ของขวัญแด่เธอ

Parinya

      "เสร็จสมบูรณ์เสียที สำหรับการประดิษฐ์ของขวัญชิ้นพิเศษนี้ "
ฉันรำพึงกับตนเองอย่างโล่งอก  หลังจากการอัพโหลดหนังสืออิเล็กทรอนิกส์
กวีนิพนธ์     "อวสานในโลกฝัน"         ซึ่งเป็นตอนจบของหนังสือกวีนิพนธ์ชุด
ในโลกฝันขึ้น www.ebooks.in.th   เสร็จเรียบร้อยแล้ว     ใครๆก็รู้จักของขวัญ
และเคยได้รับของขวัญชิ้นเล็กบ้างใหญ่บ้าง   กันมาแล้วทั้งนั้น คงรู้ความหมาย
ของคำว่า    "ของขวัญ" ดี    ว่าของขวัญคือ      สิ่งของที่ให้แก่กันเพื่อเป็นการ
ถนอมขวัญ หรือ เพื่ออัธยาศัยไมตรี   หรือเพื่อแสดงความยินดีในวาระสำคัญ ๆ
เช่น ของขวัญวันเกิด   ของขวัญปีใหม่ ฯลฯ       แต่ของขวัญที่ฉันให้เขาไม่ได้
มีความหมายในทำนองนี้เสียทีเดียว        เพราะของขวัญชิ้นนี้    แม้ฉันมอบให้
เขาโดยตรง แต่เป็นสิ่งที่จับต้องไม่ได้     สัมผัสได้เพียงทางสายตาและรับรู้ได้
เพียงทางสายใจเท่านั้น   ส่วนฉันมอบให้เขาในโอกาสพิเศษใด เพื่อเหตุผลใด
นะหรือ      ก็ยากจะบอกให้ชัดเจนได้อีก        ดู เหมือนฉันกำลังต้อนตัวเองให้
จนมุมกับการให้คำตอบนี้     อาจจะต้องพึ่งท่านผู้อ่าน   ช่วยสรุปในประเด็นอัน
เป็นปัญหาเหล่านี้ด้วย
           ฉันจำได้แม่นยำว่าวันนั้นเป็นวันที่  14  กุมภา    วันวาเลนไทน์   ซึ่งเป็น 
วันแห่งความรัก  ที่หนุ่มสาวยุคนี้รอคอยและตื่นเต้นกันนักหนา   ฉะนั้น   วันนี้คง
ต้องมีใครสักคน  นำกลอนรักซึ้ง ๆ ขึ้นเว็บ        เนื่องในโอกาสนี้แน่ ๆ      ฉันจึง
ตื่นแต่เช้า     ด้วยเหตุผลสองประการคือ    เพื่อจะอ่านกลอนที่ฉันเพิ่งนำขึ้นเว็บ
  thaipoem  กับอ่านกลอนใหม่ของเพื่อน ๆ   ที่ขึ้นเว็บในวันนี้    เมื่อฉันเข้าเว็บ
และอ่านผ่านมาถึงกลอน      ชื่อ      "ความรักแห่งวันมาฆบูชาและวาเลนไทน์ "  
 มีบทหนึ่ง เขียนว่า  
            "หากฉันเป็นนักกล่าวสุนทรพจน์
            คำสวยสดจะค้นขุดขึ้นอุดหนุน
            เหมือนน้ำมันเกยหาดสะอาดละมุน
            ขอผลบุญโปรดปกปัก...ฉันรักเธอ "*
ฉันรู้สึกสะดุดใจ       ในวรรคที่เขียนว่า      "เหมือนน้ำมันเกยหาดสะอาดละมุน"
เข้าอย่างจัง    ทั้ง ๆ ที่ฉันก็รู้ว่าเนื้อความของกลอนบทนี้  เขาแปลมาจากบทกวี
ต่างชาติ แต่ขัดแย้งกับความจริง   ที่ฉันประสบอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันตั้งแต่เล็กจนโต
เพราะฉันเป็นคนที่เติบโตมากับชายหาด         และเคยกำจัดคราบน้ำมันอันเป็น
ปัญหาสำคัญอย่างหนึ่ง   ในหลาย ๆปัญหาของชายหาด น้ำมันเป็นสิ่งที่ขจัดได้
ยากมาก   จึงตัดสินใจว่า   ยังไง ๆ ฉันก็จะต้องแสดงความคิดเห็นต่อข้อความนี้
แต่การแสดงความคิดเห็น       ต่อเรื่องใดเรื่องหนึ่งนั้น     จะต้องมีข้อมูลอันเป็น
ข้อเท็จจริง   มีเหตุผล และเป็นไปในทางสร้างสรรค์      ซึ่งฉันก็มีชัดเจนอยู่แล้ว
และการแสดงความคิดเห็นนั้น    ต้องมีวัตถุประสงค์ด้วย    เช่นเพื่อตั้งข้อสังเกต 
เพื่อสนับสนุน เพื่อโต้แย้ง       หรือเพื่อประเมินค่า    ของฉันก็ควรเป็นการแสดง
ความคิดเห็นเพื่อ โต้แย้ง แต่จะโต้แย้งเขาหรือใคร หรือข้อความใด ก็ต้องคิดอีก
ว่าต้องใช้สำนวนโวหาร   ให้เหมาะสมกับเรื่อง      ใช้ถ้อยคำที่สื่อความหมายได้
ตรงตามอารมณ์ และความรู้สึก        ข้อสำคัญอย่างยิ่งอีกอย่างหนึ่งในการแสดง
ความคิดเห็นก็คือ    "หลีกเลี่ยงการใช้ถ้อยคำที่แสดงอารมณ์รุนแรง" ฉันต้องคิด
อยู่นาน     ว่าจะให้ความเห็นอย่างไรดี  เขาจึงจะไม่รู้สึกสะเทือนใจ    ในที่สุดก็
เลือกใช้สำนวนโต้แย้งแบบอ่อย ๆ ว่า
             "น้ำมันเกยหาดสะอาดตรงไหน
               เหตุผลไม่ลงตัวมั่วหน่อยหน่อย
               กำจัดแล้วยังทิ้งคราบทาบเป็นรอย
               คนชายหาดกวาดบ่อย...ลิ้นห้อยทุกที"
เมื่อเขียนความคิดเห็นนี้ขึ้นโต้แย้งเขาในเว็บ    ฉันก็เห็นข้อความ    ในกลอนที่
ฉันโต้แย้งนั้นเปลี่ยนไป     เป็น  "เลิกล่องเรือขึ้นหาดสะอาดละมุน"  ทำให้ฉัน
ต้องแอบยิ้ม แสดงว่าเขายอมรับความคิดเห็นของฉันโดยดุษณี  
         ต่อจากนั้นฉันและเขาก็กลายมาเป็น  คู่โต้ความคิดเห็นกันในแทบทุกกลอน
ที่มีผู้นำขึ้นเว็บ     แทรกการเหน็บแนมกันบ้างพอหอมปากหอมคอ แต่ไม่ได้สร้าง
ความรู้สึกขุ่นข้องหมองใจแต่อย่างใด       กลับตรงกันข้าม      ฉันรู้สึกมีความสุข
อย่างยิ่งในการโต้ตอบกับเขา   บางครั้งเราก็เขียนกลอนชมกันไปมา   ซึ่งล้วนแต่
เป็นการสร้างความรู้สึกที่ดีต่อกันเพิ่มขึ้น     และกระตุ้นให้ฉันสร้างจินตนาการที่ดี
ต่อเขา จนเมื่อฉันนำกลอนชื่อ "หนึ่งในบันทึก" ซึ่งมีเนื้อกลอนตอนหนึ่งเขียนว่า
              "กลัวเธอจะหายไปในความว่าง
                เป็นอดีตซีดจางร้างสีสัน
                รายละเอียดยิบย่อยหลุดลอยพลัน
                แม้ยังเหลือส่วนสำคัญอันทรงจำ
                จึงเขียนกลอนทุกวันเพื่อบันทึก
                เก็บทุกความรู้สึกที่ดื่มด่ำ
                เก็บเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยด้วยถ้อยคำ
                แม้แนมเหน็บเก็บงำกันจำจาง"
ขึ้นเว็บ  เขาได้เข้ามาแสดงความประสงค์  ไว้ในการแสดงความคิดเห็นต่อกลอน
สำนวนนี้ของฉันว่า
               "อยากอยู่ในบันทึกความนึกคิด
                 อยากอยู่ในลิขิตประดิษฐ์ถ้อย
                 อยากอยู่ในจินตการวิมานลอย
                 ..........................................*
ฉันจึงตกลงใจทันทีว่าต่อไป   ฉันจะบันทึกความนึกคิด หรือความรู้สึกที่ฉันมีต่อเขา
โดยการจินตนาการ   เพื่อนำขึ้นเว็บให้เขาอ่าน ปรากฎว่าเขารับความรู้สึกนั้นได้และ
จินตนาการไปกับฉันด้วย    จึงเป็นช่วงที่ฉันเขียนกลอนอย่างสนุกสนานและมีความ
สุขมากเพราะเนื้อหากลอนแบบฝันๆนั้น  มีเขาอยู่เป็นเพื่อนตลอดเวลา   รู้สึกเหมือน
เป็นช่วงชีวิตพิสดารแม้ไม่มีร่างกาย  แต่ความรู้สึกสัมผัสได้  สลับกับการแสดงความ
คิดเห็นโต้ตอบกันในเชิงหยอกล้อเอาอกเอาใจ      เมื่อเขียนกลอนมาได้พอประมาณ
ฉันเห็นว่าต้องหาวิธีรวบรวมเอาเฉพาะกลอนที่เขียนถึงเขาออกมาต่างหาก แทนที่จะ
ปล่อยให้อยู่ปะปนกับกลอนอื่น ๆ บนเว็บ       และวิธีเดียวที่จะให้เขา  ได้อ่านเนื้อหา
ทั้งหมดที่ฉันเรียบเรียงแล้ว  คือต้องพิมพ์เป็นเล่มโดยฉันเลือกทำเป็นอีบุ๊ก  ฉันจึงได้
ผันตัวเองมาเป็นผู้ผลิตอีบุ๊กโดยพระเจ้าของหัวใจเป็นผู้สั่งให้ทำอีกอย่างหนึ่ง
             ฉันตั้งชื่อหนังสือกวีนิพนธ์อีบุ๊กเล่มนี้ว่า  "ในโลกฝัน"    เพราะทุกสิ่งสำหรับ
ฉันล้วนเหมือนฝันไปทั้งหมด  ตั้งแต่การเริ่มมีความสัมพันธ์กับเขา  จนกระทั่งหนังสือ
สำเร็จออกมาเป็นเล่ม  เมื่อนำ "ในโลกฝัน" ขึ้น www.ebooks.in.th   และเขาเข้าไป
อ่านแล้วฉันก็ได้รับข้อความกลับมาว่า
 "ได้อ่านในโลกฝันแล้วครับ  รู้สึกทั้งปลื้มทั้งเขินปนกัน   ขอบคุณมากครับที่ทำอีบุ๊ก
ได้สวยงามและน่าอ่านมาก ขอชื่นชมด้วยใจจริงครับ...  "
เท่านี้ก็พอแล้วสำหรับฉัน             เพราะสิ่งที่ฉันได้แถมมาจากความรู้สึกอิ่มใจก็คือ 
มิตรภาพที่เพิ่มขึ้น และยังดำเนินต่อไป
.................................................................................................................
แม้ในโลกฝันเล่มหนึ่งจะจบไปแล้ว      กลอนที่ฉันเขียนขึ้นเว็บต่อจากนั้น  ก็ยังอยู่ใน
แนวเดิม    บางกลอนก็เขียนถึงความรู้สึกที่ดีต่อเขา  ที่มีแต่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ   ช่วงหนึ่ง
เขาหายไปไม่มีกลอนขึ้นเว็บ    ฉันรู้สึกใจหายไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น  แต่ เหมือนมีอะไร
บางอย่างบอกฉันว่า นอกจากเขาหายไปเพราะอาจจะมีเหตุผลอันจำเป็นแล้ว เขาอาจ
อยากห่างจากฉันด้วย ซึ่งฉันคิดว่าฉันเข้าใจ  เพราะฉันเองก็เคยคิดว่าถ้าทำได้ฉันเอง
ก็อยากห่างไปเหมือนกัน แต่ฉันยังทำไม่ได้ กลอนที่ฉันเขียนในช่วงนี้จึงคล้ายมีความ
หม่นปนอยู่ด้วย เช่นกลอน "ความรู้สึก "
                   "ความรู้สึกมากมายจึงตายดับ
                     เมื่อคนรับ รู้สึกนั้น มิหวั่นไหว
                     ความรู้สึกซึ้งซึ้งจึงตายไว
                     เมื่อเธอไม่ยอมรับประคับประคอง"
และ กลอน "ความห่างเหิน"
                     "แต่เจ้าความห่างเหินเดินมาแล้ว
                       และมีแววห่างเหินจะเดินหน้า
                       กอดกลมเกลียวเหนียวหนับกับเฉยชา
                       เราหลบตาหน้าหมองก้มมองดิน"
ความรู้สึกที่บอกตัวเองว่า  เขาอาจอยากออกห่างจากฉันตรงกับเนื้อความในบทกลอน
ชื่อ"กรงนกแก้ว"     ที่เขานำขึ้นเว็บในช่วงต่อมาซึ่งสื่อในทำนองว่า     เมื่อนกออกจาก
กรงไปแล้วเขาต้องการปิดกรง ซึ่งตรงกับช่วงที่ฉันกลับไปเยี่ยมบ้านที่ต่างจังหวัดพอดี
เมื่อกลับมาฉันจึงถามเขาว่า     จะปิดกรงนานเท่าไหร่       เขาตอบคำถามของฉันด้วย
กลอนบทนี้
                       "คงปิดกรงนกแก้วมิแล้วเสร็จ
                       ใจมิเข็ดเผ็ดร้อนอาวรณ์หนัก
                        ประตูกรงคงกระเด็นคราเห็นรัก
                        สุดห้ามหักแม้ผลักนกยังวกคืน "*
เราจึงกลับมาเขียนกลอนที่แสดงความห่วงใยกันเหมือนเดิม และเพิ่มขึ้น   จนเพื่อน ๆ
ที่เขียนกลอนขึ้นเว็บหลายคนรู้สึกได้   บางคนเริ่มห่วงใยฉัน  คิดว่าฉันกำลังมีความรัก
กับบุรุษผู้ไร้ร่าง ฉันไม่รู้หรอกว่าอะไรคือสิ่งที่เรียกว่าความรัก       แต่ฉันรู้ว่าฉันมีความ
รู้สึกที่ดีต่อเขา     อยากให้เขามีความสุข   สบายใจทุกครั้งที่เราสื่อสารกัน   ซึ่งฉันคิด
ว่าเป็นสิ่งที่ควรมีให้แก่กัน   ฉันรวบรวมกลอนบันทึกความรู้สึกที่มีให้เขาเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
จนเกือบจะทำเป็นเล่มได้อีกแล้วแต่บังเอิญมีปัญหาบางประการจากเว็บ ทำให้เราทั้งคู่
อัพกลอนขึ้นเว็บไม่ได้     และติดต่อกันไม่ได้ นานทีเดียว       จนฉันคิดว่าเราคงไม่ได้
เจอกันอีกแล้ว        ฉันจึงต้องเขียนตอนจบของหนังสือในโลกฝันเล่มที่สองตามลำพัง    
หนังสือเล่มนี้จึงจบลงด้วยกลอนของฉัน ชื่อ ที่พึ่งคนไกล
                          "เหลือเพียงความคิดถึงที่พึ่งได้
                            ยามสิ้นไร้สื่อสารการติดต่อ
                            ยามที่ต่างห่างไกลจนใจท้อ
                            มิอาจขอพึ่งพิงสิ่งอื่นเลย"
..............................................................................................................
เมื่อเรากลับมาอัพกลอนขึ้นเว็บได้ตามปกติ  ฉันได้บอกเขาว่า  ฉันจะเขียน ในโลกฝัน
อีกหนึ่งเล่มซึ่งเป็นเล่มที่สามและเป็นตอนจบ
           "แต่จะเขียนได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับว่า คุณมีความสามารถทำให้ฉันฝันได้แค่ไหน "
นั่นคือคำพูดของฉันว่าจะทำสำเสร็จหรือไม่     เขาเป็นองค์ประกอบสำคัญ เขารับรู้ใน
ข้อนี้  ฉันจึงสร้างจินตนาการต่อจากบทกลอนของเขาบ้าง จากการแสดงความคิดเห็น
ของเขาบ้าง  ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นความรู้สึกที่ดีระหว่างเรา   สำหรับฉันเป็นความรู้สึกที่
แท้จริงด้วยมิใช่จินตนาการเพียงอย่างเดียว จนทำให้เพื่อนที่กำลังจับตาความสัมพันธ์
ของเราอยู่รู้สึกผิดปกติ ถึงกับแสดงความคิดเห็นในเชิงตำหนิเรา  เหมือนเขาคิดว่าเรา
กำลังทำผิดทำนองคลองธรรมที่มากกว่าการเขียนกลอน  ซึ่งถ้าเป็นทางกายกรรมแล้ว
เป็นไปไม่ได้แน่นอน    แต่ถ้าเป็นมโนกรรมฉันก็ยังไม่ยอมรับอยู่ดี     ว่าความรู้สึกชอบ
พอใคร     หรือรู้สึกมีความสุขเมื่อได้คบหากับใครจะต้องมโนกรรมที่ผิด    เพราะความ
รู้สึกของใจเป็นสิ่งที่ห้ามไม่ได้    ยิ่งในการเขียนกลอนรักด้วยแล้วก็ต้องเขียนให้ผู้อ่าน
รู้สึกว่าเรารักเขาจริง ๆ
         เมื่อฉันต้องการให้หนังสือเล่มนี้เป็นเล่มจบเรื่องในโลกฝัน   เขาก็ให้ความเห็นว่า
ไม่ควรจบแบบ " Happy  ending"    เพราะถ้าฉันต้องการจะเขียนต่อภายหลัง จะเขียน
ต่อยาก
                   " งั้นฉันจะเขียนให้ฉันนั่งร้องไห้ตอนจบค่ะ"   
                   "ต่างคนต่างร้องไห้ไม่ดีหรือ"  เขาแย้ง
แต่ฉันไม่ได้ตอบ  เพราะถ้าจะเขียนตอนจบให้เขาร้องไห้      เขาจะต้องเป็นผู้เขียนเอง 
ฉันจึงเลือกเขียนตอนอวสานในโลกฝันด้วยบทกลอนชื่อ   "ตอนจบ" ซึ่งมีข้อความบาง
ตอนที่ฉันเป็นคนร้องไห้ 
                           สบตากับความว่างพลางยิ้่มปร่า
                           คล้ายน้ำตาหล่นแถมบนแก้มใส
                           ...........................................
                          เก็บเอาไว้ให้จิตหวนคิดถึง
                          ใครคนหนึ่งที่เคยเอ่ยคำหวาน
                          ว่า คิดถึงคงไม่หายคลายตามกาล
                           ฉันคิดค้าน หากใจเราไม่คลาย
                           ถ้ามีใจผูกพันกันลึกซึ้ง
                           ความคิดถึงตรึงใจคงไม่หาย
                           "ความคิดถึงตรึงมั่นตราบวันวาย"
                           คือถ้อยคำสุดท้ายให้จดจำ
 แต่เมื่อหนังสือที่ฉันเขียนจบเรียบร้อยแล้ว      ฉันจึงได้เห็นกลอน    "ห่วงบ่วงใจ"     
 ของเขาขึ้นเว็บ      ซึ่งมีข้อความบางตอนทำให้ฉันรู้สึกเศร้าอีกครั้ง
                          "แอบคิดถึงซึ้งใจจิตไหวหวั่น
                            ฤาผูกพันมั่นหมายเกินถ่ายถอน 
                            เสน่หาอาลัยใจรอนรอน
                            เฝ้าอาวรณ์อ่อนไหวมัดใจจำ
                            พระพายพลิ้วปลิวผ่านซ่านซึ้งจิต
                            ฝากลิขิตถึงคนก่นร้องร่ำ
                            ใครบางคนหม่นทรวงร่วมบ่วงกรรม
                            ทุกคืนค่ำย้ำเยือนยากเลือนลา"*
คุณคิดว่าเขาร้องไห้หรือเปล่าคะ   แต่ฉันร้องไห้อีกหนึ่งรอบ
            
ตอนนี้ฉันสรุปได้แล้วว่า   ความหมายของ "ของขวัญ" ที่ฉันมอบให้เขาคือ    กวีนิพนธ์
จากความรู้สึกดีดีที่ฉันมีต่อเขา มอบให้ในโอกาสที่      พระเจ้าบันดาลให้เรามาพบและ
สร้างความสัมพันธ์พิเศษต่อกันขึ้นมา  เพื่อให้เขารับรู้   ถึงความรู้สึกอันแท้จริงและสวย
งามที่ฉันมีต่อเขา    เป็นของขวัญชิ้นพิเศษที่เกินกว่าพิเศษใด ๆ  เพราะเป็นของที่มีชิ้น
เดียวในโลกที่ฉันต้องใช้เวลาทั้งชีวิตในการประดิษฐ์ของขวัญชิ้นนี้       เพราะนอกจาก
ต้องใช้ความรู้ความสามารถปัจจุบันในการสร้างแล้ว     ยังต้องพึ่งพาประสบการณ์ชีวิต
ที่ผ่านมาทั้งหมดในอดีตด้วย  ทั้งยังเป็นของขวัญที่ไม่มีวันเน่าเสีย    จะยืนยงอยู่ต่อไป
ตราบนานเท่านาน       ถ้าเขาเปิดอ่านครั้งใดก็จะรู้ว่า    ความรู้สึกที่ฉันมีให้เขายังคงที่  
ไม่มีวันเปลี่ยนเหมือนกลอนสองบทนี้
                          "คำที่เขียนยืนยันในบันทึก
                           คือรู้สึกดีดีที่มอบให้
                           เพื่อย้ำว่าช่วงกาลที่ผ่านไป
                           เคยมีใครในชีวิตพิสดาร
                           หากวันใดวันหนึ่งคิดถึงฉัน
                           เป็นของขวัญมอบให้เธอไว้อ่าน
                           ให้เหมือนย้อนสู่ฝันแห่งวันวาน
                            ที่มีมนต์ทนทานเหนือกาลเวลา"
ที่ฉันเขียนไว้ใน   "ของขวัญแด่เธอ "
     
                       อ ว ส า น       อ ว ส า น         อ ว  ส า น     
                                          
                                               (หมายเหตุ  *  ประพันธ์โดยคุณประหยัด  พันธะศรี )                
              
              
   
           
comments powered by Disqus
  Parinya

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน