ตอนแรกตั้งใจว่า จะไม่เขียนเรื่องราวความทรงจำเกี่ยวกับพ่อ หรือเรื่องราวของวันพ่ออีกแล้ว เพราะตัวฉันเองคิดว่า อยากขอเก็บเป็นความทรงจำที่ดีๆในใจเรามากกว่า แต่บังเอิญว่า ได้พูดคุยกับเพื่อนๆเรื่องราวความผูกพันธ์ระหว่างพ่อกับลูก ก็เลยคิดทบทวนอีกที อ่ะๆ เขียนก็ได้ สมัยเด็กๆเรียนชั้นประถมฉันจำได้ว่า เรียนชั้นป.4มั้ง คุณครูประจำชั้นให้เขียนเรียงความเกี่ยวกับ ฮีโร่ในดวงใจ เพื่อนๆร่วมห้องเรียนของฉัน เขาจะเขียนถึงตัวการ์ตูนที่เชาชื่นชอบ เช่นโดเรมอนบ้างล่ะ นินทาฮาโตริ นินจาเต่า บ้างล่ะ หรือว่า มดเอ็ก มดแดงอะไรประมาณนี้น่ะค่ะ คุณรู้ไหมคะว่า ฉันชอบดูการ์ตูนอะไรมากที่สุด ดอกเตอร์สลัมกับอาราเล่ค่ะ แต่นั่นไม่ใช่ฮีโร่ในดวงใจฉันสักนิดเดียว สำหรับฉันแล้วฮีโร่ในใจฉันนั้นก็คือ พ่อ ( แท้จริงแล้วฉันไม่ได้เรียกว่า พ่อ อย่างคนอื่นๆหรอกคะ ฉันเรียก เตี่ย มาตั้งแต่จำความได้) ในเรียงความกระดาษสมุดธรรมดา แผ่นนั้นฉันจำได้ว่า ฉันพรรณนาเรื่องราวความผูกพันของฉันกับเตี่ยไว้ซะมากมาย ก็ฉันเป็นเด็กผุ้หญิงนี่นะ คนอื่นอาจมองว่า ฉันชอบอ้อนเตี่ย ชอบประจบเตี่ย และตัวฉันเองมักจะมองว่า เตี่ยของตัวเองนะ เก่งกว่าใครๆในโลกนี้ เพราะฉันคิดว่า เตี่ยปกป้องดูแลฉันมาตลอด เตี่ยฉันชอบสร้างเครื่องเล่นในสนามหญ้าหลังบ้านให้ลูกๆได้เล่นกันอย่างสนุกสนาน ไม่ว่า ไม้หมุนเอย ไม้กระดกเอย หรือแม้แต่ไปขอยางรถยนต์จากร้านซ่อมรถ นำมาผูกกับต้นขี้เหล็กใหญ่หลังบ้านให้ลูกได้ปีนป่าย ได้เล่นชิงช้ากัน เรื่องชิงช้านี่ก็เหมือนกัน เตี่ยไปหาไม้ในห้องเก็บของที่ขนาดพอเหมาะ กับเด็กๆอย่างฉัน เตี่ยทำชิงช้าไม้ไว้สัก 4ตัว เครื่องเล่นอื่นๆอีกหลายอย่างหลายชนิด ในตอนนั้น เพื่อนๆบ้านใกล้เคียงกัน ก็มาขอเล่นด้วย ทำให้บ้านฉันเป็นแหล่งชุมนุมของเด็กๆ ที่ทั้งวันจะมีแต่เสียงหัวเราะเจี๊ยวจ๊าว อบอวลด้วยรอยยิ้มอย่างมีความสุขที่พวกเขาได้ของเล่นถูกใจ ฉันจำไม่ได้หรอกว่า ฉันเขียนอะไรไปบ้างในกระดาษสมุดแผ่นนั้น จากคะแนน10 ฉันได้ 10เต็ม ฉันจำได้เพียงว่า บทสุดท้ายนั้นฉันเขียนเอาไว้ว่า " เมื่อพ่อแม่แก่เฒ่าชรากาล จงเลี้ยงท่านอย่าให้อดรันทดใจ " ฉันได้รางวัลจากการเขียนเรียงความในครั้งนั้นเป็นสมุดลายการ์ตูน2เล่ม กับดินสอสีไม้อีก1ชุด แค่นี้ฉันก็ยิ้มแก้มปริแล้ว เปล่าหรอกนะ ฉันไม่ได้ดีใจที่ได้ของรางวัลจากคุณครู ฉันเพียงแต่ภูมิใจว่า เย็นนี้จะเอาเรียงความนี้ไปอวดเตี่ย ที่ได้คะแนนเต็ม 10 เย็นวันนั้นฉันนำรางวัลที่ได้ไปอวดเตี่ย พร้อมกับกระดาษที่เขียนเรียงความแผ่นนั้นด้วย เตี่ยรับมาอ่าน แล้วก็ยิ้มๆ ไม่พูดว่าอะไร คำเดียวที่เตี่ยพูด.." ไม่เห็นได้เรื่้องตรงไหนเล๊ย ครูตาถั่วให้ตั้ง 10 คะแนนเต็ม " ฉันรู้ เตี่ยก็แกล้งพูดไปงั้นแหละ กลัวลูกสาวจะเหลิงกับคำชม เตี่ยพูดพลางอมยิ้มน้อยๆ มือก็วางบนหัวฉันแล้วจับโยกเบาๆ และฉันก็รู้อีกเช่นกันว่า เตี่ยก็(แอบ)ภูมิใจในตัวลูกสาวคนนี้เหมือนกัน ........................................... ครอบครัวของฉันเป็นครอบครัวที่แสนจะธรรมดาๆใช้ชีวิตแบบง่ายๆ เตี่ยบอก สอนเสมอๆว่า อย่าไปเป็นหนี้ใครดีที่สุด เพราะจะทำให้ชีวิตเราไม่มีความสุข มีแค่ไหน ก็ต้องใช้ ต้องกินอย่างประหยัด อย่าไปเอาอย่างคนอื่น เตี่ยไม่ใช่คนรวย ไม่มีเงินทองให้มากมาย เตี่ยให้แค่ ความรุ้ พยายามเรียนให้สูงที่สุด เอาตัวเองให้รอด ตอนเด็กๆฉันก็ฟังหูซ้ายทะลุหูขวาเรื่อยมา เล่นไปเรื่อย ในขณะเดียวกันพี่ชายฉันชอบความเรียบร้อย ชอบความสะอาด ชอบอยู่กับแม่ คลุกคลีกับแม่ เข้าครัวทำอาหารกับแม่ ในทางตรงกันข้าม ฉันมักเดินตามหลังเตี่ยต้อยๆ ไปไหนไปกันสองพ่อลูก ซึงคนในหมู่บ้านจะรู้กันดี ไม่ว่าไปไร่ไปนา ไปสวน ไปหาปลา ไปตกปลา ไปบ่อนากุ้ง ไปจับปูเปี้ยวตัวเล็กๆ งานแบบนี้ฉันชอบ ชอบที่จะได้เรียนรู้สิ่งต่างๆจากเตี่ยมากมาย ไปตกปลา ไปจับปูในนาก็ทำมาแล้ว มีอยู่ครั้งหนึ่งเตี่ยกำลังจะไปตกปลา นำคันเบ็ดมาวางแล้วมากระซิบกระซาบกับฉันสองคน ฉันก็พยักหน้าหงึกๆ แล้วพากันไปนั่งข้างกองดิน เตี่ยก็ขุดๆๆ ฉันก็นั่งลุ้น สักพักพี่สาวคนโตโผล่หน้ามาเรียกทานข้าว เธอวิ่งเข้ามาก้มมองว่า เราสองคนพ่อลูกขุดดินหาอะไรกัน " เจ๊ๆ เอาป่าว ไส้เดือน เตี่ยเพิ่งขุดได้ นี่ไง น่ารักเชียว ตัวแดงๆ ยังดิ้นกระแด่วๆอยุ่เลย " ฉันเอ่ยถามพี่สาว พลางก็ยื่นไส้เดือนเป็นๆให้ตรงหน้า พี่สาวร้องกรี๊ดได้ยินไปสามบ้านแปดบ้าน ฉันวิ่งหลบไปหลังเตี่ยเพราะรู้ว่า จะเกิดอะไรขึ้นในวินาทีถัดไป " ยัยบ้า ไปให้พ้นๆเลยไป ยี้ๆๆ เอาอะไรมาเล่นก็ไม่รุ้ น่าหยะแหยง แหวะ.. ไปล้างมือให้สะอาดเลยนะ ไม่งั้นไม่ต้องไปกินข้าวร่วมโต๊ะด้วย แหวะๆ..." พี่สาวคนโต พูดพลางทำท่าขนลุกขนพอง หลังจากพี่สาวก้าวพ้นเขตที่เราสองคนพ่อลูกขุดไส้เดือนเพื่อเอาเป็นเหยื่อตกปลากันแล้ว เราสองคนพ่อลูกต่างหันมองหน้ากัน หัวเราะคิกคักด้วยความชอบใจ " เตี่ยๆ แล้วเราขุดไส้เดือนไปให้ปลากินไม่บาปเหรอเตี่ย " ฉันพูดเหมือนคนที่กลัวบาปเต็มที ทั้งๆที่ไม่เคยเห็นหน้าตาของเจ้าตัว บาป เลยสักครั้ง " ไม่หรอกลูก มันเป็นวัฏจักของธรรมชาตินะลูกน ะ ถึงแม้ว่าเราไม่ขุดไส้เดือนไปเป็นเหยื่อปลา พอถึงเวลา ไส้เดือนก็ตายไปเอง แถมซากของไส้เดือนยังเป็นปุ๋ยให้แก่ดินอีกน่ะ " " เตี่ยๆ แล้วไอ้วัฏจัก คืออะไรล่ะเตี่ย " ฉันถามเตี่ยด้วยความสงสัย พลางเดินก้าวข้ามสะพานไม้หมากไปยังคลองอีกฝั่งเพื่อนำราวเบ็ดไปปักไว้ ในขณะเดียวกันอุ้งมืออันแข็งแรงและอบอุ่นของเตี่ยก็คอยจับมือฉันไว้ ไม่ให้ฉันก้าวพลาดพลัดตกจากสะพานไม้หมากแห่งนั้น " อืม.. แล้วจะเล่าให้ฟังนะลูกนะ ไว้ให้หนูโตอีกนิด ตอนนี้คุยไปก็แค่นั้น " รอยยิ้มเตี่ยผุดพรายในใบหน้า ไม่เคยมีเลยที่เตี่ยจะรำคาญลูกๆ ไ ม่่ม่เคยมีเวลาไหนที่เตี่ยจะบ่นให้ลูกๆได้ยิน ฉันชอบที่จะเสาะแสวงหาความรู้ประสบการณ์รอบบ้านกับเตี่ย ประสบการณ์ที่ฉันคิดว่า เด็กๆในเมืองไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะได้สัมผัสธรรมชาติชนบทบ้านเรา ฉันโชคดีที่เกิดเป็นลูกของเตี่ย เตี่ยสอนให้ลูกๆได้เรียนรู้ประสบการณ์ต่างๆ แม้แต่ .38 ฉันก็เคยจับมาแล้ว เตี่ยสอนแม้แต่กระทั่งว่า การป้องกันตัวเองในกรณีที่ว่าไม่ชอบมาพากล เตี่ยไม่เคยห้ามถ้าฉันจะเล่นตะกร้อ กลับมาร่วมวงสนุกด้วยกันซะอีก เตี่ยบอกว่า อยากทำอะไรทำไป ถ้าไม่เดือดร้อนคนอื่น ทุกวันนี้ฉันอยากกลับไปใช้ชีวิตแบบเดิมๆที่ชนบท แต่ไม่มีทางเป็นไปได้อีกแล้ว ความจำเป็นในการดิ้นรนหาเลี้ยงตัวเอง ทำให้ฉันต้องทนอยุ่ในเมืองแคบๆ อึดอัด สังคมรอบตัวเราเหมือนคนแปลกหน้าของกันและกัน แม้ว่าบ้านเราหลังเก่ายังเหมือนเดิม แต่ บางสิ่งบางอย่างไม่่เหมือนเก่า ชิงช้าตัวนั้นไม่มีเสียแล้ว ผุพังตามกาลเวลา ต้นขี้เหล็กใหญ่โต เคยให้ร่มเงาต่างพากันโค่นล้มราวกับไม่ต้องการยืนต้นอีกต่อไป พวกเขาคงเหน็ดเหนื่อยกันมานานมากโขแล้ว บางทีก็เหนื่อยนะ บางครั้งก็ท้อ อยากพักอย่างพวกต้นขี้เหล็กเหล่านั้นบ้าง แต่ทำไม่ได้อย่างพวกเขาน่ะซิ เราเป็นคน ไม่ใช่ชิงช้าตัวนั้น ไม่ใช่ต้นขี้เหล็กต้นนั้น เฮ้อ..นั่งคิดถึงเรื่องราวของวันวาน แล้วอดที่จะยิ้มเสียไม่ได้ สุขใจอย่างบอกไม่ถูก .........................................
2 ธันวาคม 2551 11:47 น. - comment id 102640
มีคนไกวชิงช้าให้ยัง พี่แจ้นอาสาจ๊ะ แต่ผลัดกันนะ ชอบเล่นชิงช้าจ๊ะ เตี่ยน่ารักจังนะ อุ่นมั้ยเวลาเตี่ยจับมือแล้วพาเดิน ตอนนี้ทั้งน้ำมูกน้ำตาไหลเปื้อนหมดแล้วฉางน้อยเอ๋ย
2 ธันวาคม 2551 13:29 น. - comment id 102648
เป็นเรื่องเล่า ที่มีความมหมายมาก สำหรับความผูกพันธ์ระหว่างพ่อกับลูก คิดถึงพ่ออีกแล้วสิเรา
2 ธันวาคม 2551 14:53 น. - comment id 102649
ฉางน้อย มาแอบเขียนเรื่องอยู่นี่เอง พี่สาวบ่นว่าไม่ยอมอ่านหนังสือ มัวแต่เล่นอยู่นั่นแหละ ไปไปอ่านหนังสือหนังหา ครูให้เขียนเรียงความอีกแล้ว ไม่ใช่เหรอ ที่นี้ได้รางวัลเป็น น้ำแดงหนี่งแก้วด้วย บอกต้นขี้เหล็กที่ล้มลงด้วย อีกไม่นานจาปายนอนคุยด้วย รอก่อนนะ
2 ธันวาคม 2551 15:52 น. - comment id 102651
1.....สวัสดีตอนบ่ายค่ะพี่แจ้น เรื่องราวความสนุกของเตี่ยและฉางน้อยมีมากมายค่ะ ไว้ว่างๆมีโอกาสจะนำมาเล่าใหม่นะคะ อ่ะๆๆ ทิชชู่ค่ะพี่ ม้วนละ 10 บาทขาดตัวไม่แพงๆ อิอิ ขอบคุณที่แวะทักทายนะคะพี่แจ้น
2 ธันวาคม 2551 15:53 น. - comment id 102652
2.....สวัสดีค่ะพี่ย่าแบม อิอิ พี่แบมคะ ไว้วันหน้าจะมาเล่าใหม่คะ เรื่องราวความสนุกมีอีกเยอะค่ะ ใกล้ถึงวันพ่ออีกแล้ว เนอะ เศร้าจัง ......
2 ธันวาคม 2551 15:56 น. - comment id 102653
3.....สวัสดีค่ะพี่นักสืบ เจ่เจ๊มัสฝากบอกคิดถึงพี่นะคะ ชอบตอนวัยเด็กๆค่ะพี่นักสืบ มีเครื่องเล่นมากมายที่บ้าน มีเพื่อนเยอะค่ะ หนังสือหนังหาไม่ต้องอ่านกัน มัวแต่เล่น มัวแต่หากิ้งก่า หากบหาเขียด 555555 ........รออ่าน ตอนต่อไปนะคะพี่นักสืบ
2 ธันวาคม 2551 17:42 น. - comment id 102658
อ่าน เรื่องราวที่ฉางน้อย เขียนแล้วเพลินดี.. ซาบซึ้งถึงความผูกพันธ์ระหว่างฉางน้อยกับเตี่ย เป็นเรื่องราวที่น่าประทับใจ... พูดถึงต้นขี้เหล็ก..ดอกขี้เหล็กกินหรอยนะ..แกงขี้เหล็ก น้ำแห้งแพ๊ค ๆ ใส่ปลาช่อนย่างงง.... อิอิ..
2 ธันวาคม 2551 18:33 น. - comment id 102661
7.....สวัสดีค่ะพี่ลิลิต เตี่ยของฉางน้อยใจดีนะคะ ใจเย็นมากๆ เวลาลูกๆทำอะไรผิด จะยังไม่ดุตอนนั้น กลัวลูกๆอายเพื่อนๆ แต่เตี่ยจะสอนจะบอก คุยให้ฟังตอนเวลานั่งร่วมโต๊ะทานข้าวกันน่ะค่ะ หลายสิ่งหลายอย่างที่ฉางน้อยได้เรียนรุ้จากเตี่ยค่ะพี่ ขอบคุณนะคะ
2 ธันวาคม 2551 21:16 น. - comment id 102666
กิ่งโศกอ่านแล้ว..ซาบซึ้งมากเลยอะ... บางทีนะ เรามาอยู่เมืองหลาย แต่ไม่ค่อยได้กลับไปหาท่าน ปี นึง สองหนเองมั้ง อิ อิ เขียนดีมาก...น้องสาว..
2 ธันวาคม 2551 21:36 น. - comment id 102667
9.....พี่กิ่วโศกคะ อย่างที่บอกคะ ว่า มีเยอะแยะมากมายเรื่องราวที่ฉางน้อยอยากจะเขียน แต่บางครั้งก็ .เฮ้อ ความผูกพันไม่รุ้จบคะ ระหว่างฉางน้อยกับเตี่ย แล้วจะเขียนมาให้อ่านอีกนะคะ ขอบคุณค่ะพี่
3 ธันวาคม 2551 14:34 น. - comment id 102683
ฉางน้อย มีความทรงจำที่ดีๆกับพ่อมากมาย ซึ่งแสดงถึงความรักความผูกพันที่ยังยึดเหนี่ยวจิตใจให้อบอุ่นได้ แม้ไม่มีท่านอยู่แล้ว ลูกสาวตัวน้อยๆของเตี่ยก้ยังคงสดใสร่าเริงและมองโลกในแง่ดี ให้ความสุขและรอยยิ้มกับคนรอบข้างได้ เป็นข้อพิสูจน์ว่า พ่อ ไม่ได้จากฉางน้อยไปไหน...หากแต่ยังอยู่ในทุกอณูในความเป็น ฉางน้อย นั่นเอง.... ขอให้น่ารัก สดใส ตลอดไปนะจ๊ะ
3 ธันวาคม 2551 15:08 น. - comment id 102686
อีโร่ของใครของมันนึ นึกแล้วมักจะมีเรื่องสุขใจได้ทุกที
3 ธันวาคม 2551 18:05 น. - comment id 102711
ฉางน้อย...จำวันที่เตี่ยขึ้นรถไฟมากรุงเทพได้หรือเปล่า...วันนั้นเตี่ยขึ้นรถไฟโดยที่ไม่ได้บอกฉางน้อย เพราะเห็นว่าฉางน้อยหลับ....พอฉางน้อยตื่นขึ้นมารู้ว่าเตี่ยมากรุงเทพ ฉางน้อยปาดน้ำลายบูดทิ้งแบบลวกๆแล้วก็เผ่นมาสถานีรถไฟ จำได้ว่าอาการแบบนั้นไม่ควรเรียกว่า " วิ่ง " น่าจะเรียกว่า " โกย" ซะมากกว่า....ฉางน้อยโกยสองขาพาสองมือ วิ่งตามเตี่ยขึ้นรถไฟ จังหวะนั้นรถไฟกำลังเคลื่อนตัวออกจากสถานี ทุกคนเห็นเด็กหญิงผมยาวกำลังจะขึ้นรถไฟอย่างไม่กลัวเกรงว่าจะได้รับอันตราย เพียงเพื่อตามเตี่ยให้ทัน เตี่ยเห็นฉางน้อยกำลังจะขึ้นรถไฟ เตี่ยตัดสินใจลงจากรถ แต่ฉางน้อยเร็วกว่า ปีนบันไดรถไฟไปยืนเด่นเป็นสง่าอยู่ในขบวนรถไฟนั้นแล้ว........ส่วนเตี่ย....ลงมายืนข้างล่าง....สวนกันเส้นยาแดงผ่าแปด แล้วหลังจากนั้นล่ะ.....ไหนเล่าต่อสิจ๊ะว่าเกิดอะไรขึ้น ระหว่าง....... ข้อ 1 ฉางน้อยไปลงสถานีหน้าแล้วเตี่ยเอารถมอเตอร์ไซด์ไปรับ ข้อ 2 เตี่ยขึ้นรถไฟอีกขบวนหนึ่งแล้วมาเจอฉางน้อยที่สถานีหัวลำโพง โปรดติดตามตอนต่อไป ส่วนเรื่องยิงปืน ไม่ต้องพูดถึง ฉางน้อยสร้างวีรกรรมเอาไว้มาก ใครรู้รับรองขำกลิ้ง เอ่อ....ว่าแต่ปืนกระบอกนั้นฉางน้อยทำหายหรือยัง.......คุณนักสืบเค้าจะยืมใช้แป๊บ....
3 ธันวาคม 2551 18:58 น. - comment id 102714
11..... แหมๆๆ คุณโคลอน เข้าใจยอน๊า อิอิ คุณโคลอนคะ จริงๆนะคะ เรื่องราวของฉางน้อยกับเตี่ยแทบทั้งหมด ฉางน้อยจำได้เกือบทั้งหมดค่ะ ไม่ว่าเรื่องราวตั้งแต่เด็กๆหรือว่าลูกๆโต ก็ยังจำได้คะ เรียกว่า อยู่ในความทรงจำที่ดีๆในใจมากกว่าคะ จริงๆแล้วไม่ต้องการเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับพ่อ เตี่ยหรอกคะ แต่เห็นพี่แจ้น พี่แบม ต่างก็เขียน พี่ๆเขาบอกว่า เขียน เลามาเถอะอย่างน้อยก็เป็นการถ่ายทอด ความรู้สึกที่ดีๆที่ประทับใจให้เพื่อนๆได้อ่าน กันบ้าง ขอบคุณสำหรับกำลังใจให้เพื่อนคนนี้นะคะ คุณโคลอน ขอบคุณๆๆค่ะ
3 ธันวาคม 2551 19:00 น. - comment id 102715
12.....สหายยาคะ เรื่องราวความปรทับใจ ความทรงจำที่ดีๆ อย่าเก็บไว้คนเดียวคะ แบ่งปันให้เพื่อนได้อ่าน ได้รู้บ้าง แบบว่า อยากรู้เรื่องชาวบ้านอ่ะน๊าต่ะเอง อิอิ ล้อเล่งๆๆจ๊า สหายยาจ๋า.....
3 ธันวาคม 2551 19:26 น. - comment id 102716
13.....เจ่เจ๊ค่ะ ... พี่มัสยังจำเรื่องราวของฉางน้อยตอนเด็กๆได้อีกเหรอคะ .....เรื่องราววันนั้นมีอยู่ว่า เวลาสักประมาณช่วงบ่ายนะค่ะ เตี่ยก็ให้ฉางน้อยนอนเล่นๆที่เปลญวนตามปกต อย่างที่เคยทำมา แต่ฉางน้อยก็สงสัยว่า วันนี้ทำไมเตี่ยถึงให้ฉางน้อยนอนไวกว่าทุกวัน แต่ก็อ่ะนะ เห็นเตี่ยนั่งเล่านิทานก็นอนฟังไปเรื่อยๆค่ะ ฉางน้อยฟังไปก็อือๆออๆไปตามเรื่องตอนนั้นตากำลังจะปิดแล้วคะ และแล้วก็เคลิ้บๆหลับไป แทบจะสนิทก็ว่าได้ สะดุ้งตื่นมา ตกใจไม่มีเตี่ยนั่งเล่านิทานเหมือนเคย อ่ะ.. เตี่ยหายไปไหน ทั้งเจ่เจ๊มัส ทั้งเฮียสืบ ต่างก็พากันมองหน้าเลิ่กลั่กๆประมาณว่าเอาไงดี ทั้งสองมองตากัน ราวกับจะปรึกษากันว่าจะหลอกหมวยเล็กยังไงดี จนท้าย เฮียสืบทำใจกล้าไงคะ บอกว่า เตี่ยไปที่สถานีรถไฟไชยาแล้ว ฉางน้อยกรี๊ดดลั่นบ้าน เต้นเร่าๆราวกับไส้เดือนโดนน้ำร้อนน่ะค่ะ จำได้ เจ๊กะเฮีย พากันอุดหู ตกลงว่า ต่างก็ต้องพาฉางน้อยมาส่งที่สถานีไชยา รถไฟขบวนที่ 1476 รถด่วน กันตัง-หัวลำโพงกำลังจะออกจากชานชลา ไม่ทันการแระ ฉางน้อยกระโดดแผล๊วขั้นบันไดรถไฟ เป็นจังหวะเดียวกันที่เตี่ยเห็นฉางน้อยยืนละล้าละลัง เตี่ยตัดสินใจลงมาจากขบวนรถคันนั้น แต่... แต่.... แต่... ผิดคาดคะ รถไฟได้เคลื่อนตัวออกจากชานชลาไปเสียแล้ว โอ.. พระเจ้าช่วยกล้วยปิ้ง เอ๊ย กล้วยทอด เตี่ยยืนชะเง้อมองลูกสาวผมเปีย ใส่แว่นตากลมๆ ร้องไห้อวดเขี้ยวสองข้าง น้ำมูกเปรอะกรัง เอาไงดีๆ เจ๊กะเฮียสืบเลยบอกว่า ไปดักรอสถานีหน้าแล้วกันเตี่ย ใจเย็นๆ แต่ฉางน้อยนี่ซิ เหมือนตัวคนเดียวบนรถไฟขบวนนั้น เหลียวซ้าย มองขวา ไม่มีใครที่คุ้นหน้า มีแต่เราแหละที่หน้าแปลก อิอิ สักพักการ์ดรถไฟ ก็คงสงสารเด็กหญิงตาเขียวๆ เอ๊ยา ตาดำๆคนหนึ่ง เขาเลยชวนคุย บอกว่า ไม่เป็นไร เดี๋ยวลุงโฟนอินให้เตี่ยของหนูมารับที่สถานีหน้าแล้วนะ ไม่ต้องห่วง ใจเย็นๆ ( อิอิ คิดได้ไง ฟ่ะ โฟนอิน แหะ..แหะ..) ....เตี่ยกลับไปบ้านอีกรอบ แล้วก็จัดการลงมือเฉ่ง เอ๊ย สั่งสอนพี่สาวคนโต เจ่เจ๊มัสลินที่ไม่ดูแลน้องให้ดี แล้วก็หันมา เฉ่งเฮียคนรอง เฮียสืบ บอกว่า เฮียเป็นผู้ชาย ทำไมน้องตัวแค่นี้ ทำไม ถึงห้ามไม่ได้ เฮียยังบอกว่า ยัยนี่ฤทธิ์เยอะนี่ เตี่ยก็เคยรู้ฤทธิ์มังดี .....เตี่ยได้แต่อึ้งกิมกี่ อิอิ ไปๆๆ ไปให้หมด เอารถออก เตี่ยจะไปรับน้องที่สถานีหน้า ไอ้ชัยเพื่อนเตี่ยมันโฟนอินมาเมื่อกี้ บอกว่า กักตัว เอ๊ย ดูแลตัวหมวยเล็กให้แล้วไม่ต้องห่วง เจ่เจ๊คิดซิคะ จากสถานีไชยา กว่าจะถึงสถานีท่าชนะ เป็นเนินสูงๆต่ำๆ ไม่ได้มีพื้นที่เรียบซะเมื่อไหร่ สมัยก่อนใครมีรถแมงกะไซค์ใช้แต่ละบ้านก็หรูละ อิอิ เตี่ยเอารถออกมาได้ อ้าว แล้วไอ้สองตัวนั้นหายหัวไปไหนหมด ไม่มีใคร เตี่ยไปรับหมวยเล็กเองก็ได้ฟ่ะ ....... เตี่ยที่น่าสงสาร เตี่ยทั้งจูง ทั้งเข็นรถจักรยานยนต์คันนั้นไป กว่าจะถึงสถานีรถไฟท่าชนะ เฮ้อ หอบแฮ่กๆๆ ฉางน้อยถามเตี่ย อ้าว ทำไมต้องจูงละเตี่ย เตี่ย. อ่อ สงสัยยางรั่วมั้งลูก ฉางน้อย ... รั่วที่ไหนกัน ยังดีๆอยู่นะเตี่ย เตี่ย... อ่อ สงสัยยางไส้ในรั่วมั้งลูก ............... เพราะอะไรทราบไหมคะ เจ๊จำได้ไหม เตี่ย....... เตี่ย....เตี่ยขี่แมงกะไซค์เป็นซะที่ไหน เตี่ยขับเป็นแต่รถยนต์ ก๊ากกก 5555555 จบเหอะคะ ท่านผู้อ่าน 55555
4 ธันวาคม 2551 12:44 น. - comment id 102739
คำง่ายๆเพียงพยางค์เดียวอย่างคำว่า "พ่อ" ก่อเกิดคำนิยามมากมายให้แก่คำนี้ สายสัมพันธ์ที่ไม่อาจตัดขาดได้ ได้ซ่อนอยู่ในคำๆนี้เช่นกัน
4 ธันวาคม 2551 18:41 น. - comment id 102771
17..... ขอบคุณมากมายจ้า ที่มาทักทายกันค่ะ
5 ธันวาคม 2551 01:37 น. - comment id 102777
เรื่องนี้อ่านแล้ว ซึ้งๆ สบายๆ ชอบ ชอบ
5 ธันวาคม 2551 02:03 น. - comment id 102778
19.......สวัสดีจ๊ะ ยัยตาโต สบายดีป่าวคะ ขอบคุณที่มาอ่านแล้วทำหน้าตาซึ้งๆ 5555......... เอ... ว่า แต่ว่า ซึ้งนึ่งขนมป่าวน๊า แหะ...แหะ..
5 ธันวาคม 2551 15:30 น. - comment id 102788
ฮีโร่ของ(พระ)ฉัน.. วัน(เบา ๆ ) ของเรา ..ม้างงงง
5 ธันวาคม 2551 15:45 น. - comment id 102791
21.........แหวะๆๆ........ มาได้งายยยยย......% 74%..... เฮ้อ.....เศร้าอ่ะ วันนี้เหงาๆๆ เศร้าๆ ป่วนลิง ... จาก ลิงลป.ป่าว แหะ..แหะ...
5 ธันวาคม 2551 18:53 น. - comment id 102793
เหงาไรฟะ..สงสัยขายของไม่ดี ถุกเบี้ยวค่าแรง 5555
5 ธันวาคม 2551 20:57 น. - comment id 102796
23.....นั่นดิ ขายปลาทองไม่ได้สักตัว อิอิ ขำ... ขำปลาทองของใครบางคน ปลาทองแม่เอ๊ยยยยย... ปลาทองถูกๆจ๊า ปลาทองจาก ลป. หุหุ....
6 ธันวาคม 2551 11:46 น. - comment id 102801
เพิ่งจะได้อ่านวีรกรรมและพฤติกรรมของน้องสมัยเด็กๆก็คราวนี้แหละ เป็นความผูกพันที่กินใจไม่เบา แต่บางตอนเรื่องเตี่ยขี่แมงกะไซด์ตกสงขี่เป็นหรือไม่เป็น แล้วตอนที่ว่ามีแต่งเกินจากที่จริงๆมากหรือน้อย หรือเล่าเอามันสนุกสนาน น่าอ่านน่าประทับใจและน่าจะหยุดเวลาตอนนั้นสำหรับน้องฉางน้อยสต่ฟไว้ไม่ให้โตดีมั๊ย จะได้ไม่ต้องรำพึงรำพันว่าเกิดเป็นคนนี่มีสารพัดเรื่องราว สารพนปัญหา และที่สำคัญถ้าน้องไม่โตเป็นสาวและยังเป็นเด็กอยู่ บ้านกลอนคงเหงาพิลึกเพราะขาดกำลังหลัก ผเสียงหัวเราะ) และก็ต้องหาซื้อน้ำแดงคอยบริการน้องเรา ชอบในสิ่งที่น้องเขียนบรรยายมาทั้งหมดและดีใจที่ได้อ่าน....หาที่เปรียบบ่ได้เรอะ
8 ธันวาคม 2551 01:15 น. - comment id 102820
25......มาตอบตอนดึกๆนะคะพี่วิทย์ ......เรื่องที่ฉางน้อยเล่ามานั้น เป็นเรื่องจริงคะ 99.99 เปอร์เซนต์ เป็นเรื่องจริงๆค่ะพี่ ฉางน้อยเขียนเท่าที่จำความได้ เรื่องไหนจำไม่แม่นยำ ค่อยรื้อฟื้นอีกทีค่ะ ขอบคุณที่พี่วิทย์อ่านแล้วยิ้มอย่างมีความสุข ขอบคุณที่มาทักทายกันค่ะ .....น้ำแดง แฟนต้านะคะ ยี่ห้ออื่นไม่หร่อยเลย 555555