เด็กชายบอยหายไป

กันนาเทวี

กริ๊ง.............
"ฮัลโหล....."  ฉันรีบรับสายในใจนึกว่าน้องสาวคงจะโทรเรียกไปทาน
อาหารเย็น   แต่ผิดคาด
" สวัสดีคร้าบ  คุณพี่เหรอครับ ?   อยู่ไหนครับตอนนี้"
เสียงครูหนุ่มใหญ่ใจดี   ผู้รั้งตำแหน่ง รก. (รักษาการแทนผู้อำนวยการ)
นั่นเอง
" อือม์พี่เองจ้ะ  อยู่บ้านแล้วตอนนี้  มีอะไรเหรอจ้ะ  ท่าน รก."
" ดีแล้ว ล่ะ พี่ช่วยขับรถกลับไปดูที่โรงเรียนหน่อยสิ"
น้ำเสียงท่านรก. พูดเสียงตื่นเต้น
"มีอะไรเหรอจ้ะ"  ตื่นเต้นตาม
"เด็กนักเรียนหายครับพี่  เด็กชายบอยไม่กลับบ้าน  พอดีผมมาธุระ
อยู่อำเภอเมืองน่ะภารโรงโทรแจ้งว่าผู้ใหญ่บ้านประกาศเสียงตามสาย 
ระดมกำลังชาวบ้านออกตามหาป่านนี้ยังหาไม่เจอ"
"ตายล่ะ  สงสัยจะกลัวความผิดที่ทำไฟไหมซุ้มฟางไปแน่เลย  
คงตกใจกลัวอีกอย่างเด็กโตๆ  ปอห้า ปอหก คงจะขู่ด้วยมั้งเลยเตลิดไป"
" ลุงภารโรงแกบอกว่า พ่อแกมาตามหาในโรงเรียนตั้งแต่ห้าโมง
จนจะทุ่มแล้วนี่ยังไม่เจอเลย  ยังไงพี่ช่วยไปดูสถานการณ์ที่โรงเรียน
ทีเถอะ ครับ  ชวนพี่นิดไปด้วยสิ   ผมโทรบอกแกละ  แกว่าเดี๋ยวจะไป  
ลุงภารโรงแกว่าชาวบ้านพากันแห่มาเต็มสนามเลย"
วางหูโทรศัพท์แต่งตัวแบบรัดกุมทะมัดทะแมงแล้วขับรถบึ่งออกจากบ้าน
ในใจก็นึกถึงเด็กชายบอยไปพลางใจก็อดหวั่นวิตกคิดไปต่างต่างนานาไม่ได้
หายไปไหนนะ   หรือว่าจะตกใจเกินเหตุ หนีเข้ารกเข้าพงไปโดนงูเงี้ยวกัด
ตายไปละ   หรือว่าวิ่งหนีเตลิดไปหลบอยู่ในป่าช้าข้างโรงเรียนแต่จนป่านนี้
มืดแล้วคงหาทางกลับไม่ได้   หรือ....หรือ....หรือ.....
ยิ่งคิดก็ยิ่งเป็นห่วงกังวล  ถ้าเป็นเด็กปกติคงไม่น่าห่วงขนาดนี้นี่เด็กชายบอย
เขาเป็นเด็กพิเศษ   เราไม่รู้ว่าเขาคิดอย่างไร   และไม่เข้าใจว่าทำไมต้อง
หนีขนาดนั้น   พอแวะรับครูนิดก็รีบบึ่งรถไปถึงโรงเรียน   รีบไปถามไถ่
หวังจะได้คำตอบว่าเจอแล้ว  แต่ปรากฏว่ายังไม่เจอ   ทุกคนต่างระดมกัน
ออกค้นหา  เรียกหาตามสุมทุ่มพุ่มไม้ข้างโรงเรียน   ป่ากล้วยชาวบ้านบริเวณ
ใกล้เคียง   ป่าช้า   ทุ่งนา   หาๆๆ   จนทั่วก็หาไม่เจอ   ทางในหมู่บ้านก็
ออกค้นตามบ้านใกล้เรือนเคียง   บ้านญาติๆ  ที่คาดว่าแกจะไปหลบแอบ
อยู่
"ทำไงกันนี่เริ่มเย็นลงเรื่อยๆแล้วนี่  หากไม่เจอแล้วแกไปหลบอยู่ไหนนี่
ดึกๆมิหนาวจนกระด้างตายเหรอแบบนี้"   ครูนิดตั้งคำถาม
"ก็นั่นนะสิ   พ่อแม่แกก็ร้องไห้จะเป็นลมแล้วนะ  บอยนะบอยหายไปไหนนะ"
หรือจะลงไปที่สระน้ำ  ชาวบ้านคนหนึ่งคาดเดา   ชาวบ้านจำนวนหนึ่งลงไป
เอาไม้ควานหารอบๆสระ"
"ไม่ลงไปมั้ง  ปกติเขาก็รู้ว่าที่ไหนอันตรายอยู่นะ"
"หรือว่า  จะมีใครจับไป"
" ไม่หรอก  เขากลัวคนแปลกหน้าไม่เข้าใกล้หรอก"
" แล้วหายไปไหนนะเนี่ย   โอย .......คาดเดาไม่ถูก ห่วงอย่างเดียว
อากาศยิ่งหนาวๆอยู่อย่างนี้ถ้าเกิดไม่เจอเรามิต้องค้นหากันทั้งคืนเหรอ
นี่  ตอนนี้ก็สามทุ่มแล้วนะ"
ชาวบ้านเริ่มเป็นวิตกกังวล   ผู้ใหญ่บ้านโทรศัพท์ไปแจ้งกำนัน และผู้
ใหญ่บ้านข้างเคียงให้ช่วยค้นหาอีกแรงเผื่อเขาจะหลงไปหมู่บ้านใกล้ๆ
สามทุ่มครึ่งพ่อและแม่ของเด็กชายบอยก็ออกประกาศเสียงตามสายเรียก
ให้ลูกออกมาปรากฏตัว   ชาวบ้านมาชุมนุมกันเป็นที่ๆ  ต่างพากันคิด
และออกความเห็นไปต่างๆ   พ่อเด็กชายบอยแม้จะแก่และยากจนมาก
แต่ก็รักลูกรักเมีย  และหาเลี้ยงอย่างไม่เกียจคร้าน  รับจ้างทุกอย่าง
เท่าที่ทำได้  ส่วนแม่นั้นสมองไม่ค่อยสมประกอบ ซึ่งกรรมพันธุ์ก็สืบ
ทอดมาที่เด็กชายบอย   เขาจึงเป็นเด็กน่าสงสาร   ยิ่งมาหายไปแบบนี้
ชวนให้สงสัยคิดไปในทางไม่ดี  แต่ละคนต่างเป็นกังวลไม่ว่าเพื่อนบ้าน
ญาติพี่น้อง   และครู
21.45  น.   ได้ยินเสียงผู้ใหญ่บ้านประกาศว่าเจอแล้วเด็กชายบอย
ทันทีที่ได้ยินเสียงทุกคนต่างโล่งใจ   ข้าพเจ้ากะครูนิดรีบไปที่บ้านหลังที่
เขาพบเด็กชายบอย   ที่นั่นชาวบ้านไปกันเต็ม  ต่างกันพากันโจทย์ขาน
ว่าน่าจะหาเจอตั้งนานแล้ว  เพราะหลบอยู่ที่กองฟืนของบ้านใกล้บ้าน
ของเขานั่นเอง   ทำไมเดินผ่านตั้งหลายรอบทำไมไม่เห็น   บ้างก็ว่า
หรือว่าผีจะเอาซ่อนไว้  แต่ทุกคนมีรอยยิ้ม  และดีใจกะพ่อ แม่ของเด็ก
เด็กอยู่ในตักแม่   มีพ่อคอยป้อนข้าวให้   เป็นภาพน่าประทับใจ
เด็กชายบอยยังมีอาการตื่นกลัว   ไม่กล้ามองใครๆ  
"ในที่สุดเรื่องก็ลงเอยลงอย่างเรียบร้อย  ผมตกใจแทบแย่  
กลัวแกจะเป็นอะไรไปในบริเวณโรงเรียนต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่ๆ"
รก.  พุดด้วยความโล่งอก   เขาเพิ่งบึ่งรถมาถึงสมทบกับชาวบ้านที่ค้นหา
ก่อนหน้าที่เขาจะเจอเด็กประมาณยี่สิบนาที
"ผู้ใหญ่บ้านเอาธูปไปบนบานที่พระธาตุดอยแช่  แล้วไม่ถึงอึดใจก็
มีคนเจอ  นี่แหละนะแรงอธิษฐาน   พระธาตุนี่ศักดิ์สิทธิ์  น่าเชื่อถือ
จริงๆ"
สำหรับข้าพเจ้าแล้วรู้สึกภูมิใจในความสามัคคี  ของชาวบ้านทุกหลังคาเรือน
ต่างก็มีน้ำใจออกมาช่วยกันค้นหา  แม้เด็กชายบอยจะเป็นแค่เด็กนักเรียน
ตัวเล็กชั้นปอสอง  พ่อแม่ก็ฐานะยากจน   แต่ทุกคนก็ยังรักใคร่
และห่วงใยแก   นี่แหละน้ำใจของพี่น้องชาวบ้านไทยในชนบท.....				
comments powered by Disqus
  • อัลมิตรา

    22 มกราคม 2552 07:59 น. - comment id 103449

    ตอนนั้น เรียนอยู่ชั้นประถมปีที่ ๑. บ้านไม่ไกลจากโรงเรียน เดินได้ โดยไม่ต้องข้ามถนน 
    แต่ประตูโรงเรียนมีสองทางเข้าออก อีกทางจะออกอีกถนน 
    
    เพื่อนชวนไปบ้าน ซึ่งอยู่อีกทาง ก็ตามไป ..
    โดยไม่ได้บอกพี่ชายที่กำลังเตะบอลอยู่ในสนามที่โรงเรียน
    แม่ของเพื่อนใจดี เอาขนมมาให้กิน เยอะแยะ ก็เลยนั่งนาน
    ความจริง ก็รู้เส้นทางกลับบ้านนะ ถึงแม้ว่าจะออกอีกฟากประตูก็ตามแต่
    มันเป็นเส้นทางคล้ายสี่เหลี่ยม เดินยังไง ก็จะมาถึงบ้านได้เอง
    
    ไม่รู้เหมือนกันว่า จะเป็นเหตุให้ทางบ้านโกลาหลกันซะขนาดนั้น
    พ่อเกณฑ์คนงานทั้งหมด ออกตามหาลูกสาวคนเล็กตั้งแต่บ่ายสามครึ่ง
    แม่ร้องไห้เป็นลมแล้วก็ฟื้นแล้วก็เป็นลมหลายตลบ
    พี่ชายสองคนนั่งหน้าเศร้าอยู่ริมรั้ว กลัวความผิด โทษฐานที่ไม่ได้พากลับบ้าน
    
    ตะวันตกดินแล้ว .. ตอนเดินผ่านรั้วเข้าบ้าน
    เห็นคนมาชุมนุมกันเยอะแยะ ยังถามเลยว่า เกิดอะไรขึ้น
    พ่อไม่พูดอะไร ดึงตัวไปกอด  ส่วนแม่ก็ยังนั่งร้องไห้เหมือนเดิม
    คนงานต่างก็แยกย้ายกลับไป (แต่ละคน มีไฟฉาย และพกมีดดาบ)
    
    อัลมิตราไม่คิดว่า ครั้งนั้นจะเป็นเรื่องราวใหญ่โต
    เวลาที่กินขนมผ่านไปแค่แป๊บเดียว แต่แป๊บเดียวของอัลมิตรามันเป็นช่วงเวลาที่วุ่นวายของผู้อื่น
    
    ทุกวันนี้ บางทีก็โดนบรรดาพี่ ๆ ล้อถึงเหตุการณ์นั้น
    ซึ่งอัลมิตราก็ตอบแต่เพียงว่า .. ไปกินขนมที่บ้านเพื่อน แค่นั้นเองค่ะ
  • กันนา

    22 มกราคม 2552 11:49 น. - comment id 103450

    สงสัยป้าต้องแต่งเรื่องใหม่
    
    "เด็กหญิงอัลหายไป"
    
    ความที่เป็นเด็กนึกไม่ถึงว่า
    พ่อแม่ห่วงและคิดไปต่างต่างนานา
    เมื่อลูกหายไป
    
    11.gif
  • ไหมแก้วสีฟ้าคราม

    25 มกราคม 2552 08:19 น. - comment id 103489

    แด่  อาจารย์กันนา
    
             ลุ้นแทบแย่แน่ะ
             ตื่นเต้นดีจังอาจารย์
    36.gif36.gif36.gif36.gif
  • นกยูง

    26 มกราคม 2552 10:45 น. - comment id 103514

    ดีใจค่ะป้า ที่น้องบอยกลับมาสู่อ้อมอกคุณพ่อ
    แม่อย่างปลอดภัย......36.gif

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน