...ริมทางรถไฟ ...

ฉางน้อย

" วา ไปหาก๋งไหมลูก ? "
 เสียงถามจากเตี่ยดังขึ้นจากด้านหลัง 
ทำให้ฉันต้องหันไปมองที่มาของเสียงนั้น
 ฉันกระโดดแผล๊วจากชิงช้่ายางรถยนต์ซึ่งเป็นชิงช้าจากฝีมือของเตี่ยเอง 
เพื่อนๆของฉันรุ่่นราวคราวเดียวกัน หันมามองแล้วก็เล่นกันต่อไป
" เตี่ย ไปสายไหนคะ สายบนหรือสายล่าง ? "
 ฉันถามเตี่ยพลางก็เดินกึ่งวิ่งมาหาเตี่ย
" สายเสมอมั้งลูก " เตี่ยพูดพลางก็อมยิ้มแบบขำๆที่ทำให้ฉันงงได้ อิอิ
" แหมๆ เตี่ยล่ะก็..." ฉันมองค้อนปะหลับปะเหลือกแต่พองาม หุหุ
เตี่ยหัวเราะ พลางเอามือขยี้ผมเบาๆด้วยความหมั่นไส้(มั้ง)
ก็เป็นที่รู้กันทั้งหมู่บ้านว่า ถนนสายล่างมักจะหมายถึงถนนริมทางรถไฟ
ใครจะเดินทางรถไฟ ก็ต้องเดินเลียบริมทางกันอย่างทุลักทุเลพอสมควรเวลาที่รถไฟวิ่งผ่าน
ส่วนถนนสายบนหมายถึงถนนลาดยางมะตอยอย่างดี
เป็นถนนทางรถยนต์วิ่งผ่านสะดวกสบาย
ที่ฉันถามเตี่ยว่า ไปทางสายบนหรือสายล่าง ก็หมายถึงว่า..
ถ้าเตี่ยไปทางถนนสายบน เตี่ยก็จะปั่นจักรยานไป 
โดยที่ฉันนั่งซ้อนท้าย มีบางครั้งที่ฉันให้เตี่ยเร่งแซงกับรถยนต์
เตี่ยก็บอกว่า งั้นมาปั่นเองเลยดีไหม 5555
วันนั้นเตี่ยบอกว่า เปลี่ยนบรรยากาศบ้างดีไหม ไปทางสายล่าง
เพราะ ไม่ได้ชมบรรยากาศริมทางรถไฟนานพอดู
ฉันแอบทำหน้าเบี้ยวปากเบ้เล็กน้อย อิอิ แต่ก็เอาน่ะ
ก็ยังดีกว่า นั่งเล่นขายข้าวแกงกับเพื่อนๆผู้หญิง
นั่นไม่ใช่การละเล่นที่ฉันชอบนักหรอก
ครั้นฉันจะชวนพวกคุณเธอเหล่านั้นมาเล่นโลดโผนอย่างเด็กผู้ชาย
ก็มีแต่พวกเธอส่ายหน้าหนีกันทุกคน
ณ.ริมทางรถไฟเช้าวันนั้นแดดไม่จ้ามากนัก แต่เตี่ยก็คงกลัวฉันร้อน โดนแดด
กลัวฉันไม่สบาย เลยเอาผ้าขาวม้ามาโพกหัวให้ ทำเป็นพม่าไปได้ อิอิ
แต่ฉันก็ชอบนะ เท่ดี 5555 
ระหว่างนั้น สองพ่อลูก ก็คือฉันกับเตี่ย
ก็เดินเลียบริมทางรถไฟไปเรื่อยๆ ตอนนั้นสวนหมาก สวนพลู
สวนมะพร้าวยังอุดมสมบูรณ์ด้วยวิธีการธรรมชาติไม่ต้องอาศัยปู๋ยเหมือนสมัยนี้ 
สวนต่างๆข้างริมทางรถไฟยังให้ร่มเงา มีความร่มรื่น 
ให้ความสดชื่น เหมาะแก่การสูดอากาศยามเช้า 
สองพ่อลูกต่างพากันเดินไปเรื่อยๆระยะทาง 1.5 กิโล จากบ้านฉันไปบ้านก๋ง
ทำให้เด็กๆอย่างฉันตอนนั้นเรื่มเบื่อ เหนื่อย
แต่ก็ยังดีที่มีสิ่งให้เรียนรู้มากมายจากริมทางรถไฟ
สาย ตาก็มองโน่นมองนี่ไปตลอดทาง 
ปากก็ซักถามไม่ได้หยุด แต่เตี่ยไม่เบื่อเลย(มั้ง)กับการตอบคำถามของฉัน
" เตี่ย อีกไกลไหมเนี่ยะ กว่าจะถึงบ้านก๋งน่ะ " ฉันชักจะเรื่มล้า เหนื่อย
" ไม่ไกลหรอกลูก อีกนิดเดียว " เตี่ยยังคงพูดปลอบใจฉันเรื่อยไป
ฉันรู้ ถึงแม้เตี่ยจะบอกระยะทางเป็นความยาวว่า กี่กิโลก่อนจะถึงบ้านก๋ง
ยังไงฉันก็ไม่รู้หรอก ว่า ระยะทาง(ตั้ง)1.5 กิโลนั้น
ไกลหรือใกล้แค่ไหนสำหรับเด็กๆอย่างฉัน
" เตี่ย ถ้าเราเดินไปเรื่อยๆ จะไปถึงไหนเหรอเตี่ย ? "
อีกหนึ่งคำถามสำหรับเด็กที่อยากรู้อยากเห็นอย่างฉัน
" แล้วหนูจะไปไหนละ ? " เตี่ยถามอย่างอยากรู้คำถามของฉัน
" หนูเห็นอะไรนั่นไหม เห็นจุดสิ้นสุดของรางรถไฟไหมล่ะลูก ?
เตี่ยตั้งคำถามย้อนคืนมาให้ฉันได้ขบคิด 
" เห็นซิคะเตี่ย นั่นไง ใต้ต้นไม้ใหญ่ๆนั่นไง
จุดตรงนั้นน่ะ หนูเห็นรางรถไฟแคบเข้าหากันด้วยแหละ
รางรถไฟชิดกันจริงๆด้วยนะคะเตี่ย "
ฉันตอบ พลางชี้มือไปยังต้นไม้ใหญ่ที่แผ่กิ่งก้านสาขาให้ร่มเงาข้างหน้านั่น
คำตอบของฉัน ทำให้เตี่ยอมยิ้ม ไม่พูดอะไรต่อไป นอกจากคำว่า ...
" อืม เหรอ หนูเห็นด้วยสายตาหนูแบบนั้นเหรอ
เดี๋ยวเราไปให้ถึงนะว่า จุดสิ้นสุดของรางรถไฟน่ะ สิ้นสุดตรงนั้นจริงๆหรือเปล่า "
....................................................
" อ้าว.....ไหนล่ะเตี่ย รางรถไฟที่หนูเห็นน่ะ
หนูเห็นว่า จุดสิ้นท้าย ปลายรางคือต้นไม้ใหญ่ต้นนี้นี่นา 
แล้วหายไปไหนล่ะคะ ปลายรางรถไฟหายไปไหน ? "
ฉันได้แต่ทำสีหน้างุนงง อย่างอยากรู้อยากเห็น สงสัยเต็มที
เมื่อสงสัย คำถามก็พร่างพรูจากปาก
" เตี่ยๆ ปลายรางรถไฟ หายไปไหน ทำไมหายไปแล้ว ? "
ฉันถามพลางเกาะกุมด้วยสองมือของฉันเขย่ามือเตี่ยด้วยความอยากรุ้
ทั้งๆที่สายตาฉันเห็นแบบนั้นจริงๆนี่นา
" รางรถไฟน่ะ ไม่มีวันสิ้นสุดหรอกลูก 
มองดูด้วยสายตา คาดคะเนว่า อยู่ตรงนั้น สิ้นสุดตรงนี้ 
แต่ไม่มีใครค้นพบคำว่า จุดสิ้นสุดของเส้นขนานเลยสักที " 
ฉัน เริ่ม งง กับสิ่งที่เตี่ยพูดให้ฟัง แต่พอจะรู้ว่า ..
เหมือนชีวิตคนเราบางคน อาจเดินด้วยกันไปบนเส้นทางเดียวกัน
แต่ไม่มีโอกาสได้อยู่ด้วยกัน เพราะไม่เจอสุดสิ้นสุดของเส้นขนาน
ฉันได้แต่พยักหน้า อย่างจนใจในคำพูดของเตี่ย
จนกระทั่งเตี่ยต้องบอกว่า เอาเหอะ ไว้โตกว่านี้อีกหน่อย
คงจะเข้าใจคำว่า เส้นขนาน ต้องเรียนรู้การเปลี่ยนแปลงชีวิตไปเรื่อยๆ
อย่าหยุดนิ่ง
" แม้เราต้องก้าวเดินไปบนเส้นขนาน แต่เราจำเป็นที่ต้องเดินไปไม่ใช่เหรอ ...."
ฉันทวนคำเบาๆ " เส้นขนานๆ "
เจ้าเส้นขนาน ทำไมเจ้าถึงไม่มีจุดสิ้นสุดสักทีนะ 
.............................................
" ปู๊น...ปู๊น...ปู๊น..." เสียงหวูดรถไฟดังแว่วลากเสียงยาวมาแต่ไกล 
ทำให้ฉันกับเตี่ยต้องหลบลงข้างทางซึ่งเป็นป่าหญ้าริมทาง
ทันใดนั้นฉันกวาดสายตาไปเห็นเจ้าดอกไม้ริมทางช่อหนึ่ง
 ซึ่งออกดอกสวยทีเดียว 
" เตี่ยๆ ดอกอะไรน่ะเตี่ย สวยจัง ? " ฉันทำสีหน้าตื่นเต้่ต้นหมือนเห็นสิ่งแปลกใหม่
" อ่อ .. เป็นดอกหญ้าริมทางน่ะลูก ชื่อว่า ดอกขี้ไก่ " 
เตี่ยบอก พลางไปหักกิ่งดอกหญ้านั้นมาให้ฉันส่งให้ฉันหอบไว้ในมือ
" ดอกก็ออกสวย ทำไมชื่อเจ้าดอกขี้ไก่ไปได้เนอะ "
ลักษณะดอกหญ้าริมทางนั้นเป็นสีชมพูจางๆ สีเหลืองแซมด้วยส้มๆ น่ารักทีเดียว
เป็นดอกเล็กๆในกิ่งเดียวมีหลากหลายสี ใบสีเขียวๆ แต่ระคายมือ 
กิ่งมีลักษณะที่เปราะหักง่าย ไม่ต้านทานแรงลมสักเท่าไหร่นัก
และเมื่อฉันสูดดมความหอม กลับได้แต่ความว่างเปล่า 
" โห ดอกก็ออกจะซ๊วย สวย แต่ไม่หอมเลยล่ะเตี่ย แหวะ .."
ฉันสูดดม แล้วก็ทำหน้าเบ้
" อืม..นั่นแหละลูก ดอกไม้เปรียบเหมือนคนแหละ สมัยนี้ เขามองที่ความสวยงามภายนอกร่างกายกันก่อน เด็ดดอมดมหวังความหอม 
แต่เมื่อสวยแต่รูป จูบไม่หอม เขาก็ทิ้งขว้างไปอย่างไร้ค่า
 ในขณะที่ใครบางคน เขามองดอกไม้ที่ไม่สวย ขี้เหร่
 แต่มีคุณประโยชน์มากมาย มีความหอมคงทน 
เหมือนคนที่หน้าตาไม่สวย แต่เขาทำความดีงามที่น่ายกย่อง 
หนูว่า อย่างไหนน่าจะดีกว่าล่ะ หือ ? " 
เป็นครั้งที่สองที่ฉันได้จำยอมกับคำพูดของเตี่ย
รถไฟมาถึงที่พวกเราสองพ่อลูกยืนกันนั้น
ความเร็วและแรงของรถไฟ ทำให้ฉันแทบทรงกายไม่อยู่
ต้องเกาะเตี่ยเอาไว้แน่นเป็นหลักให้กับตัวเอง
พลางคิดในใจหากฉันไม่มีเตี่ยไว้เป็นหลักให้แบบนี้ตลอดไป
ฉันจะทำอย่างไร ชีวิตบนริมทางรถไฟช่างน่ากลัวเสียนี่กระไร
ฉันได้แต่แค่ครุ่นคิด.......
เสียงล้อรถไฟบดแน่นกับรางคู่นั้น ช่างเสียดแทงเข้าไปในหัวใจ
แต่ก็ทำให้ฉันอมยิ้มได้เมื่อนึกถึงบทสนทนาของฉันและคำล้อของเพื่อนๆ 
" รถยนต์ล้่อยาง รถรางล้อเหล็ก รถไฟนั้นเป็นของเจ๊ก ล้อทำด้วยเหล็ก ฉึ่กฉั่กๆ "
ฉันมักท่องคำพูดประโยคนี้บ่อยๆยามต่อล้อต่อเถียงกับเพื่อนรุ่นเดียวกัน
แต่เจ้าเพื่อนตัวดี ชอบล้อฉัน เพราะเห็นว่า คนในหมู่บ้านนั้นมีเพียงครอบครัวฉัน
ที่เป็นคนจีน เขาก็จะเปลี่ยนคำพูด กลายเป็นว่า..
" รถไฟไม่ใช่ของเจ๊ก โดนตีด้วยเหล็ก ชักแหง่่ก ชักแหง่ก "
สิ้นเสียงคำว่า ชักแหง่ก ชักแหง่ก ฉันก็วิ่งไล่ทุบเจ้าเพื่อนตัวดีเสมอๆ
ก็เขาบังอาจมาหาว่า รถไฟไม่ใช่ของเจ็กทำไมละ
มาหาว่า โดนตีด้วยเหล็กนอนชักแหง่กๆอีกแน่ะ เฮ้อ....
" เตี่ย นั่นสายอะไรล่ะ มีเสาสูงๆด้วยล่ะ สายก็ห้อยระโยงระยางเชียว "
คำถามอยากรู้มีอีกแล้วซิ
" อ่อ .. เขาเรียกว่า สายโทรเลขไง เป็นการส่งข่าว สื่อสารกันทางโทรเลข
สำหรับคนที่ห่างไกลบ้านและก็ต้องการส่งข่าวด่วนให้ญาติได้รับรู้ "
เตี่ยตอบอย่างผู้รู้เรื่องราวทุกอย่าง สมแล้วที่เป็นฮีโร่ของฉัน
" อ่ะๆๆ อย่านะลูก จะทำอะไรน่ะ ? "
เตี่ยร้องห้าม เมื่อเห็นฉันก้มลงหยิบก้อนหินริมทางรถไฟขนาดพอเหมาะ
มากำไว้ในมือ เตรียมตัวขว้างไปสุดแรง
" ทำไมล่ะเตี่ย เพื่อนหนูยังท้าพนันกันบ่อยไป
ใครขว้างโดนสายนั่นน่ะ ถือว่า เก่ง แม่นยำนะ 
ฉันยังไม่ยอมจำนนต่อคำพูดของเตี่ย พลางพยักเพยิดให้เตี่ยดูสายโทรเลขข้างทางนั่น 
" หนูคิดซิ หากเขากำลังส่งข่าว พวกเขากำลังทำงาน แล้วข้อมูลผิดพลาด
เพราะโดนหินขว้างแล้ว ความเสียหายจะเกิดขึ้นไหม ? "
คราวนี้เอง เป็นครั้งที่ฉันต้องยอมจำนนต่อคำพูดของเตี่ย
เปล่านะ ฉันแค่อยากเอาอย่างเพื่อนๆ
แค่เพื่อทดลองความแม่นยำของฝีมือตัวเองแค่ันั้น แค่นั้นเองจริงๆ 
" ทำหรั๋ยนุ้ย.....ทำหรั๋ยลุง ? "
เสียงทักทายสำเนียงปักษ์ใต้โดยแท้จากลุงคนหนึ่งดังจากรถต๊อกๆ
รถต๊อกๆเป็นรถของทางการรถไฟ เมื่อก่อนที่ฉันเห็นนั้น
ทำจากแผ่นไม้กระดาน ความกว้างพอดีกับรางรถไฟ ความยาวก็แล้วแต่สะดวก(มั้ง)
ส่วนล้อก็เป็นล้อสำหรับวิ่งบนรางรถไฟได้ ไม่มีหลังคาคุ้มกันแดดฝน
ไม่มีเครื่องจักรกลบังคับการทำงานของรถแบบนี้
มีเพียงไม้ค้ำถ่อให้รถได้เคลื่อนตัว ไม่มีหลังคาอะไรทั้งนั้น
บนรถต๊อกๆก็จะมีประมาณสัก 4-5 คน แล้วแต่การทำงานของพวกเขา
" เตี่ย ใครน่ะ รู้จักเตี่ยด้วยเหรอ เขาทักทายหนูด้วย "
ฉันแปลกใจที่พวกเขาเหล่านั้นร้องทักทายฉันกับเตี่ยเหมือนรู้จักกัน
" อ่อ เป็นคนที่ทำงานการทางรถไฟน่ะลูก เขามาตรวจตราดูแล ซ่อมแซมทางรถไฟ 
ดูว่าส่วนไหนเสียหายมากน้อยแค่ไหน เขาก็ส่งคนมาช๋อม
พวกเขาดูแม้กระทั่งว่า ก้อนหินของทางรถไฟนั้นจะถูกขโมยไปบ้างไหม 
ดูว่า ไม้หมอนรองรางรถไฟส่วนไหนชำรุด เขาก็นำมาเปลี่ยนให้ ..."
เตี่ยของฉันมีความรู้อีกแล้ว พ่อฮีโร่ตัวดีของฉัน อิอิ
...........................................................
สุดท้ายแล้ว ฉันไม่มีโอกาสได้รู้หรอกว่า ระยะทางประมาณ 1.5 กิโลฯ
ที่เตี่ยพาฉันเดินน่ะ ไกลหรือใกล้แค่ไหน
รู้เพียงแต่ว่า ฉันได้อะไรหลายๆอย่างในเช้าวันนั้น
รู้่รู้ว่า เส้นขนานที่ฉันกะด้วยสายตาว่า เดี๋ยวคงได้พบกัน
แต่แล้วก็ไม่มีวันมาพบบรรจบกันได้เลย 
เหมือนชีวิตคนเรา ที่เดินไปด้วยกัน จับมือจูงเดินไปด้วยกันบนรางรถไฟรางคู่นั้น
ต่างก็ต้องคอยประคองซึ่งกันและกันไม่ให้ชีวิตของเราหรือเขาเหล่านั้น 
ล่มกลางทางเสียก่อนที่จะถึงจุดหมายปลายทาง 
แม้ไม่มีโอกาสได้อยู่ด้วยกัน ไม่มีโอกาสที่จะได้เจอกัน
ระยะเวลาในการเดินทางของสายชีวิตนั้น ต่างต้องพยายามมองคนรอบข้างด้วย
ไม่ใช่ว่า เราเดินดุ่มๆไปคนเดียว โดยที่
ไม่รุ้ว่า เมื่อไหร่คนเคียงข้างของเราก้าวพลาดบ้างหรือไม่
 หรือว่า อาจเป็นเราเองที่อาจก้าวพลาดบนเส้นทางสายนั้น 
ก็จะได้ช่วยฉุดมือกัน ดึงรั้งกันให้กลับมาในเส้นทางเดิม
แต่ก็เป็นน่ายินดีไม่ใช่เหรอ ที่อย่างน้อยเราสองคนได้ก้าวเดินไปด้วยกัน
ได้จับมือเดินไปในเส้นทางสายเดียวกัน แค่นี้ก็สุขใจพอแล้ว . 
                       ......................................................
                                   <  T  H  E    E  N  D >
                               ( ฉ า ง น้ อ ย   ท ะ เ ล ไ ร้ ค ลื่ น )
 				
1				
				
ดอกไม้ริมทาง  " ดอกขี้ไก่ "

หรือ " ดอกผกามาศ " นั่นเอง..				
comments powered by Disqus
  • ไร้อันดับ

    7 ธันวาคม 2551 21:02 น. - comment id 102809

    46.gif
    มาดูพ่อลูกเดินนับไม้หมอน
    สองคนพ่อลูก 1.5 กิโล
    น่าจะได้ สัก 3-4 ร้อยไม้หมอนมั้ง
    ถ้าไม่แน่ใจ ปายเดินนับใหม่อีกที
    คราวนี้เอาลุงปายแทนนะ 
    46.gif46.gif
    
    อ่านแล้วอิจฉาสองพ่อลูกจัง 11.gif
  • แก้วประภัสสร

    7 ธันวาคม 2551 21:05 น. - comment id 102810

    อ้าว..19.gif20.gif
    พี่แบมไม่ทันมอง น้องสาวเราก็ลงเหมือนกัน
    เด๋วขอที่ 2  ต่อพี่ไร้ฯ เด๋วกลับมาใหม่
    19.gif65.gif36.gif
  • แก้วประภัสสร

    7 ธันวาคม 2551 21:21 น. - comment id 102811

    41.gif41.gif41.gif
    ขอบคุณฉางน้อยที่นำเรื่องราวดีๆ 
    พร้อมให้แง่คิดหลายๆอย่างกับอีกหลายๆคน
    ชีวิตคนเรา หาจุดที่สิ้นสุดไม่..
    การเดินทางไม่มีที่สิ้นสุด ..
    ต่างกันแต่ เส้นทางไหน ใครจะเลือกเดิน
    ต่างกันที่ประสบการณ์
    ขอบคุณ คุณเตี่ยของน้อง ที่มอบแง่คิดดีๆด้วยค่ะ
    หลับฝันดีค่ะน้องรัก
    อืม...วันนี้ได้อ่านอะไรที่มีความหมาย พี่แบมฝันดีแน่นอนค่ะ
    36.gif16.gif
  • ฉางน้อย

    7 ธันวาคม 2551 21:59 น. - comment id 102813

    1.....สวัสดีค่ะพี่ไร้อันดับฯ 
    
         ขอบคุณที่มาเจิมเม้นท์ประธานคนแรก
    
    55555519.gif   
    
    พูดถึงไม้หมอนรถไฟ ทำให้นึกถึงเตี่ย
    
    ฉางน้อย..... เตี่ยๆ ทำไมรถไฟต้องมีไม้หมอนล่ะเตี่ย 
    
    เตี่ย....... อ้าว ลูกนอน แล้วมีหมอนหนุนหัวไหมล่ะ 
    
    นั้นละ รถไฟก็ต้องมีไม้หมอนเหมือนกัน แทนหมอนนุ่มๆ 5555
    
    (แหมๆ ทำไปได้ เตี่ยฉ๊านนนน) 555546.gif
  • ฉางน้อย

    7 ธันวาคม 2551 22:01 น. - comment id 102814

    2.....สวัสดีค่ะพี่แบม
    
     วันหลังต้องหัดวิ่งใหม่แล้วล่ะค่ะ 
    
    วิ่งไม่ทันพี่ไร้อันดับสักทีน๊า
    
    พี่เค้าน่ะ ระดับนักวิ่งกวด  4 คูณ 100 เมตรแน่ะ อิอิ 46.gif65.gif
  • ฉางน้อย

    7 ธันวาคม 2551 22:04 น. - comment id 102815

    3.....พี่แบมคะ เรื่องราวความผูกพันระหว่างเตี่ยกับฉางน้อยมีเยอะแยะมากมายค่ะ
    
    สิ่งที่ฉางน้อยนำมาให้พี่อ่านนั้น ยังน้อยไปคะ 
    
    ส่วนมากฉางน้อยเก็บในลิ้นชักแห่งความทรงจำที่ดีๆสำหรับตัวฉางน้อยเองค่ะพี่
    
    ฉางน้อยเขียนแค่บันทึกเป็นเรื่องราว แค่อยากเล่า อยากบอกแค่นั้นเองคะ ไม่มีอะไรมากมายหรอกคะ 
    
    ขอบคุณพี่ย่าแบมมากนะคะ ที่มาอ่านเรื่องราวของฉางน้อย เขียนแบบไร้สาระน่ะคะ 
    
    .........ขอบคุณสำหรับไมตรีจิต
    
    ขอบคุณมิตรทุกท่านนะเจ้าค๊า.....1.gif36.gif65.gif74.gif
  • .

    7 ธันวาคม 2551 23:21 น. - comment id 102816

    ริมทางรถไฟ  
    เดินไปถึงไหนก็ดี
    นรกสวรรค์มากมี    
    ชีวิตคนดิ้นรนอีกนาน....
    
    
    
    
    46.gif21.gif20.gif
  • วิทย์ ศิริ

    7 ธันวาคม 2551 23:27 น. - comment id 102817

    เยี่ยมทีเดียว น้องฉางน้อย
    จะบอกว่า
    ความรู้สึก ความคิด ความเข้าใจของคนสองคนมีมากกรณีจริงๆที่เดินบนเส้นขนาน
    แต่มีบางสิ่งที่แน่นอนเคินบนเส้นทางเดียวกันของสิ่งที่เราเรียกว่า ชีวิต คือ......หมายถึงการเกิดและการดับ  เกือบทุกคนพอใจการเกิด
    และลืมคิดถึงอีกสิ่งตรงข้ามกัน
    ที่ว่าน้องฉางน้อยเก็บความทรงจำที่ดีไว้ในกล่องลิ้นชัก พี่จะขอเตือนให้หมั่นชักลิ้นชักบ่อยๆ มิเช่นนั้นอาจจะชักลิ้นชักไม่ออกเพราะรางลิ้นชักดันขึ้นสนิมเสียก่อน อิอิ4.gif7.gif
  • ฉางน้อย

    7 ธันวาคม 2551 23:45 น. - comment id 102818

    7.....สวัสดีค่ะ คุณลุงจุด ของใครหว่า ?
    
    อะแฮ่ม....
    
    .....สองข้างทางรถไฟ
    
    ก้อนดินหินใหญ่มากมาย
    
    ดอกไม้สวยสดหลากหลาย
    
    ขี้ควายมากมายก่ายกอง......46.gif65.gif74.gif  
    
    ..........55555
    
    โทษทีค่ะ กลอนพาไปนะเจ้าคะ  อิอิ
    
    รักษาสุขภาพนะคะ.....19.gif20.gif46.gif65.gif74.gif
  • ฉางน้อย

    8 ธันวาคม 2551 01:05 น. - comment id 102819

    8.....สวัสดีค่ะพี่วิทย์
    
    พี่วิทย์เคยไหมล่ะคะ ที่เดินบนรางรถไฟคนละข้างกับเพื่อนหรือใครสักคน
    
    หากเราเดินคนเดียว ก็ทรงตัวไม่ค่อยตรงใช่ไหมคะ 
    
       เราต้องช่วยกันประคองจับมือกันกับเพื่อนที่เดินบนรางอีกฝั่งหนึ่งใช่ไหมคะ
    
    นั่นแหละคะ ฉางน้อยก็แค่คิด นำเอาประสบการณ์ที่เจอกับตัวเองมาเขียน
    
    เพราะสมัยเด็กๆฉางน้อยเคยเดินเล่นบ่อยคะ  
    
    เดินเล่นบนรางรถไฟแล้วชวนเพื่อนมาแข่งกันเดินบนราง ใครเดินโดยไม่หล่นเลย ชนะไป
    
    แต่แล้วไม่มีใครไปถึงจุดหมายปลายทางที่ว่านั่นสักคน มีแต่ต้องจับมือประคองไป ช่วยกันพยุงตัวเดินบนรางรถไฟให้รอดพ้นไปได้
    
    ...... ปล. ลิ้นชักความทรงจำยังมีเรื่องราวมากมายค่ะพี่
    
    ตอนนี้ฉางน้อยเริ่มเคาะสนิมแล้วล่ะค่ะ 
    
    .... ขอบคุณที่เข้ามาทักทายและให้กำลังใจกันนะคะพี่วิทย์ .....
    
    1.gif46.gif65.gif74.gif
  • **ฝนเองจ้า**

    8 ธันวาคม 2551 03:55 น. - comment id 102821

    ว่าแล้วฉางน้อยอย่าคิดเอาไม้หมอนรถไฟไปทำฟืนที่บ้านนะ 
    เด๋วเจ้าทุกข์มาตาม อิอิ
    
    ฝนมานั่งอ่านนิทานของฉางน้อยสนุกมากเลยค่ะให้ข้อคิดดีด้วยค่ะ.... งิงิ
    
    มีดอกไม้อีกชนิดหน่งที่ค่อนข้างสวยสะดุดตา คือดอกไมยราฟ ฝนชอบดึงเล่นบ่อยๆๆตอนเล็กๆๆถึงแม้หนามมันจะตำมือ แต่ ก็สนุกที่จะได้เด็ดมันออกจากต้น
    โดยพนันกันว่าใครไม่โดนหนามไมยราฟตำคนนั้นเก่งกว่า.....อิอิ
    ในที่สุดทุกๆๆครั้งที่ถอนดึงฝนโดนหนามตำทุกที 
    41.gif41.gif11.gif59.gif
  • คนบนเกาะ

    8 ธันวาคม 2551 08:19 น. - comment id 102822

    36.gif  น้องฉางน้อง  แล้วเดี๋ยวนี้ไม่กลับไปเยี่ยมรางรถไฟบ้างเหรอครับ  เตี่ยท่านน่ารักมากนะครับ
  • ฉางน้อย

    8 ธันวาคม 2551 08:57 น. - comment id 102823

    11.....สวัสดีค่ะคุณฝนเองจ้า.....6.gif..
    
    ฉางน้อยก็แค่เขียนเล่นๆ
    
    เล่าประสบการณ์ตอนเด็กๆน่ะค่ะ
    
    เดี๋ยวนี้ก็ยังเป็นเด็กนะคะ
    
    แต่เป็นเด็ก ( เหลือ ) น้อย ค่ะ 
    
    55555519.gif....
    
        คุณฝนสบายดีไหมคะ 
    
    ขอบคุณที่มาทักทายกันคะ 
    
    46.gif65.gif74.gif6.gif
  • ฉางน้อย

    8 ธันวาคม 2551 09:00 น. - comment id 102824

    12.....สวัสดีค่ะพี่คนบนเกาะ
    
    ปีใหม่นี้ไงคะ กลับไปเยี่ยมเพื่อนเก่า
    
    รางรถไฟสุดลูกหูลูกตา 
    
    ว่างๆจะกลับไปเดินนับไม้หมอนรถไฟดีกว่า อิอิ
    
    ......พี่สบายดีไหมคะ ขอบคุณที่แวะทักทายค่ะพี่
    
       เตี่ยของฉางน้อยใจดีพอสมควรคะ ไม่ดุ มีเหตุผลเสมอ  พวกเราลูกๆไม่เคยกลัว แต่แค่มองตาก็ จ๊ากกกก ตัวใครตัวมัน
    
    55555546.gif65.gif74.gif
  • ลิลิต

    8 ธันวาคม 2551 14:13 น. - comment id 102831

    ฉางน้อย...เขียนเรื่องนี้แล้วนึกเห็นภาพ..ฉางน้อย คงจะเรียนเก่งวิชาเลข..เพราะเตี่ยพาเดินนับไม้หมอนตั้งแต่เด็ก ..อิอิ..
    
    สำหรับพี่ นั้นเห็นรางรถไฟทุกวัน...
    เพราะต้องขับรถผ่านถนนพาดรางรถไฟ..และจุดนั้นเป็นถนนสายเล็ก ๆไม่มีเครื่องกั้น..มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นบ่อย ๆ
    ..เวลาขับรถผ่านที่ไร ก็หันมองซ้าย - ขวา ดูว่ามีรถไฟผ่านมาหรือไม่ ..จนแข็ดคอทุกที...
    
    เป็นเรื่องสั้นที่น่าประทับใจครับ...
    
    
    ..41.gif41.gif41.gif41.gif
  • ฉางน้อย

    8 ธันวาคม 2551 15:12 น. - comment id 102832

    15.....สวัสดีค่ะพี่ลิลิต
    
    .......จริงๆแล้วฉางน้อยไม่เคยนับได้สำเร็จสักที
    
    ว่า รางรถไฟสายนั้นระยะทาง 1.5 กิโลนั้น มีไม้หมอนทั้งหมดกี่อัน ...55555
    
    เดินพลาง เล่นรพลาง คุยพลาง 
    
    สุดท้าย ก็ลืมจนได้คะ อิอิ 46.gif....
    
    เอ.... สงสัยบ้านพี่ลิลิต อยู่ใกล้บ้านก๋งของฉางน้อยเป็นแน่ 5555
    
    ขอบคุณที่มาทักทายค่ะพี่......46.gif
  • ยัยตาโต

    9 ธันวาคม 2551 22:06 น. - comment id 102840

    เย้ๆ  ยัยตาตี่เขียนเก่งจังเลย
    
    ไปด้วยดิ เดินนับหมอนลางรถไฟ
    ส่วนยัยตาโต เดินนับกองขี้ควาย
    
    กั๊ก กั๊ก กั๊ก
    17.gif17.gif17.gif
  • กิ่งโศก

    9 ธันวาคม 2551 22:50 น. - comment id 102842

    ชอบตรง ทางขนานนี่แหละ..
    
    เส้นทางที่ไม่เคยบรรจบกัน..
    
    แม้เส้นทางเดิน ของใครบางคน ไม่อาจบรรจบกับใครบางคน ...แต่ ใครบางคน กับ อีกใครบางคนสามารถเดินไปพร้อมๆ กันได้..
    
    เขียนได้ดีฉางน้อย..41.gif41.gif
  • ฉางน้อย

    10 ธันวาคม 2551 08:49 น. - comment id 102845

    17.....แหมๆ ยัยตาโตก้อ มาทำตาโตๆสมชื่อเลยนะหล่อน อิอิ 
    
    เป็นไงมั่งจ๊ะ สบายดีป่าว ดูแลตัวเองดีๆด้วยล่ะ 
    
    หนาวไหมที่โน่นน่ะ 
    
    คิดถึงเสมอแหละ แต่ใครบางคนเขาไม่คิดถึงาตึ่แล้ว เศร้าจัง ...66.gif10.gif
  • ฉางน้อย

    10 ธันวาคม 2551 08:53 น. - comment id 102846

    18.....สวัสดียามอากาศหนาวๆเย็นๆค่ะพี่กิ่งโศก
    
    หายไปเลยน๊า ฉางน้อยคิดว่าพี่ลืมกันซะอีก อิอิ
    
    รอว่า เมื่อไหร่น๊า พี่กิ่งโศกจะมาอ่าน 
    
    ยังคิด เอ.. จะมาป่าวน๊า 55555
    
    (พุดจริงๆนะคะ) ขอบคุณด้วยมากมายที่ยังคิดถึงกัน
    
    ขอบคุณที่แวะทักทายค่ะพี่.....
    
    ...... ใช่แล้วค่ะพี่กิ่งโศก แม้ทางเดินของใครบางคนหรืออีกหลายๆคนอาจไม่ได้เดินร่วมทางกัน แต่สองคนต่างก็มีจุดหมายปลายทางเดียวกันนี่คะ
    
    ในระหว่างที่เดินด้วยกันนั้น เราสองคนเดินพร้อมๆกัน  อาจจับมือไปด้วยกัน หรือว่า เดินสวนทางกัน 
    
    ก็แล้วแต่เนอะ ยิ่งพุดยิ่ง งง ...5555519.gif46.gif
  • แจ้นเอง

    10 ธันวาคม 2551 14:35 น. - comment id 102851

    36.gif
    
    ไปเดินเล่นเลียบริมทางรถไฟ พร้อมๆเตี่ย กะฉางน้อย สนุกจัง  ฉางน้อยมัวแต่มองหาจุดสิ้นสุด เลยสะดุด หัวทิ่ม อิอิ  ล้อเล่ง  แอบอิจฉาอยู่นี่ล่ะ ได้เดินจูงมือเตี่ยด้วย มีความสุขจังน๊า
  • ฉางน้อย

    10 ธันวาคม 2551 14:55 น. - comment id 102852

    21.....สวัสดีค่ะพี่แจ้น
    
    เดินนับหมอนที่รางรถไฟด้วยค่ะพี่แจ้น
    
    นับไป นับมา เอ.. เท่าไหร่แล้วหว่า 555546.gif  
    
    ลืมๆไปเลย อิอิ 
    
    ขอบคุณที่มาทักทายค่ะพี่แจ้น
    
    หายไปนานเลยน๊า พี่สาวเรา กิ๊วๆๆ46.gif65.gif74.gif74.gif65.gif
  • กันนา

    11 ธันวาคม 2551 07:37 น. - comment id 102863

    อ่านแล้วเพลิดเพลิน  ได้ความรู้
    อย่างน่ารักมากเลย  สไตล์ฉางน้อย
    เลยน้อ  ไม่สงสัยเลยว่าทำไม
    ดูท่าทางฉางน้อยมีความสุขในชีวิตมากมาย
    มีเตี่ยเป็นฮีโร่นี่เอง    ครอบครัวดีคือคำตอบน้อ
  • ฉางน้อย

    11 ธันวาคม 2551 09:31 น. - comment id 102865

    23.....สวัสดีค่ะคุณป้ากันนาเทวี(หรือเปล่าคะ)
    
    ขอบคุณมากๆที่เข้ามาอ่านและทักทายเรื่องราวของฉางน้อยคะ
    
    เป็นความทรงจำที่ดีๆในสมัยเด็กๆน่ะคะ
    
    ฉางน้อยก็มีทั้งทุกข์ทั้งสุขนะคะ ไม่ใช่ว่ามีแต่สุขอย่างเดียว แหมๆ ถ้าคนเรามีแต่ความสุขก็ดีซิคะ 
    
    ยอมรับคะว่า เตี่ยเป็นผู้นำครอบครัวที่น่ารัก  รักมากๆๆเลย อิอิ
    
    ขอบคุณนะคะป้ากันนา....1.gif36.gif
  • รอยทาง

    17 ธันวาคม 2551 02:39 น. - comment id 102905

    อ่านเเล้วรู้สึกดีจังเลยคะ  นานๆ  จะเเวะเข้ามาสักครั้ง  พูดถึงทางรถไฟ  มีอดีตฝังใจเป็นบทเรียน  ขับรถข้ามทางรถไฟไม่มีเเผงกั้น  เเล้วหญ้าก็รกไปหมด  หวิดก้นรถไปนิดเดียว  นึกถึงทีไรก็หวาดเสียว   ตอนนี้กลายเป็นโรคหวาดผวา กับทางรถไฟไปเลยคะ
  • ฉางน้อย

    20 ธันวาคม 2551 18:54 น. - comment id 102954

    25.....สวัสดีคะคุณรอยทาง
    
    ขอโทษด้วยนะคะที่เพิ่งมาตอบ พอดียุ่งๆนิดหน่อยคะ 
    
    เป็นบุญแล้วล่ะคะ ที่รถไฟไม่เฉี่ยวก้นอันงามของคุณรอยทาง อิอิ ล้อเล่นนะคะ
    
    ความเร็วและแรงของรถไฟน่ากลัวมากนะคะ หากว่าใครได้ยืนใกล้ๆแทบทรงตัวไม่อยู่เลยจริงๆนะคะ
    
    ขอบคุณนะคะที่เข้ามาทักทาย พูดคุยกันคะ
  • sakai

    12 กุมภาพันธ์ 2555 00:16 น. - comment id 128461

    ดอกขี้ไก่หรือดอกผกากรอง...ไม่ใช่ผกามาศ... ต้นผกามาศ ดูเผินๆคล้ายกันกับต้นเข็มทั้งดอกและใบ แต่สูงใหญ่กว่าออกดอกเป็นช่อสีขาว มีกลิ่นหอมเย็นอ่อนๆ 61.gif

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน