ชีวิต

bitter

แม่  คนที่รักฉันมากที่สุดในโลก  นานแสนนาน ที่แม่จากฉันไป แต่ฉันสินอกจากสูญเสียท่านแล้ว ยังสูญเสีย อะไรต่อมิอะไรอย่างต่อเนื่อง  มารับฟังกันนะคะ  สามีอันเป็นที่รัก  เคยสัญญากับฉันว่า  จะไม่ทอดทิ้ง ไม่ทำร้ายจะอยู่เคียงข้างฉันเสมอ ในวันที่เอาร่างของแม่เข้าเชิงตะกอน  กอดฉัน ปลอบ และให้คำมั่น เขาช่างเป็นคนที่ดีเสมอต้นเสมอปลาย  ในปีเดียวกันที่ฉันสูญเสียแม่  ช่วงที่ต้องวิ่งเข้าออกโรงพยาบาลเกี่ยวกับแม่ ก็โดนเพื่อนทำให้กิจการที่ร่วมลงทุนต้องล้มลง  แต่มันก็ไม่หนักเท่า  สามีนอกใจ  ในปีนั้น ทุกสิ่งโหมกระหน่ำ  ฉันแทบจะล้มทั้งยืน  จากการที่เป็นคนแกร่งภายนอกทำให้ยืนหยัดสู้  สามีให้รอจะเลิกกับคนใหม่ให้  แต่ตัวฉันเองไม่ยอม  ไม่ยอมให้เขาเลิกกัน เพราะหลังจากขอร้อง  และร้องขอ  เขาทั้งสองยังทำร้ายจิตใจ แต่กับตัวฉันไม่เท่าไร เริ่มลามไปถึงลูกสองคนอันเป็นแก้วตาและดวงใจของฉัน   ฉันจึงจำเป็นต้องขอร้องให้เขาไปอยู่ด้วยกันซะ  ปล่อยให้ฉันอยู่กับลูกสองคน  จากที่เขาทั้งสองขอเวลาแค่คืนวันศุกร์ถึงเย็นวันเสาร์ที่จะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน  ในทางกลับกัน ฉันขอให้อดีตสามี กลับบ้านมากินข้าวกับลูก เพียงมื้อเดียวในเย็นวันเสาร์  ขอเพียงแค่นั้น  เขาให้ฉันกันไม่ได้  เราเลยต้องจบชีวิตคู่ ฉันสงสารลูก ๆ มาก ฉันทำทุกวิถีทางที่จะทดแทนการสูญเสียของลูก ๆ ในเวลา 8 ปี ที่ต้องตรากตรำ ทำงาน ขายของ ดูแลลูกเพียงลำพัง แอบร้องไห้คิดถึงแม่ไม่ให้ลูกเห็น  ลูกช่างเก่ง ช่วยเหลือฉันทุกอย่าง งานบ้าน ขายของ  เรียน  ลูกทั้งสองเรียนเก่งมาก รายได้จากการเป็นพนักงานบริษัท ถึงจะเป็นหัวหน้า แต่เงินเดือนรวมกับกำไรที่ขายของ มันเพียงพอแค่ได้อยู่ไปวัน ๆ เท่านั้น  ปีนั้นลูกสาวคนโตของฉัน เรียนอยู่ ม.5  สอบเอ็นทรานซ์ได้ คณะทัตฯ มหิดล แต่หากเค้าเรียนน้องไม่สามารถต่อ ม.4 ได้ ฉันกับลูกคนเล็กคุยกันแล้วปรึกษาว่าจะให้คนพี่เรียนไปก่อน ตัวเค้าจะเสียสละออกมาเรียน กศน. จนกว่าพี่จะจบแล้วค่อยต่อมหาวิทยาลัย  มันน่าจะดี พอเราขึ้นไปคุยกับคนพี่ เห็นหน้าลูกแล้ว ใจฉันจะขาด ตาแดงบวมทั้งสองข้างมันหมายถึงผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก  เราสามคนแม่ลูกกอดกันร้องไห้  สงสารลูกคนเล็กก็สงสาร  ลูกคนโตเธอจิตใจช่างประเสริฐแท้  เธอว่า จะไม่เรียนมหา ลัยในปีนี้ เพราะมีเหตุผลที่ว่า มีคณิต บางตัวที่มีเรียนในชัน ม. 6 แล้วจำเป็นจะต้องใช้ในมหาวิทยาลัย  มันไม่ใช่ความจริงนัก ฉันรู้  ความจริงคือ ตอนนั้น ฉันมีเงินเก็บอยู่แค่ สองหมื่นบาทโดยประมาณ  แต่หากเค้าเข้าเรียนมหาลัย ค่าใช้จ่ายก็ประมาณนั้น แล้วน้องล่ะ  หากเค้ายอมเรียนต่อ ม.6 น้องก็จะได้เรียนต่อ ม.4 ได้ เราจะมีเวลาที่จะคิดหาหนทาง อีกหนึ่งปี  เราสามคนแม่ลูกกอดกันร้องไห้  นี่แหละความรักที่หาซื้อที่ไหนไม่ได้  ฉันภูมิใจในตัวเขาทั้งสองมาก ฉันไม่เคยสอนให้เค้าเกลียดพ่อเค้าเลย ไม่ใช่ว่าฉันจะเป็นคนที่ดีเลิศหรืออะไร  แต่คนเราเกิดมาต้องเคารพบิดา มารดา เราผ่านปีนั้นมาได้  พอลูกใกล้สอบปีต่อไป  ฉันเริ่มคิดแล้ว เพราะโบนัสที่ได้มาฉันก็เก็บเอาไว้ให้ลูกเรียนมันพอนะ ไม่ใช่ไม่พอ แล้วต่อไปล่ะ  ฉันต้องตัดสินใจตากหน้าไปต่างประเทศ  หางานทำ ฉันเริ่มค้นคว้า  มาลงตัวที่ประเทศเดนมาร์ก  ฉันแต่งงานกันฝรั่งสูงอายุท่านหนึ่ง  ท่านใจดีมาก ๆ ยอมแต่งงานกับฉัน โดยไม่เคยล่วงเกินฉันเลย  รายได้ที่ฉันหาได้ท่านไม่เคยเอ่ยปากจากฉันเลย ฉันส่งมาให้ลูก ๆ เรียน  ฉันก็แลกกับการปรนนิบัติท่าน  แม้กระทั่งนั่งลงใส่ร้องเท้าถุงเท้าให้ท่าน เพราะท่านมีโรคประกอบกับอ้วนมาก ๆ ปีต่อมาฉันพาท่านกลับเมืองไทย เพราะลูกคนโต เรียนจบ รับปริญญา เรากลับมาซื้อบ้านใหม่ ไม่ได้ซื้อเงินสด  แต่ผ่อนเอาจากรายได้ของฉัน  ดูแล้วน่าจะดี  ปีผ่านมา พ่อของเด็กป่วยหนัก  เป็นไข้สมองอักเสบขั้นสมอง กับ ที.บี. ขั้นโคม่าลูกคนโตซึ่งเป็นพยาบาล ดูแลพ่อเขาเป็นอย่างดี  แต่  ยาที่เมืองไทย เขารับไม่ได้ เป็นตายเท่ากัน แต่หากใช้ยา ต่างประเทศ มีโอกาส แต่มันหมายถึงเงินก้อนโต  ท่านของฉัน ดีใจหาย ส่งเงินไปช่วยอดีตสามีของฉัน  ปัจจุบัน เขาหายแล้ว และเข้ามาอยู่ในบ้านที่ฉัน.ซื้อไว้  กับภรรยาใหม่ของเขา (คนละคนกันที่มีเรื่องตอนต้น)  ทุกคนมีความสุขสบาย ปีที่แล้ว ลูกคนเล็กฉันเรียนจบ รับปริญญา มีงานทำก่อนจบ  ตอนนี้ทุกอย่างผ่านไปแล้ว   กับคนที่กำลังท้อแท้ มีปัญหา  อยากให้อ่านสักนิดเพื่อให้รู้ว่า  ไม่ใช่แต่เรานะที่เป็น  มีอีกหลายคนที่เขาผ่านจุดนั้นมาได้  แค่คำ ๆ เดียวนะคะ เสียสละค่ะ  ในครอบครัวหากเรารักกัน  ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน  ลดทิฐิ ที่มีกันอยู่  วางไว้ซึ่งคำว่าอภัย  และคำว่าให้ ชีวิตก็จะมีความสุข				
comments powered by Disqus

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน