ที่จะเห็นสิ่งที่เธอต้องการรู้โดยไม่ต้องหลับฝันเหมือนทุกครั้ง
ภาพของรันชรีไขกุญแจเข้าไปในบ้านด้วยใบหน้าที่เศร้าหมอง ดวงตาคู่นั้นยังคงชื้นไปด้วยน้ำตา ลูกบิดถูกหมุนและประตูถูกเปิดออก มันเป็นบ้านหลังเดียวกับที่เธออยู่อาศัยในขณะนี้ หญิงสาวเปิดประตูห้องนอน แต่ทว่าภายในกลับพบแต่ห้องโล่ง เธอเดินเข้าไปเปิดตู้เสื้อผ้า สิ่งที่พบมีเพียงความว่างเปล่า แล้วทรุดลงนั่งข้างๆ เตียงอย่างหมดเรี่ยวแรง พร้อมกับสายธารแห่งน้ำตา ที่บัดนี้มันหลั่งไหลออกมาเหมือนแม่น้ำหลายสายมารวมกัน
หญิงสาวเดินไปรอบๆ บ้านและออกมานั่งอยู่ตรงที่เก้าอี้โยกตัวใหญ่นี้ เธอใช้มืออันเรียวเล็กนั้นปาดน้ำตาอีกครั้ง
“คุณอยู่ไหนค่ะ กิตติ คุณทิ้งรันไปแล้วหรือ”
แน่นอนว่ารันชรีเคยมาที่นี่ เพราะครั้งหนึ่งกิตติเคยใช้ที่นี่เป็นที่พัก มันคงจะเป็นเหตุการณ์หลังจากที่โชครู้ว่ารันชรีเอาเงินของร้านไปให้กิตติ เธอคงจะมาตามหากิตติที่บ้านพัก แต่ก็พบกับความว่างเปล่า
หญิงสาวร้องไห้โฮราวกับคนเสียสติ
กลุ่มควันสีขาวขุ่นลอยอบอวลอยู่ในอากาศแล้วค่อยๆ จางออกไป แต่ภาพเบื้องหน้ากลับกลายเป็นร้านอาหารแห่งนั้น โดยมีแพรวพรรณกำลังยื่นเอกสารบางอย่างให้รันชรี
“รัน นี่คือข้อเสนอที่โชคให้เธอ” รันชรีรับกระดาษจากมือแพรวพรรณขึ้นมาอ่าน
“หุ้นที่แกลงมากับฉันถือซะว่าเป็นเงินที่แกยักยอกไป ฉันจะไม่อยู่สามวัน หวังว่าเมื่อกลับมาแล้วคงจะไม่เจอแกอยู่ที่นี่”
แน่นอนว่ามันคือลายมือของโชคไม่ผิดไม่เพี้ยน เหมือนมีก้อนอะไรมาจุกที่คอหอย โชคไม่รับฟังคำอธิบายใดๆ จากเธอเลย เธอคิดไว้ว่าจะเอาบ้านไปจำนองกับธนาคารแล้วเอาเงินมาคืนโชค แต่วันนี้เหตุการณ์ทุกอย่างมันเลวร้ายกว่าที่เธอคาดคิดไว้
“กลับไปซะหมดเวลาของแกแล้ว” แพรวพรรณพูดด้วยน้ำเสียงเข้มและเย้ยหยัน
แล้วกลุ่มหมอกควันนั้นก็เข้ามากลบกลืนสายตาของหญิงสาวผู้อยู่ในสมาธิอีกครั้งหนึ่ง แต่แล้วก็มีภาพใหม่เข้ามาอย่างลางเลือน แล้วค่อยๆ ชัดขึ้นๆ จนเธอมองได้ถนัดตา
รัชรีมองดูไปรอบๆ บ้าน
บ้านร้างหลังนั้น บ้านของรันชรี
ภาพแห่งความทรงจำต่างๆ นานา มันผุดขึ้นมา โดยยากที่จะควบคุมในงานเลี้ยงส่ง ภาพเธอและโชคช่วยกันล้างบ่อปลา ไปจนถึงภาพของกิตติชายคนที่เธอรักและเป็นชายคนเดียวที่ทำให้ชีวิตของเธอต้องมาตกอยู่ในสภาพเช่นนี้
“ทำไม ต้องทำกับฉันแบบนี้”
เสียงของหญิงสาวกรีดก้อง พร้อมกับน้ำตาที่ไหลอาบใบหน้า
หญิงสาวพาตัวเองเข้ามายังห้องนอน ห้องที่เธอและชายคนรักเคยมีความสุขด้วยกัน แต่บัดนี้มีเพียงความทรงจำอันแสนเลวร้ายที่ตามติดเธอทุกวินาทีของลมหายใจ
ยานอนหลับหลายร้อยเม็ดถูกวางไว้ตรงหน้า น้ำตาไหลนอง ภาพคนหลายคนผลัดเปลี่ยนกันเข้ามาในมโนภาพ
“รักมากก็แค้นมา เพื่อนรัก ความสัมพันธ์ที่ถูกคมมีดของเงินตัดจนขาดสะบั้น เงินตัวเดียวเท่านั้นที่สามารถซื้อได้ทุกอย่างแม้กระทั่งมิตรภาพ เพื่อนที่บอกว่าจะไม่ทิ้งกัน”มีดปลายแหลมเล็กบักลงบนรูปโชคที่ยืนเขียงค้างเธอในวันรับปริญญาบัตร
“และพวกแก เพื่อนที่ไม่เคยหวังดีเลยจริงๆ การจากไปของฉันครั้งนี้ เพราะฉันไม่มีทางสู้ วันนี้พวกแกทำกับฉันได้ แต่ฉันจะไม่เป็นฝ่ายถูกกระทำอย่างเดียว รับรองฉันจะไม่มีวันปล่อยพวกแกได้เด็ดขาด”
ปลายแหลมของมีดครั้งที่สองถูกปักที่รูปถ่ายหมู่ในวันทำบุญร้านอาหาร
“สำหรับแก ไอ้คนไม่มีหัวใจ หลอกลวงได้แม้แต่คนที่รักแกที่สุด แกต้องอยู่กับฉันคนเดียวเท่านั้น”
คราวนี้คมมีดถูกกรีดไปที่ข้อมือของหญิงสาว เลือดสีแดงสดๆ ไหลออกมา หยดลงบนรูปชายผู้หนึ่งที่เธอจ้องตาไม่กะพริบ
ความคิดที่ไม่ได้เล็ดลอดออกมาเป็นคำพูด ถูกบรรยายในความรู้สึกของผู้พ่ายแพ้ในขณะนี้ เสียงกรีดร้องมันช่างบาดลึกเข้าไปในทุกอณูของความรู้สึก
เม็ดยานอนหลับนับร้อยเม็ดถูกกรอกเข้าไปในร่างกายของหญิงสาว เธอนั่งอยู่บนเตียงอันนุ่มนิ่มนั้น ด้วยอาการสะลืมสะลือ แต่สิ่งเดียวที่ยังดำเนินไปไม่หยุดคือน้ำตาที่ไหลออกมาอย่างไม่ขาดสาย มีดถูกกรีดไปที่ข้อมือซ้ำแล้วซ้ำเล่า เลือดสีแดงสดทะลักออกมาจากเส้นเลือดใหญ่ ส่งกลิ่นคาวคละคลุ้งไปทั่วห้อง แต่ทว่าหญิงสาวกลับไม่มีความรู้สึกใดๆ ทั้งสิ้น คงมีเพียงน้ำตาเท่านั้นที่ไหลรินอาบใบหน้าคู่กับเลือดที่ทะลักออกมาจากข้อมืออย่างไม่ขาดสาย เตียงขนาดใหญ่นั้นอาบไปด้วยสีแดงฉานของเลือดสดๆ กำลังทะลักออกมาจากข้อมือเล็กๆ ของเธอ
บัดนี้เปลือกตาของหญิงสาวหนักอึ้งไปทุกทีๆ ภาพทุกอย่างค่อยเลือนไปทีละน้อยๆ แต่ทว่าฤทธิ์ยาไม่อาจทำให้ดวงตาบอบช้ำคู่นั้นปิดลงได้ ดวงตาของเธอยังคงเบิกโพลงอยู่เช่นนั้น ใครจะรู้ได้บ้างว่ายังมีภาพหนึ่งที่คงค้างอยู่ในดวงตาภาพของเธอกับโชคในวันรับปริญญาบัตร
“ระหว่างเราคงไม่ต้องมีอะไรพูดกันมากมายกว่านี้นะรัน ขอให้แกรับรู้ไว้ว่าเราคือเพื่อนกัน ฉันจะไม่มีวันทิ้งแกเด็ดขาด”
สลับกับภาพเธอในอ้อมกอดของเขา
“ผมรักคุณมาก คุณรอผมนะที่รัก” แล้วความมืดก็เข้ามาแทนที่ทุกอย่าง
“ฉันจะไม่มีวันให้อภัยทุกคนที่ทำกับฉันไว้” วาระจิตสุดท้ายก่อนลมหายใจอันรวยระรินนั้นจะสงบเงียบไป คงเหลือเพียงดวงตาอันเจ็บช้ำนั้นที่ยังคงเบิกโพลงอยู่เช่นนั้น
ดวงตาของผู้อยู่ในสมาธิ ค่อยๆ เปิดขึ้น พร้อมกับน้ำตาหยดใสๆ ที่กำลังไหลรินจากดวงตาทั้งสอง โดยไม่คาดคิดว่าการทำสมาธิครั้งแรกของเธอ จะนำพาเธอไปพบเหตุการณ์อันสุดสะเทือนใจได้
“โถ คุณรัน คุณช่างเป็นผู้หญิงที่โชคร้ายจริงๆ คุณคงทรมานมากสินะ ชโลธรถอนหายใจ พร้อมกับจินตนาการไปถึงความรู้สึกของหญิงสาวผู้เคราะห์ร้ายในวินาทีปลิดชีวิตตนเอง”
หญิงสาวนั่งกล่าวบทสวดภาษาบาลี เพื่อแผ่เมตตาไปให้เธอผู้ทุกข์ระทมคนนั้น
เหมือนพลังงานมหาศาลพุ่งมาสู่หญิงสาวผู้เฝ้ามองนั้น ใบหน้าซีดเซียวยิ้มรับกับสิ่งที่ได้รับ
“จิตเธอสูงมาก ขอบคุณสำหรับสิ่งที่เธอให้ฉันมา”
หญิงสาวเอื้อมไปแตะที่แขนของชโลธร หากแต่ว่าผู้ถูกสัมผัสนั้นหาได้รู้สึกใดๆ ไม่