Home บ้านรักในรอยแค้น ตอนที่ 3

สมภพ แจ่มจันทร์

ตอนที่ 3

บรรยากาศบนโต๊ะอาหารในค่ำคืนนี้ มันช่างดูอึดอัดเหลือเกิน ชายหญิงคู่นั้นบนโต๊ะอาหาร ต่างจ้องมองหน้ากันด้วยแววตาสับสน อาหารบนโต๊ะไม่มีจานใดพร่องลงไปเลย

“ประวิทย์ค่ะ มนถามคุณตรงๆ นะคะ คุณมีอะไรที่ปิดบังมนอยู่หรือเปล่า” ฝ่ายภรรยาเอ่ยปากถามก่อน

“อันนี้ผมควรจะถามคุณมากกว่า คุณต่างหากที่มีอะไรปิดบังผม แล้ววันนี้ใครรับโทรศัพท์คุณ”

น้ำเสียงของฝ่ายสามีเริ่มดังขึ้นๆ แววตาที่โกรธเกรี้ยวนั้นมองไปที่ภรรยาสาวเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อแม้ว่าหญิงสาวจะอธิบายและเล่าเรื่องราวต่างๆ ตามจริง แต่ทว่าผู้เป็นสามีกลับส่งรอยยิ้มที่มุมปากกลับคืนมาให้

“ผมไม่เชื่อ คุณโกหก คุณมีคนอื่นนอกจากผม บอกผมมาสิ ว่าคุณกำลังนอกใจผม”

“มันจะมากเกินไปแล้วนะ คุณมีสิทธิ์อะไรมาใส่ร้ายมนแบบนี้ แล้วคุณล่ะ คุณกล้าพูดหรือเปล่าว่าคุณเองยังซื่อสัตย์กับมนอยู่”ภาพประวิทย์และหญิงคนนั้นผุดขึ้นมากลางอากาศ แม้ว่ามันจะเป็นแค่ความฝัน แต่จากพฤติกรรมของประวิทย์ที่หาเรื่องเธอ มันยิ่งสนับสนุนให้เธอคิดว่า เสียงประหลาดนั้นเป็นเสียงเตือนจากผู้หวังดี และการที่เธอฝันเห็นเรื่องราวต่างๆ นั้น เป็นลางบอกเหตุให้เธอระวังภัยที่กำลังจะมาถึง

คราวนี้หญิงสาวตอบกลับด้วยอารมณ์รุนแรงเช่นกัน ไม่พูดเปล่าเธอขว้างช้อนที่อยู่ในมือใส่หน้าผู้เป็นสามี

“ผมไม่เคยมีใครนอกจากคุณ คุณต่างหากที่นอกใจผม และสิ่งที่คุณกำลังทำนี่มันก็เกินไปแล้ว คุณหัดเป็นคนแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ เพราะคุณเบื่อผมใช่ไหม” แทนคำตอบหญิงสาวเดินเลี่ยงออกไปหลังบ้าน

ส่วนผู้เป็นสามีเดินออกไปด้านหน้าบ้าน เพื่อหวังว่าอารมณ์ที่กำลังประทุอยู่นี้จะเบาบางลงบ้าง เวลาผ่านไป เกือบชั่วโมง ทั้งคู่ตกอยู่ในภวังค์แห่งความหวาดระแวงซึ่งกันและกัน เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นของมนทิราแว่วมาจากหลังบ้าน หรือเขาจะคิดไปเองอย่างที่เธอบอก เธออาจจะไม่มีใครก็เป็นได้ แวบหนึ่งในความคิด

“มนทิรากำลังมีคนอื่น อย่าไปเชื่อ อย่าใจอ่อน” เสียงกระซิบนั้นอยู่ที่ข้างหูของชายหนุ่มเขามองเข้าไปในบ้านอย่างครุ่นคิด

“เธอออกไปดูสิ ผู้หญิงคนใหม่ของเขา กำลังมาที่นี่ สามีเธอกำลังจะไปจากเธอ” เสียงกระซิบแผ่วเบาบอกมนทิราขณะที่นั่งอยู่หลังบ้าน ไม่รอช้าเธอค่อยๆ สืบเท้าไปด้านนอกมีเสียงคนคุยกันจริงๆ แน่นอนว่าเสียงผู้ชายนั้นเป็นเสียงของสามีเธอ แต่เสียงผู้หญิงนั้นเล่าเป็นเสียงของใคร มนทิราพยายามเดินให้เสียงเบาที่สุด เธอแอบอยู่หลังทีวีจอใหญ่เพื่อฟังการสนทนาของทั้งสอง

“คุณมาได้อย่างไรที่รัก” ประวิทย์เอ่ยถามหญิงสาวนิรนามผู้นั้นพร้อมกับที่หญิงสาวกำลังโถมร่างเข้ากอดรัดผู้เป็นสามีของเธอ มนทิราแอบมองด้วยสายตาที่รวดร้าว เหมือนคมมีดสักล้านใบมากรีดซ้ำๆ ที่หัวใจ

“ฉันคิดถึงคุณ จนทนไม่ไหวอยู่แล้ว”

“ผมก็คิดถึงคุณเหมือนกัน ผมอยากไปจากที่นี่ ผมก็สุดที่จะทนอยู่กับผู้หญิงคนนั้นแล้ว”

ลมหายใจของผู้เป็นภรรยาเกือบจะหยุดลงในวินาทีนั้น พวกเขารักกันมากถึงขั้นตามมาหากันถึงบ้านเชียวหรือ ประวิทย์สามีสุดที่รักทำไมทำกับคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นภรรยาได้ถึงเพียงนี้ มันไม่ยุติธรรมสำหรับเธอเลย เธอซื่อสัตย์กับสามีมาตลอด ตั้งแต่คบหากันเป็นแฟนกระทั่งตอนที่แต่งงานกันแล้ว ในใจเธอก็มีเพียงเขาคนเดียวเท่านั้น แต่นี่เขากำลังนอกใจเธอ กำลังเหยียบย่ำความรักของเธอ น้ำตาหยดแรกเริ่มหลั่งรินแล้วหยาดหยดต่อมาก็อาบไหลเอ่ออาบดวงตาทั้งสองของผู้เฝ้ามอง เรี่ยวแรงทั้งหมดเหมือนถูกแม่เหล็กดูดไปจนหมดสิ้น นี่เธอจะทำเช่นไร หากเขาไปกับผู้หญิงคนนั้นจริงๆ

ลมด้านนอกพัดโชยมา ทำให้อารมณ์ที่คุกรุ่นไปด้วยไฟแห่งความโกรธเคืองเบาบางลงมาก เขาคงจะคิดมากไปเองอย่างที่ภรรยากบอกก็เป็นได้ วินาทีหนึ่งในความคิด เขาควรจะเข้าไปขอโทษเธอเสีย เพราะอย่างไรเธอก็ยังเป็นผู้หญิงที่เขารักมากที่สุด เขาตัดสินใจเข้าไปในบ้านอีกครั้งหนึ่ง แต่ทว่าเสียงแห่งการสนทนาของผู้เป็นภรรยา กลับกระแทกใจเขาเข้าอย่างจัง

“คุณมารับมนได้ไหมคะ มนอยากไปจากบ้านหลังนี้ มนอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ไหวแล้ว” เสียงภรรยาเขาจริงแท้แน่นอน

แล้วภรรยาเขาคุยกับใคร?

“มนรักคุณ รักคุณคนเดียว มนเบื่อเขาเหลือเกิน คุณมารับมนตอนนี้ได้ไหม มนจะเก็บเสื้อผ้ารอนะคะ”

นี่ภรรยาเขากำลังจะหนีตามชายชู้อย่างนั้นหรือ

เขายอมไม่ได้ มันหยามกันถึงเพียงนี้หรือ นัดแนะชายชู้ให้มารับ

น้ำตาของลูกผู้ชายหลั่งรินโดยที่เขาไม่รู้เนื้อรู้ตัว

“มน คุณทำอย่างนี้ได้อย่างไร คุณเห็นผมโง่นักหรือ ถึงนัดชายชู้ให้มารับกันถึงบ้าน” ประวิทย์ระเบิดคำพูดใส่ภรรยาอย่างยั้งไม่อยู่

มนทิราลุกพรวดขึ้นจากด้านหลังของทีวีจอใหญ่ เธอเอ่ยพร้อมน้ำตานองหน้า

“แล้วทีคุณล่ะจะเรียกว่าอะไร มาหากันถึงที่ ออดอ้อนกันในบ้านของเรา คุณทำถูกแล้วหรือ” มนทิราเอ่ยสวนไปทันที

ประวิทย์คว้าข้อมือของภรรยา ก่อนที่เธอจะพาตัวขึ้นไปยังชั้นสองของบ้าน

“ผมไม่ให้คุณไปไหนทั้งนั้น คุณต้องอยู่กับผม” ว่าแล้วประวิทย์ก็ดึงแขนภรรยาเข้าไปในห้องนอน

บัดนี้เขาคือคนใหม่ ที่มนทิราไม่เคยรู้จักมาก่อน ทั้งสีหน้า แววตา การกระทำ ที่ไม่ใช่ประวิทย์คนเดิม ก็แน่ละสิ เขาไม่ใช่คนเดิม เพราะเขาไปมีคนใหม่แล้ว ที่กล้าพามาเย้ยเธอถึงบ้าน คิดแล้วมนทิราก็สลัดข้อมืออย่างแรง จนหลุดจากการควบคุมของผู้เป็นสามี

ชายหนุ่มตรงเข้ายื้อยุดฉุดกระชากหญิงสาว ในวินาทีนั้นเองเพื่อหยุดทุกอย่าง ประวิทย์ตัดสินใจใช้ฝ่ามือของเขาประทับไปอย่างแรงที่ใบหน้าของผู้เป็นภรรยา

“คุณตบหน้ามน” หญิงสาวใช้มือเรียวเล็กนั้นกุมที่แก้มซ้ายของตนเองความเจ็บแค้นที่สามีนอกใจบวกกับความเจ็บใจที่ถูกสามีทำร้าย หญิงสาวใช้กำปั้นเล็กๆ ของตนนั้นทุบไปที่สามีนับครั้งไม่ถ้วน ปากก็ร้องเอะอะโวยวายถึงแต่เรื่องผู้หญิงคนนั้น หญิงสาวกำลังจากกระโจนออกจากห้องไป แต่ทว่าชายหนุ่มใช้มือทั้งสองคว้าร่างนั้นไว้ทัน เขาตัดสินใจใช้กำปั้นกระซวกไปที่ท้องน้อยของผู้เป็นภรรยา

“ผมไม่มีวันให้คุณหนีไปกับชู้หรอก คุณต้องอยู่กับผมที่นี่” ว่าแล้วชายหนุ่มเหวี่ยงร่างผู้เป็นภรรยา ไปอีกมุมหนึ่งของห้อง

มนทิราลงไปกองอยู่ที่พื้น เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นปนมากับเสียงแห่งความเจ็บปวด มือทั้งสองข้างกุมท้องของตนเองไว้ ใบหน้าที่บ่งบอกถึงความเจ็บปวดทั้งกายและใจวินาทีนั้นเอง ประวิทย์เริ่มมองหาเชือก

เขาต้องมัดหล่อนไว้ เพื่อไม่ให้หล่อนไปกับใครอื่นได้

ประวิทย์เปิดตู้เสื้อผ้าเพื่อค้นหาวัตถุที่จะสามารถพันธนาการภรรยาตนไว้ได้ แต่ในวินาทีนั้นมนทิราพยายามรวบรวมกำลังทั้งหมดที่มีอยู่ เธอเอื้อมมือไปหยิบโคมไฟที่หัวเตียง และทุ่มไปสุดแรงที่ศีรษะของผู้เป็นสามี

ร่างของประวิทย์ล้มลง ของเหลวอุ่นๆ สีแดงหยดลงบนพื้น ประวิทย์ใช้มือข้างหนึ่งจับไปที่ศีรษะ นี่มนทิราเกลียดเขาถึงเพียงนี้หรือ แค่ความคิดนี้มันก็เจ็บแปลบมากกว่าบาดแผลบนศีรษะในขณะนี้เป็นร้อยเท่าไม่รอช้า เขาย่างสามขุมไปที่หญิงสาวแล้วใช้มือทั้งสองบีบไปที่ลำคอ ปากก็พร่ำพูดเรื่องที่หญิงสาวกำลังจะหนีตามชายชู้

“คุณไม่มีวันหนีไปกับมันได้หรอก คุณต้องอยู่กับผมที่นี่”

“เราจะตายไม่ได้ ถ้าเราตายประวิทย์กับผู้หญิงคนนั้น ต้องมาอยู่ในบ้านหลังนี้ ชาติชั่วทั้งหญิงและชาย”

กังวานหนึ่งในความคิดของผู้เป็นภรรยา หญิงสาวเอื้อมมือไปหยิบเศษกระเบื้องจากโคมไฟที่ตกอยู่เกลื่อนพื้น แล้วปักลงไปที่ต้นคอของผู้เป็นสามีสุดแรงเกิด

ร่างของประวิทย์ล้มลงอีกครั้ง มนทิราพรวดลุกขึ้นมาทันทีแล้ววิ่งออกจากห้อง โดยมีประวิทย์กระเสือกกระสนลุกขึ้นและตามมาด้วยร่างที่อาบโชคไปด้วยเลือด มนทิราเลือกจะวิ่งไปที่ห้องครัวเพราะที่นั่นมีอาวุธที่เธอสามารถจะนำมาใช้ป้องกันตัวจากสามีที่บัดนี้กำลังจะเป็นฆาตกรคร่าชีวิตเธอ

“คุณเห็นมันดีกว่าผม ถึงขนาดทำร้ายผมได้เพียงนี้เชียวหรือ” ประวิทย์ตามลงมาชั้นล่าง เขาจ้องภรรยาแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

“คุณต่างหากล่ะ ที่พาผู้หญิงคนนั้นเข้ามา และกำลังจะเข้ามาแทนที่มน คุณผิดต่อมน แล้วคุณก็เป็นฝ่ายทำร้ายมนก่อน”

พลันนั้นเอง ร่างหญิงสาวคนใหม่ของสามีก็ก้าวย่างเข้ามาในบ้าน พร้อมกับรอยยิ้มหยันๆ

“ฉันชนะเธอแล้ว ประวิทย์เขาเลือกฉัน”

สุดที่จะทนต่อไป เขาโกหกเธอซึ่งๆ หน้า ปากก็บอกว่าไม่มีใคร แต่ก็พาหญิงคนใหม่มาเย้ยกันถึงบ้าน

“อย่าอยู่เลย พวกแก ชายโฉดหญิงชั่ว” มนทิราตะโกนไปสุดเสียง เธอก้าวเข้าไปหาผู้เป็นสามีในมือถือมีดทำครัวอันคมกริบ ประวิทย์เห็นอยู่ว่ามนทิรากำลังจะทำอะไร แต่ทว่าบัดนี้ร่างกายเขา เหมือนถูกตรึงไว้ เขาไม่สามารถขยับร่างกายได้ มีเพียงเสียงคมมีดปะทะกับผิวหนังของเขาเท่านั้น ที่ดังกึกก้องอยู่ในเสี้ยววินาทีนี้

มนทิราปักมีดอันคมกริบนั้นลงที่ท้องของผู้เป็นสามี เธอกระหน่ำคมมีดซ้ำไปอีกสองสามแห่ง พลางส่ายสายตามองหาหญิงคนนั้น เธอจะไม่ปล่อยให้ผู้หญิงคนนั้นออกจากบ้านไปเด็ดขาด

ประวิทย์นอนหายใจรวยระรินจมกองเลือดอยู่ในครัว เขาได้แต่มองตามภรรยาที่บัดนี้กำลังเดินไปหาชายชู้ที่เปิดประตูเข้ามาจากด้านหน้าบ้าน

มนทิราภรรยาสุดที่รัก ผู้ที่จงใจคร่าลมหายใจของเขาเพื่อแลกกับการหนีตามชายชู้ไป ความเจ็บจากบาดแผลหาได้มีผลใดๆ กับเขาไม่ คงมีเพียงแต่ความเจ็บในใจเท่านั้นที่บัดนี้มันบาดลึกๆ เข้าไปทุกทีๆ ภาพคนทั้งสองสวมกอดกัน มนทิราหันมายิ้มหยันๆ ให้กับเขา แล้วจูงมือชายชู้เดินเข้ามาในบ้าน

ชั่วอึดใจนั้นเองนั้นเอง

ประวิทย์รวมรวมแรงสุดท้ายที่เหลืออยู่ ดึงมีดออกจากหน้าอก ลิ่มเลือดทะลักออกมา ทั้งจากบาดแผลที่ศีรษะ ที่ต้นคอ และที่ท้องอีกหลายแผล ส่งกลิ่นคาวคละคลุ้งไปทั่วบ้าน เขาจะไม่ปล่อยให้มนทิราไปมีความสุขกับชายชู้เด็ดขาด

ร่างภรรยาสุดที่รักกำลังจะก้าวผ่านเขาไปยังชั้นสอง เขาใช้มือดึงที่ข้อเท้าเธอสุดกำลัง ร่างของหญิงสาวล้มลงในทันที ศีรษะของเธอกระแทกพื้นเสียงดังปั๊กตามด้วยเสียงข้าวของหล่นลงพื้น

“ผมไม่ปล่อยให้คุณหนีไปมีความสุขกับไอ้ผู้ชายคนนั้นหรอกมน คุณต้องอยู่ที่นี่”

เท่านั้นชายหนุ่มก็ใช้มีดในมือปักลงที่กลางหลังของหญิงสาว มนทิราสะดุ้งเฮือก บัดนี้เธอรู้สึกชาที่แผ่นหลัง พยายามดิ้นรนเพื่อให้หลุดพ้นจากชายผู้ไม่ซื่อสัตย์กับเธอ

ประวิทย์พยายามยันกายให้ลุกขึ้น เพื่อนำพาร่างกายเขาไปใกล้มนทิราให้มากที่สุด แต่ทว่าชายชู้นั้นกลับกำลังจะดึงร่างของมนทิราออกไป เขาตัดสินใจฝังคมมีดนั้นลงไปที่ขาของเธอ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เสียงมนทิรากรีดร้องด้วยความเจ็บปวด บัดนี้ประวิทย์ขยับร่างไปจนถึงภรรยาแล้ว เขาใช้มือดึงข้อมือเธอไว้อีกครา

“มน คุณต้องอยู่กับผม”พูดไปลิ่มเลือดก็ทะลักออกมาจากปาก

มนทิราหมดเรี่ยวแรงจะขัดขืนต่อไป ได้แต่ปล่อยให้ทุกอย่างดำเนินไปโดยไร้การควบคุม

ประวิทย์จับตัวหล่อนให้นอนหงาย เขาคลานเข้าไปหาเธออย่างยากเย็น เป็นเพราะพิษบาดแผลที่มนทิราฝากฝังเอาไว้ มือขวาใช้ยันกายให้ลุกขึ้น มือซ้ายกำมีดมรณะไว้แน่น

มนทิราหายใจแผ่วเบา บัดนี้เลือดสดๆ ทะลักออกมาจากแผ่นหลังของเธออย่างหยุดไม่อยู่ และบาดแผลอีกนับไม่ถ้วนที่ต้นขายาวลงไปถึงน่องเรียวงามของเธอ เปลือกตาค่อยๆ ลืมขึ้น ภาพของหญิงสาวคนนั้นกำลังพยุงประวิทย์ให้ลุกขึ้น

“แกมันโง่ ประวิทย์ต้องเป็นของฉัน” ตามด้วยเสียงหัวเราะ

แต่ทว่าในความเป็นจริง บัดนี้ประวิทย์กำลังนอนหายใจรวยระริน บาดแผลนับไม่ถ้วนกำลังถ่ายเทเลือดในกายของเขาให้ออกมานองพื้น เขาเริ่มรู้สึกหนาวสะบั้นไปทั้งตัว ความรู้สึกนี้มันช่างไม่ต่างกับมนทิราแม้แต่น้อย บาดแผลที่สามีมอบให้แก่เธอนั้น มันไปตัดเอาเส้นเลือดใหญ่ทำให้เลือดของเธอไหลออกมามาก ในเวลาอันรวดเร็ว เธอทั้งหนาวและสะท้านไปทั่วทั้งตัว ผู้เป็นภรรยาชายตามองไปข้างกาย เห็นแต่ประวิทย์นอนอยู่ข้างๆ ซึ่งเขาก็ชำเลืองมองเธออยู่เช่นกัน

สายตาทั้งสองประสานกัน บ่งบอกอะไรบางอย่างที่ทั้งคู่ไม่สามารถจะสื่อสารเป็นภาษาได้แล้วในบัดนี้ ภายในบ้านไม่มีใครนอกจากคนทั้งสอง

และแล้ว

“ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ”

เสียงหัวเราะนั้น

ภาพหญิงใบหน้าซีดเซียวเนื้อตัวเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด ปรากฏอยู่ปลายเท้าคนทั้งคู่ ร่างๆ นั้นค่อยๆ นั่งลงช้าๆ แล้วยื่นใบหน้าใกล้เข้าๆ ทำให้มองเห็นหยดเลือดที่กำลังไหลรินออกมาจากดวงตาทั้งสอง ตามด้วยเสียงสะอึกสะอื้น จากนั้นจึงเปลี่ยนเป็นเสียงกรีดร้องอย่างโหยหวน

“ฉันเกลียดความรัก ฉันเกลียดทุกคนที่มีความรัก”

“พวกแกต้องตาย ความรักมันจะทำให้พวกแกต้องตาย ในเมื่อฉันไม่มีความรัก ใครก็อย่าหวังจะมีความรักเลย พวกแกต้องอยู่กับฉันที่นี่” เสียงดุดันนั้นแผดดังขึ้นๆ จนก้องไปทั่ว พร้อมกับลมหายใจของคนทั้งคู่ที่เริ่มแผ่วเบาลงทีละน้อยๆ และหมดลงในที่สุด

 

comments powered by Disqus

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน