สองสหาย

ตราชู

สองสหาย
(แรงบันดาลใจในการเขียนเรื่องนี้ ผมได้จากเรื่องสั้น เกลอเก่า ของ ท่านอาจารย์สุวัฒน์ วรดิลก ในหนังสือ เหนือจอมพลยังมีจอมคน ครับผม)
		๑.
	เฮ้ย ไอ้บูรณ์ เป็นไงวะ สบายดีหรือ ไม่เจอกันตั้งนาน วันนี้ ลมอะไรหอบมาถึงบ้านกูนี่ คำทักทายนั้นร่าเริง กิริยาของผู้พูดเองก็กระชุ่มกระชวยกระตือรือร้น ยิ้มร่า หัวเราะลงลูกคอเอิ๊กอ๊าก กรากเข้ามาจับมือมิตรสนิทบีบกระชับแน่น
	ก็สบายๆตามประสากูนั่นแหละ ฝ่ายนั้นตอบเริงร่า ปิติตื่นเต้นปานๆกัน ลมอะไรน่ะหรือ ลมปากซิ่โว้ย อยากคุยกับมึงชิบหาย สถานการณ์บ้านเมืองแบบนี้ คุยกับใครไม่ถูกใจเหมือนมึงหรอก
	จะแดกอะไร เบีย เล่า น้ำส้ม น้ำเยี่ยว หรือน้ำอะไรก็สั่ง กูจัดการให้ เจ้าบ้านบริการเต็มที่
	มึงก็รู้ อย่างกูมันต้องแบบไหน ไม่ต้องพูดมาก
	เออ รอเดี๋ยว อีกฝ่ายลุกหายไปสักพักก็กลับมา สุรายี่ห้อดังจากต่างประเทศสองขวด รวมถึงน้ำแข็งเย็นเฉียบพร้อมสรรพ เขาวางของทั้งหมดลงบนโต๊ะ จัดแจงรินเหล้า ผสมน้ำแข็ง ส่งให้สหายก่อนรินเพื่อตนเอง
	จน เครียด กินเหล้า จน เครียด กินเหล้า ผู้มาเยือนทำท่าล้อเลียนโฆษณาซึ่งเคยได้รับความนิยมในช่วงหนึ่ง ยกแก้วกระดก ซดเมรัยไหลรี่ลงคอ
	เครียดเหี้ยอะไรวะ มึงสอนหนังสืออยู่มหาวิทยาลัย ซ้ำยังติวพิเศษให้นักศึกษา รับทรัพย์จม ผิดกับกู ลาออกจากตำแหน่งอาจารย์มาเคว้งอยู่นี่ รับเขียนคอลัมน์ให้หนังสือพิมพ์ก็รายได้ไม่แน่นอน
	ก็เครียดเรื่องการเมืองอย่างที่กูเกริ่นไว้นั่นแหละ ไอ้ห่า มันจะเอายังไงกันวะ ฝ่ายแขกเริ่มระบาย
	หมายถึงพวกไหน ในธรรมเนียบหรือนอกธรรมเนียบ
	ทุกๆพวกนั่นหละ กัดกันอยู่ได้ กูหละกลุ้ม
	กูเห็นมึงลงนามในแถลงการณ์ร่วมกับอาจารย์ในมหาวิทยาลัยที่มึงสอนอยู่มิใช่หรือ ว่าด้วยเรื่องประชาภิวัฒน์อะไรนั่นน่ะ
	กูเห็นด้วยในหลักการ ไม่เห็นด้วยในวิธีการ มันเร่งรัดเกินไป แต่จะเสนออะไรได้ กูไม่ใช่อาจารย์เด่นดังระดับแถวหน้านี่ เกิดซวยขึ้นมา ข้อเขียนกูไปกวนตีนฝ่ายไหนเข้า มันก็ซัดกูจมน่ะซิ่
	เออ จริง คนฟังพยักหน้า เดี๋ยวนี้มันยุคคนเหยียบคน ต่างคั่วมันสับกันเละ
	มึงล่ะ เห็นไง ประเทศเรามีทางออกไหมวะ
	ได้นายกใหม่มาแล้ว ทางฝ่ายฮึ่มๆคงต้องหาทางลงหละ กูว่า ขืนยังดื้อแพ่งหละก็ เป็นจำเลยสังคมแหงๆ จะถูกด่าทันทีว่าไม่ให้โอกาสรัฐบาลใหม่ จ้องแต่จะเจี๋ยนอย่างเดียว อีกหน่อยก็จุดกระแสไม่ติด
	มึงว่า นายกใหม่ นอมินีไหมวะ
	ตอบยากโว้ย คนท่าทางเรียบร้อย ดูลำบากกว่าคนโผงผางแยะ ให้เวลา ผลงาน เป็นเครื่องพิสูจน์ดีกว่า ถ้ากล้ายึดพาสปอร์ตแดงพี่เมียหละก็ ถือว่าสอบผ่านขั้นต้น ขั้นต่อไป ไอ้คดีคาราคาซังที่พัวพันกับพี่เมียรวมถึงพรรคพวก ก็ต้องเคลียให้ลง
	เฮ้ย หาอะไรแดกเป็นกับแกล้มดีกว่าว่ะ ซดแต่เหล้าเพียวๆแบบนี้ เซ็ง คนมาเยี่ยมเปลี่ยนเรื่องกะทันหัน ซึ่งเจ้าของที่พำนักเองก็ถูกใจนัก
	เดี๋ยวกูลงมือทำพล่าเนื้อให้มึงแดก มีเนื้อสดอยู่ในตู้เย็น รับรอง สะใจโก๋
	ตอนนี้มึงยังเขียนบทความอะไรอยู่หรือเปล่าวะ การพูดคุยเริ่มขึ้นใหม่ พร้อมๆกับการเสพรสพร่าอันเผ็ดร้อน เนื้อวัวคลุกเลือด ใส่เครื่องในครบ อร่อยลิ้นนักหนา
เรื่องอำนาจสองคั่วไง ก็รู้ๆกันอยู่มิใช่หรือ ว่านี่มันเป็นการต่อสู้ระหว่างอนุรักษ์นิยมกับทุนนิยม กูก็เลยขอแสดงความเห็นนิดหน่อย ในฐานะประชาชนคนกระจ๊อกคนหนึ่ง
	ความเห็นว่าไง สนับสนุนเจ็ดสิบสามสิบหรือ คำถามสัพยอกเจือหัวเราะ
	ไอ้ตุ๊กตานั่นน่ะ เราๆก็รู้กันอยู่ว่าเป็นเพียงโยนหินถามทาง เอาเข้าจริง จะเปลี่ยนเป็น ห้าสิบต่อห้าสิบ หรืออะไรก็ได้ภายหลัง แต่ที่แน่ๆ การเมืองใหม่น่ะ จะมีทั้งแต่งตั้ง ทั้งเลือกตั้ง
	มึงสนับสนุนการเมืองใหม่หรือไง
	ตอบตรงๆ หลักการน่ะกูไม่ขัด เพราะมันเป็นอุดมคติที่ถ้าเป็นอย่างนั้นได้มันก็ดี ให้คนทุกสาขา ทุกอาชีพ มีตัวแทน ราษฎรไม่ต้องตกอยู่ใต้อิทธิพลของทุน มีอิสรเสรีในการพูด มีสภาเป็นของประชาชน และอื่นๆอีกจิปาถะ สารพัดจะดี แต่ ถ้าดูกันตามสภาพความเป็นจริง มันเป็นไปไม่ได้ หรือเป็นได้ยากมาก รากฐานของระบบสังคมเรายังอิงระบอบอุปถัมภ์ ติดอยู่กับจารีต ประเพณีเรื่องความกตัญญู กตเวที ฉะนั้น การเลือกตัวแทนของแต่ละสาขา เอาเข้าจริงก็หนีไม่พ้นระบบพวกใครพวกมัน หรือคนนี้ฉันรักฉันเลือก ไปๆมาๆก็ไม่พ้นวังวนหละวะ เส้นใครใหญ่ คนนั้นก็เติบโต การเมืองใหม่มันก็จะกลายเป็นการเมืองเก่า ถอยหลังไปไกลโน่น
	ระบอบอุปถัมภ์ ทวนคำพลางยิ้ม จ้องหน้าเพื่อน มึงนี่พูดเหมือนคนที่กำลังจะถูกดำเนินคดีข้อหาหมิ่นเลยนี่หว่า แต่ก็จริง กูเห็นด้วยร้อยเปอร์เซ็นต์ เมืองไทย ยังไงๆอำมาตยาก็ยังครองอำนาจส่วนใหญ่ในมือ  ต้องรอโครงสร้างไดโนเสาร์สูญพันธุ์ไปก่อนนั่นแหละ การเมืองภาคประชาชนแท้ๆจึงจะมีทาง
	บูรณ์ มึงคิดเหมือนกูก็ดีแล้ว กูมีอะไรจะให้มึงอ่าน นี่ กล่าวพร้อมหยิบเอกสารปึกหนึ่งจากลิ้นชักโต๊ะเขียนหนังสือขึ้นมาส่งให้ถึงมือ  กูเขียนเสร็จแล้ว แต่ยังไม่กล้าเอาไปส่งที่สำนักพิมพ์ไหน พายุยังไม่สงบ เดี๋ยวกูโดนกระทืบ เอามาให้มึงอ่านเพราะมึงเป็นเพื่อนรักกู มึงเก็บไว้เลยนะ ของกูยังมีไฟน์ในคอม
	เออ ขอบใจ แหม ชักอยากอ่านเสียแล้วศิ อยากรู้นักว่า... เสียงโทรศัพท์มือถือของผู้พูดดังแทรกขัดจังหวะขึ้นมากลางคัน  เขาจึงหยิบมันขึ้นมา เสียเวลากับโทรศัพท์ติดตามตัวเพียงไม่ถึงห้านาทีก็เก็บอุปกรณ์สื่อสารไร้สายนั้นเข้ากระเป๋าเสื้อ หันมาบอกมิตรสนิท
	กอปร กูต้องขอตัวก่อนหละโว้ย ที่ ม. มีประชุม ไม่รู้เรื่องอะไร กูต้องรีบไปให้ทัน ยุ่งฉิบ ทำไมต้องประชุมด้วยวะ
	มึงไปเถิด เป็นอาจารย์ก็ต้องทำใจหน่อย งานเยอะ เงินก็ดีไม่ใช่หรือ
	 สำหรับกู ไม่พอใช้ว่ะ ต้องหาอย่างอื่นทำ เขียนตำราบ้าง รับจ้างทำวิทยานิพนธ์บ้าง หรืออะไรก็ได้ ขอให้มันมีเงินเข้ามา ตอนนี้ อะไรคว้ามาหมุนเป็นเงินได้กูเอาหมดแหละ ไปก่อนนะ แล้วเจอกันวันหลัง 
	นั่นคือบทสนทนาระหว่างนายกอปรกิจ เกรียงไกรเกริกเกียรติสกุล กับนายสมบูรณ์ ปิติธำรงธนทรัพย์ ก่อนที่ทั้งสองจะจากกันไปท่ามกลางบรรยากาศอันสดใส กระจะกระจ่างด้วยแสงแดดแจ่มจ้านวันนั้น
๒.
ขบวนการจัญไร หมิ่นไม่เลิก
โดย ผู้ก่อการออนไลน์ หนังสือพิมพ์บนโลกไซเบอร์ เพื่อความรวดเร็วในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร
	ตามที่ปรากฏเป็นข่าวเกรียวกราวต่อเนื่อง ถึงขบวนการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพของกลุ่มทุนสามานย์อันหมายสั่นคลอนสถาบันที่เคารพรักยิ่งของปวงชนชาวไทย และหนังสือพิมพ์ของเราได้เกาะติดความเคลื่อนไหวของคนเลวๆคณะนี้มาไม่ขาดระยะ ล่าสุด เราได้รับบทความชิ้นหนึ่ง จากผู้ไม่ประสงค์จะออกนาม ส่งมาให้เรา บทความชิ้นดังกล่าว ชื่อ แค่เพียงเป็นผลผลิตซ้ำวาทกรรมชุดเก่า ผู้เขียนเป็นอดีตอาจารย์ของมหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่ง ชื่อ นายกอปรกิจ เกรียงไกรเกริกเกียรติสกุล บทความของเขา (ซึ่งเราไม่อาจนำมาลงเผยแพร่ในที่นี้ได้) มีเนื้อหาเข้าข้าง ให้ท้าย บุคคลในขบวนการหมิ่นเจ้าอย่างเห็นได้ชัด เขากล่าวว่า โดยส่วนตัวไม่ตื่นเต้นอะไร เพราะเคยได้ยิน ได้อ่านถ้อยคำจาบจ้วงทำนองนี้มาหลายครั้ง นั่นย่อมแสดงว่า นายกอปรกิจคนนี้ มีจิตใจชั่วช้า เพราะเขาเคยชินกับพฤติกรรมต่ำทรามโดยปราศจากความรู้สึกเจ็บแค้น ที่น่าประณามไปกว่านั้นก็คือ เขากล่าวในตอนท้ายๆของบทความว่า ระบอบอุปถัมภ์ไม่มีวันตาย แม้จะ.... (ข้อความต่อไปเขียนไม่ได้) ภายหลังจากอ่านบทความจบลง ทางคณะบรรณาธิการของเรา มีความเห็นตรงกันว่า งานเขียนของนายกอปรกิจ เข้าข่ายผิดกดหมายอาญา มาตรา ๑๑๒ จึงเห็นพ้องกันที่จะส่งฟ้องศาลให้ดำเนินคดี เพื่อกำราบ ปราบปรามเดรัจฉานเนรคุณให้หมดสิ้น เราเชื่อมั่นว่า พระสยามเทวาธิราช ตลอดจนพระบารมีแห่งองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะทรงคุ้มครองป้องกันภยันตรายพสกนิกรผู้จงรักภักดีทุกคน แหละจะทรงบันดาลความหายนะ สำหรับพสกนิกรกาลีบางหมู่เหล่า ในที่สุด
---				
comments powered by Disqus
  • ก้าวที่...กล้า

    19 กันยายน 2551 15:52 น. - comment id 101630

    เฮ้อ!! ก็นะ  18.gif
  • รอยทาง

    20 กันยายน 2551 02:27 น. - comment id 101647

    เขียนได้สนุกดี  เห็นภาพเลย
  • ฉางน้อย

    20 กันยายน 2551 19:36 น. - comment id 101653

    ฉางน้อยบอกใครๆว่า คุยเรื่องอื่นคุยได้ หัวเราะเอิ๊กอ๊าก 
    
    แต่หากว่าวันใด คุยเรื่องการเมือง ทุบกันแน่คะ  5555
    
    เพื่อนกันดันเชียร์คนละฝ่าย อิอ   46.gif
  • ตราชู

    27 พฤศจิกายน 2551 09:33 น. - comment id 102585

    สวัสดีครับ ท่านผู้อ่านที่เคารพทุกท่าน สวัสดีครับ คุณก้าวที่...กล้า คุณรอยทาง คุณฉางน้อย
    
    	เรื่องการเมืองนี่ ถ้าคุยเอาสนุก เอะอะบ้าง โต้เถียงบ้าง พอให้ชีวิตออกรสชาติ จบแล้วจบกันก็คงไม่มีอะไรหรอกครับ แต่... คุยแล้วยืนขึ้นฟาดปากกันเนี่ย โอย... ถ้าถึงขนาดนั้นก็เห็นจะไม่โสภาเสียแล้วหละครับผม

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน