และแล้ววันนั้นก็มาถึง
สะพั่งสะท้านไมภพ
นี่ครับ ผู้หมวด ตลับแป้งของพวกมัน
ผม ผู้หมวดสะพั่ง สะท้านไมภพ มองตลับแป้งทาหน้าผู้หญิงสีเขียวตองอ่อน บนฝ่ามือของจ่าหนู ตาแกกลม ผิวออกค่อนข้างดำ จ้องตาแป๋วมายังผม ผู้หมวดหนุ่มอ่อนประสบการณ์
ผมยิ้มให้จ่าหนู แล้วถามว่าไปเก็บจากไหนมาหรือจ่า
ไปเก็บตามแนวชายแดนครับ มีอยู่เต็มไปหมดเลย
นี่จ่าหนูวันหลังไม่ต้องไปเก็บอีกแล้วนะครับ ผมไม่อยากดู
แต่ที่จริงผมเป็นห่วงลูกน้องของผมเสียมากกว่า
เดี๋ยวผมจะทำไฟแช๊คจากลูกเอ็มเจ็ดสิบเก้าให้ครับ
เอาอีกแล้วจ่า ไม่ต้องทำแล้ว ผมพูดจนอ่อนใจ แล้วจ่าหนูก็หัวเราะคิกๆ เดินจากไป
ในท่ามกลางหมู่บ้าน ผมและลูกน้องก็ออกเดินตรวจกันก็พบภูเขาขวดเหล้ากองพะเนินเทินทึกสองกอง ผมก็เข้าไปถามคุณยายเจ้าของบ้านว่า
นี่ยาย ทำไมยายยังกินเหล้ามากมายขนาดนี้
ยายหัวเราะ คิกๆ ไอ้ลูกนี้แหละของยายกินเอง แต่ไอ้กองขวดกองใหญ่นั่น ลูกน้องผู้หมวดกิน
เท่านั้นแหละงานเข้า
ผมตะโกน ยั๊วะสุดขีด จ่าหนู!
และแล้วผมก็กักบริเวณลูกน้องของผมในฐานห้ามออกไปไหน นัยว่าเป็นการทำโทษที่ห้ามไม่ให้กินเหล้าดันแอบไปกินกัน แต่ขวดเหล้าเปล่ากองเท่าภูเขา ใยจะเอาใบบัวมาปิดมิด
พ้นจากวันทำโทษ เข้าหน้าฝนพอดี ผมเดินทางไปพักผ่อนที่บ้านกรุงเทพ แต่เมื่อเดินทางกลับมาปรากฏว่าฐานของผม เต็มไปด้วยอึ่งอ่างแช่เกลือในหม้อ และเสียบราวตากแห้งเต็มไปหมด
ผมมองดูบรรดา จ่าหนู หมู่ชู จ่าไพ และไอ้ลูกน้องทหารอีสาน มองซ้ายมองขวา ทั้งน้ำมัน ที่ทอด และผมจะอ๊วก เลยเรียกจ่าหนูมามอบหมายหน้าที่ให้ดูแลฐาน และผมก็ออกจากฐานไป จะกลับมาเมื่อพวกลูกน้องของผมได้รับประทานดิ่งผสุธากันหมดฐานก่อน นั่นแหละผู้หมวดจึงจะกลับ
จ่าหนูตะเบ๊ะ แล้วแอบหัวเราะคิ๊กๆ
วันเวลาผ่านไป ผู้หมวดหนุ่ม เริ่มเห็นสิ่งบอกเหตุผิดปกติ คือมีลูกสาวชาวบ้านอย่างน้อยสอง นำเอาอาหารมาให้ รวมทั้งแม่ม่ายก็ด้วย แต่เนื่องจากว่าผมกำลงเก็บเงินแต่งงานจึงไม่สนใจและไม่เปิดโอกาสใดๆสักนิดเพื่อไม่สร้างความหวัง อีกทั้งยังต้องทำตนเป็นตัวอย่างแก่ผู้ใต้บังคับบัญชาอีกด้วย
ว่างๆ หลังจากออกลาดตระเวณตามแนวชายแดน เข้าไปเยี่ยมฐานมอญตามแนวชายแดน แล้วก็กลับมาเข้าฐาน และก็ชวนจ่าหนูขี่มอเตอร์ไซด์ไปหาเหล้าทานที่ชุมพร
เมื่อทานเสร็จแล้วจ่าหนูจะออกไปต่อ ผมก็ไม่ว่า สักพักแกก็มาตามผมจะไปเอาเรื่องกับชาวชุมพรที่เกเรกับแก ผมฟังแกแล้วผมก็หัวเราะ
ครั้งเดียวเข็ด จ่าหนูแกบ่น และก็หัวเราะคิ๊กๆ
ผมก็เข้าใจว่าความหมายของแกคือ ผมที่พาแกมาด้วยพาแกมาครั้งเดียวเข็ด แต่ผมแอบหัวเราะในใจ คี๊ยกๆ กูชอบ
จ่าหนูเขาไม่รู้หรอกว่าไอ้ความบ้าของผมเนี่ยมันขนาดไหน แต่อย่างไรก็ตามสิ่งที่ต้องชม เมื่อผมออกคำสั่ง ปั๊บ แกก็หยุดทันที และชิดเท้าขานว่าครับผม
นอกจากชายแดนที่ตะวันตกแล้ว ผมกับจ่าหนูได้ออกไปราชการชายแดนที่ชายแดนตะวันตก
ในการนี้จ่าหนูล้วงสร้อยพระออกมาให้ดู ที่สร้อยมีเศษผ้าซิ่นของแม่จ่าหนูผูกไว้ และจ่าหนูคุยนักหนาว่าสิ่งนี้แหละเป็นสิ่งที่เป็นมงคลไว้กับตัวสามารถป้องกันภัยต่างๆได้
แต่ผมกลับไม่คิดอย่างงั้น ผมกลับยกเรื่องราวของกรุงศรีอยุธยาตอนเสียกรุงมาเล่าให้จ่าหนูฟัง และเน้นว่า หากเชื่อเรื่องของขลังมากเกินไปก็อาจจะเป็นอันตรายได้
ในตอนที่ออกชายแดนทางด้านตะวันตกนั้น ผมตั้งใจว่าจะโปรโมทจ่าหนู ให้เป็นผู้หมวด ให้ได้และทุกคนในกองร้อยต่างก็ทราบดีว่า จะได้เป็นแน่
ในวันหนึ่ง ผมมอบหมายงานให้จ่าหนูเป็นผู้ไปส่งเสบียงทหารตามแนวชายแดน และก่อนไปก็ได้กำชับจ่าหนูว่า ไปส่งเสบียงแต่เพียงอย่างเดียวก็พอ อย่าไปทำอย่างอื่น เช่นไปจับปลาแถวคลองน้ำใส หรือไปกู้ระเบิดเล่น จ่าหนูก็รับคำ ว่าครับ และหัวเราะคิ๊กๆ
เมื่อขบวนส่งเสบียงเริ่มเคลื่อนย้ายออกจากฐานกองร้อย ลางไม่ดีเริ่มปรากฏ เจ้าทหารยาม ดันทำท่าวันทยาวุธ ซึ่งเป็นท่าที่ใช้แสดงความเคารพของทหารที่เป็นนายทหารสัญญาบัตร แต่ในขบวนนั้นมีแต่ชั้นประทวน ซึ่งไม่ต้องวันทยาวุธ
แต่ผมก็ไม่ได้คิดอะไร
พอไม่ทันไร ก็มีข่าวว่า จ่าหนูโดนกับระเบิด
ผม และผู้พัน ก็เดินทางไปที่โรงพยาบาลทันที
จ่าหนูก็ยังคงเป็นหน้าตาของจ่าหนูที่หลับตาไม่สนิท
หน้าตาและลำตัวของแกเป็นรูพรุนจากสะเก็ดระเบิด
มีอยู่รูหนึ่งที่ใหญ่ปากโพรงอยู่ใต้จมูกรูเบ้อเร่อ และก็ยังเห็นผ้าซิ่นของแม่จ่าหนูผูกที่สร้อย
ผมยืนมองศพจ่าหนูด้วยความเศร้าที่เพื่อนร่วมงานคนหนึ่งต้องตายจากไปอย่างไม่มีวันกลับ
นับตั้งแต่นั้นมา
ผมมีความรู้สึกว่าต้องชดใช้ให้กับลูกน้องต่อๆมา
ไม่ได้เย่อหยิ่งแบ่งชนชั้น
ไม่ได้คิดว่าตัวเองเป็นนายหรือเขาเป็นลูกน้อง
เดี่ยวนี้จ่าหนูของผมได้เป็นพันตรีแล้ว ขอให้คนดีอย่างผู้พันหนูจงไปสู่สุคติ ผมก็จะทำหน้าที่ทหารให้ดีที่สุดต่อไป
อย่าประมาทนะครับพี่ทหาร ที่ออกไปรบรับใช้ประเทศชาติ อย่าประมาทเป็นอันขาด หากไม่ประมาทอย่างน้อยก็หนักเป็นเบาละครับ
ผมไม่ต่อว่าคนที่ชอบด่าว่าทหารในเมือง
แต่ผมอยากจะให้ช่วยส่งกำลังใจให้แก่ทหารที่กำลังปกป้องประเทศอยู่ทางใต้
ผมตั้งใจว่าวันหนึ่งผมจะออกไปรบกับพวกเขา พวกทหารเหล่านั้น
และแล้ว......