" สวัสดี สะวีดัดเจ้าคะพี่เมี่ยงคำ " วา หรือ ยิหวาส่งเสียงผ่านสายออกไปหลังดูเบอร์ที่โชว์หน้าจอโทรศัพท์ " อืม..วา นี่พี่เองนะ พอดีว่าวันนี้พี่ติดงานด่วนจ๊ะ พี่คงพาวาไปเดินเที่ยวซื้อเสื้อผ้าที่ประตูน้ำไม่ได้แล้วล่ะนะ " พี่เมี่ยงของวา กรอกเสียงตามสายผ่านมา " เอาอีกแล้วน๊า พี่เมี่ยงน่ะ ชอบผิดสัญญาเรื่อยเลย เป็นงี้ทุกทีเลยน๊า วันหยุดก็ไม่ว่างเลยเหรอคะ " " โอเคๆ..เย็นนี้พี่สัญญาว่าจะพาไปนั่งในสวนดีกว่า ดีไหม ? สวนสาธารณะสันติชัยปราการน่ะ พี่จะพาวา ไปดูต้นลำพูต้นสุดท้ายในกรุงเทพฯด้วยดีป่ะ มีหิ่งห้อยด้วยน๊า จะบอกให้.." " เชอะ ..ไม่ต้องเอาเจ้าตัวหิ่งห้อยมาล่อวาเลย วางอนพี่แล้วด้วย ฮึ" " น่า นะๆ วาคนดี อย่างอนนะ พี่จะเล่านิทานหิ่งห้อยให้วาฟังด้วยดีป่าว อย่างอนน๊าคนดี๊ คนดีของพี่ " พี่เมี่ยงคำของวาหลอกล่อ เอ๊ย งอนง้อเต็มที่ อิอิ " อ่ะ..ก็ได้ๆๆ ก่อนไปสวนฯ แวะกินไอติมด้วยแล้วกัน ที่เซเว่นเซ่นอ่ะ อยากผิดสัญญาดีนัก วารอพี่ที่เดิมนะคะ " วา แอบยิ้มในหน้าทำตาโตด้วยความดีใจ เพราะพี่เมี่ยงของเธอสัญญาเอาไว้นานแล้วว่า จะเล่านิทานหิ่งห้อยให้ฟัง แต่ไม่มีโอกาสสักครั้ง เฮ้อ..ที่จริงเรื่องไปเดินซื้อเสื้อผ้าที่ประตูน้ำน่ะ วาก็เลือกไม่ค่อยเป็นกะเขาด้วยซิ นอกจากเดินตาม(กวนใจ)พี่เมี่ยงเฉยๆ เผลอๆพี่เมี่ยงของเธอซิ ต้องทั้งลาก ทั้งจูงวาเพื่อให้วาเดินตามทันเขา เพราะวา มักหยุดเถลไถลบ่อยตามสองข้างทาง ดูโน่นดูนี่ไปเรื่อย ตามประสา เฮ้อ..(อีกที)..วาคิดแล้วก็ขำตัวเอง ทั้งๆที่ไม่ใช่เด็กๆ แต่พี่เมี่ยงก็ชอบบังคับให้กินข้าวเยอะๆ บังคับให้กินผัก ผลไม้เยอะๆ พี่เมี่ยงไม่รู้หรอกหรือว่า วาน่ะ ไม่ค่อยชอบกินผัก แต่ผลไม้น่ะพอไหว อิอิ " เป็นไง วา อิ่มไหม ไอติมที่เซเว่นเมื่อกี้น่ะ ถ้วยโตๆแล้วอย่าบอกว่าไม่อิ่มนะ อะไรจะท้องยักษ์ท้องมารขนาดนั้น" พี่เมี่ยงเอ่ยถามวา หลังจากลงรถเมล์สาย 53 เพื่อเดินเข้าสวนแห่งนี้ " อิ่มเกินกว่าคำว่าอิ่ม พี่แหละ ชอบตักให้วาเยอะๆๆ จุกด้วย เห็นไหมเนี่ย เดินพุงกลมดุ๊กดิ๊กๆเป็นนกเพนกวินแระ เห็นป่าว อายเขานะ " วา มองค้อน พลางตอบออกไป(ดีนะที่พี่เมี่ยงไม่ส่งตะปูให้ อิอิ ) " ไม่หรอก พี่กลัววาไม่อิ่มต่างหาก วาไม่อิ่มแล้วชอบงอน เวลาวางอนเหมือนคนอื่นซะที่ไหน ชอบฟาดงวง ฟาดงาไปทั่ว " " แน๊... เรื่องไรมาว่าเค้าเป็นแมว ฟาดงวงงาน่ะ เค้าไม่ใช่แมวน๊า " วาแย้งออกไป " อ้าว เหรอ พี่คิดว่าใช่...5555" พี่เมี่ยงหัวเราะด้วยความสะใจ " แหม.. พี่เมี่ยงน่ะ ชอบกัดวาอยุ่เรื่อย " สองคนยังคงถกเถียง พลางสอดส่ายสายตามองหาม้านั่งที่ว่างๆในสวน " อ๊าววว... แล้วกัน วา หาว่าพี่เป็นแมวเหรอ " " อ้าว เหรอ วาคิดว่า ใช่ .." ทั้งสองต่างไม่ยอม มีการเอาคืนอีกด้วยแฮะ.. " โน่นไงมีม้ายาวๆสีเขียวว่างอยู่ ไปนั่งตรงนั้นดีกว่านะวานะ จะได้เห็นวิวทิวทัศน์ริมแม่น้ำเจ้าพระยาด้วย สวยนะ ขอบอก " พี่เมี่ยง เดินนำวา พลางก็คุยไปเรื่อยเปื่อย วาก็ไม่ลืมที่จะหอบหิ้วขนมติดไม้ติดมือไปด้วย ขนม นม เนย เพียบ อิอิ " เฮ้ออออ... ปลอดโปร่ง โล่งใจดีจัง เนอะพี่เมี่ยงเนอะ เหมือนวาหายใจได้เต็มที่เต็มปอดเลยนะเนี่ยะ นี่หรือเปล่า ที่เขาเรียกว่า ปอดของคนเมือง เนอะ พี่เมี่ยงรู้สึกอย่างวาไหม เนี่ยะ " " อืม.. เพราะเหตุนี้ไง พี่ถึงอยากพาวามาที่นี่ มากกว่าไปเดินแถวประตูน้ำน่ะ " " วา อ้าปาก งับอากาศ กักตุนไว้ในปอดเยอะๆละ แถวบ้านหายากไม่ใช่เหรอ 555" " แหมๆ พี่เมี่ยงล่ะก็ วาไม่ใช่ปลาหมอนะ จะได้อ้าปากหายใจน่ะ " แสงอาทิตย์ยามบ่ายแก่ๆสาดส่องไปทั่วผิวน้ำเจ้าพระยาทำให้เกิดระลอกคลื่นระยิบระยับตา โน่น..นกพิราบ 3 - 4 ตัวพากินบินลงมาหากินแถวร่มไม้ใกล้ๆ นั่นอีก..นกเอี้ยงมากันเป็นคู่ สักพักก็ทะเลาะถกเถียงกันด้วยเรื่องอะไรไม่ทราบ ถึงได้ยกพวกตีกันราวกับกลุ่มนักเรียนอาชีวะยกพวกตีกันยังไงยังไง อิอิ " พี่เมี่ยงๆ นั่นสะพานอะไรน่ะ สวยจังเลย เนอะ " ชายหนุ่มมองตามปลายนิ้วมือที่วาชี้ " นั่นล่ะ เขาเรียกว่า สะพานพระราม 8 ล่ะ วาว่า สวยไหมล่ะ หือ " พี่เมี่ยงตอบพลางย้อนถามวา " ค่ะ ..สวยคะ .. " วา ตอบรับ แต่คำตอบรับของเธอ ทำให้ชายหนุ่มต้องเอี้ยวคอเหลียวมองหน้าวา อีกรอบ " แน่ะ.. เราน่ะ พูดเพราะๆ คะ ขา เป็นกะเขาด้วยหรือนี่ เก่งนี่ แน่จริงก็พูดให้ตลอดนะแม่คุณ " " แหมๆๆ พี่เมี่ยงก็ วา ลืมตัวมั้ง 555" วายังไม่ยอมรับตัวเอง อิอิ " วา เห็นอะไรอีกไหม นอกจากสะพานพระราม 8 " พี่เมี่ยงเริ่มซัก " เห็นซิ ..วาเห็นหมดแหละ ต้นไม้ไง ใบหญ้า ยอดตีก แม่น้ำ และที่สำคัญ วาเห็นพี่เมี่ยงนั่งเคียงข้างวาอยู่นี่ไง " วา ไม่พูดเอย่างเดียว แต่ใช้นิ้วจิ้มเอวชายหนุ่มซะจนเขาสะดุ้งสุดตัว " บ้าซิ เล่นไรกันเนี่ยะ ตกใจหมดเลย " ชายหนุ่มต่อว่าต่อขานเล็กๆน้อยๆ " ก็วาขำนี่ พี่เมี่ยงทำไม ต้องบ้าจี้ด้วยละ วา แค่สะกิดนิดเดียวเองน๊า อิอิ " " แหมๆ แบบนี้เขาไม่เรียกว่า สะกิด แล้วละ เขาเรียกว่า เอาไม้หน้าสามกระทุ้งเอวแล้วมั้ง ก็เราน่ะ สะกิดซะแรงมั้ง " พี่เมี่ยงยังคงบ่นไม่หยุด แต่วา นั่งหัวเราะชด้วยความสะใจ ก็คนขำนี่นา 5555 " เอ้า.. เลิกเล่นได้แล้ว ตอบมาตรงๆ เห็นอะไรอีก " ชายหนุ่มยังคงรุกในคำถามของเขา " ก็เห็นต้นไม้อะไรโน่นแน่ะ ต้นใหญ่ๆ มีรากเกะกะไปหมด มีรั้วรอบด้วย " วา ชี้นิ้วทำปากบุ้ยใบ้ไปยังต้นไม้ใหญ่ตรงหน้าริมแม่น้ำเจ้าพระยา " นั่นล่ะ เขาเรียกว่า ต้นลำพูละ เหลือที่นี่ที่เดียว ต้นสุดท้ายในกรุงเทพฯละมั้ง " พี่เมี่ยงของวา เริ่มพูดคุยอย่างช้าๆมาดนิ่งๆแต่ลุ่มลึก หุหุ " จริงเหรอ พี่เมี่ยง ทำไมคะ ต้นลำพูเอาไว้ทำอะไรล่ะคะ " ; วาเริ่มสงสัย ซักถามต่อ " วา ไม่เคยได้ยินหรอกเหรอ ว่า ต้นลำพู มักคงอยู่คู่กับหิ่งห้อยนะ แล้ววันหน้าจะเล่านิทานหิ่งห้อยนะ วันนี้คุยเรื่องสวนของที่นี่ก่อนนะ" ชายหนุ่มก็ตอบโต้คำถามของวา โดยไม่มีท่าทีเบื่อหน่าย(เอ หรือว่า เบื่อ แต่เก็บไว้ในใจ ไม่อาจทราบได้ อิอิ ) " พี่จะบอกอะไรให้นะวา วา .. ที่วา เห็นเป็นแหลมๆ แทงขึ้นมาจากพื้นดิน โผล่พ้นน้ำน่ะ เป็นรากของต้นลำพู เขาต้องการอากาศหายใจ หากว่าน้ำท่วม ต้นลำพูก็อยุ่ไม่ได้ จะตายนหมด เพราะขาดอากาศหายใจ " พี่เมี่ยงอธิบายให้วารับรู้ " อ๋อ.. ค่ะ วาก็ยังนึกสงสัยว่าอะไรแหลมๆ ทำไมต้องงอกมาจากใต้น้ำด้วย อิอิ " " ตามแถวชนบทบางพื้นที่ เขาจะสร้างร้านไว้ เพื่อป้องกันคนตกหล่นไปในบริเวณโคนของต้นลำพู ซึ่งอาจทำให้บาดเจ็บได้ คราวนี้เข้าใจชัดไหม " " ส่วนเรื่อง นิทานหิ่งห้อย เอาไว้ก่อนนะจ๊ะ ไว้ภาค 2 อาทิตย์หน้าจ๊ะ ไม่ลืมๆ " พี่เมียงชายหนุ่มผู้แสนจะรอบรู้ พยายามต่อรองข้อตกลงระหว่างยัยวา อิอิ " อีกแระๆ วันหน้าๆๆ อีกแล้วนะคะ เฮ้อ ทุกทีซิน่ะ " วาเริ่มบ่นๆ เมื่อรู้ว่า ตัวเองอดฟังนิทานหิ่งห้อยอีกแล้วเป็นแน่แท้ บ่นพลาง ทำปากเบี้ยว หน้าบูดเป็นตูดอึ่ง ประมาณว่า หน้างอ มั้งคะท่านผู้อ่าน อิอิ " น่านะๆ.. พี่ไม่ลืมหรอกน่ะ นิทานหิ่งห้อยของวา แต่วันนี้พี่อยากให้วารู้เรื่องราวความเป็นมาของสวนที่นี่ ณ.ที่แห่งนี้ที่ทำให้พี่ได้เจอหญิงคนหนึ่งที่บ้าๆบอๆออกจะต๊องๆนิดๆ " น้านนนน.. พี่เรา เหมือนจะหวาน แต่ไม่รู้ว่าชมหรือด่าใครบางคนหรือเปล่าว๊า แหวะๆๆ แบร่ๆๆ 55555 " อ้าว .. แล้วนั่น เป็นอะไรไป เราน่ะ นั่งเกาขยุกขยิกไปได้ " พี่เมี่ยงถามด้วยความแปลกใจ " เปล่าคะ ..มดกัด..สงสัยมดตามมาหาคำหวานๆ มั้งคะ สงสัยแถวนี้มีคนโปรยคำหวานๆไว้ทั่วแระมั้ง อิอิ " วา พูดแล้วก็หลบมะเหงกของพี่เมี่ยงที่อาจจะลงมาบนหัวเธอเมื่อไหร่ไม่รู้ได้ หุหุ " มานั่งตรงนี้เลยวา มาใกล้ๆพี่นี่ มาฟังพี่พูดให้จบ อย่าทำลูกเล่นเยอะ เดี๋ยวโดนๆๆ " เชอะ ทำเป็นขู่ ไม่กลัว.....(ซะ..เมื่อไหร่ อิอิ ) " ตอบมาก่อน เห็นอะไรอีก บอกมาเท่าที่เห็น เร็วๆ " " ก็เห็นป้อมกลมๆ ขาวๆนั่นไงหละ แหมๆ " " เห็นศาลานั่นน่ะ แปลกๆ แต่ก็สวยดีอ่ะ " วาพูดพลางลอบมองหน้าชายหนุ่ม กลัวว่าคำตอบของตัวเองอาจทำให้ชายหนุ่มไม่พอใจก็เป็นได้ " โห .. พี่เมี่ยงน่ะ จะเล่าอะไร ก็เล่ามาเหอะนะ อย่ามาทำเป็นลูกเล่นเยอะ " แน่ะ ยัยวา ยังยืมคำพูดของคนอื่นมาพูดอีกแน่ะ อิอิ " วา ฟังพี่ดีๆนะ สวนสันติชัยปราการแห่งนี้ สร้างขึ้นเนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนม์พรรษาครบ 6 รอบของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อปีพุทธศักราช 2542 " ชายหนุ่ม เริ่มอธิบายในเชิงวิชาการ " เหรอคะ ..วาไม่เคยรู้ แล้วไงต่อคะ ? " วา เริ่มมีท่าทีสนใจเรื่องราวที่ชายหนุ่มเล่า " อยากรุ้ล่ะซิ ถ้าอยากรู้เรื่องราวต่อนะ หอมแก้มก่อน อิอิ " ชายหนุ่มแกล้งยัยวาเล่นๆ " เชอะ..วายอมไปหอมแก้มเจ้าเหมียวที่บ้านยังจะดีกว่านะคะเนี่ยะ " วาก็ตอบกลัว " โอเคๆ พี่ไม่แหย่ล่ะ มาฟังต่อนะ ศาลารูปร่างแปลกๆที่วาพูดถึงน่ะ เขาเรียกว่า พระที่นั่งสันติชียปราการ จะมีตราสัญญลักษณ์งานเฉลิมพระเกียติมาประดับไว้ พร้อมจัดสร้างท่ารับเสด็จขึ้นลงเรือ เพื่อน้อมเกล้าฯ ถวายเป็นที่จัดงานพระราชพิธีต่างๆ .. เข้าใจยัง " เหนื่อย เมื่อยปากนะเนี่ย อิอิ " โห ..พี่เมี่ยงคำ เก่งจังคะ แสนรู้ เอ๊ย รู้ดีไปหมด วาไม่เคยรู้อะไรเลยนะคะเนี่ยะ " วาชมพี่เมี่ยงแต่ไม่วายกัดเล็กๆ พร้อมกันนั้น วาก็ทึ่งในตัวชายหนุ่มที่เขารู้เรื่องราวเหล่านี้เป็นอย่างดี " เพราะพี่รู้ไง ..รู้ว่า วาไม่เคยรู้เรื่องอะไรสักอย่าง นอกจากกวนใจคนเก่ง แซวคนอื่นเก่ง พี่เลยอยากให้วารู้ รู้ในเรื่องที่สมควรรู้ เข้าใจไหมเนี่ยะ " ชายหนุ่ม ได้ทีสอนไปด้วยในตัว " แล้วป้อมสีขาวๆนั่น ที่วาบอกพี่ใช่ไหม ? " ชายหนุ่มถามพลางชี้นิ้วไปยังป้อมสีขาวๆริมฝั่งถนนทางไปบางลำพู " ป้อมสีขาวๆนั่น เขาเรียกว่า ป้อมพระสุเมรุ เป็นป้อมปราการที่สร้างในรัชกาลที่ 1 มาแล้วเสร็จสมบูรณ์ในรัชกาลที่ 3 มั้ง ถ้าพี่จำไม่ผิด ป้อมนี้ เป็นหนึ่งใน14 ป้อมที่ถูกสร้างขึ้นตามกำแพงรอบพระนครชั้นนอก " เป็นครั้งที่เท่าไหร่ไม่ทราบได้ ที่วาต้องทึ่งในความรอบรู้ของพี่เมี่ยงคำ หลายสิ่งหลายอย่างที่วาไม่เคยรู้ บัดนี้วาได้รู้เรื่องราวหลากหลายจริงๆ บนสนามหญ้าเขียวขจี มีทั้งคนไทย ทั้งคนต่างชาติมานั่งพักผ่อนเอนกายเอกเขนกอย่างสบายอารมณ์ บ้างก็ปูเสื่อนั่งพูดคุย มีขนมติดไม้ติดมือมา (เหมือนวาเลย ) บ้างก็มีหนังสือติดตัวมาอ่านเล่นด้วย (นี่ก็เหมือนวา อีกนั่นแหละ อิอิ ) วานั่งกินขนมอย่างสบายใจ พลางสอดส่ายสายตาสอดรู้สอดเห็น เอ๊ย สอดส่ายสายตาอยากรู้อยากเห็นไปทั่ว อิอิ ส่วนชายหนุ่มนั่งสงบเงียบ เหมือนใช้ความคิดอะไรบางอย่าง เหมือนครุ่นคิดอะไรในใจสักอย่าง " พี่เมี่ยง.. คิดอะไรน่ะ เป็นอะไรไป " วาแกล้งพูดเสียงดัง พลางยื่นหน้าไปใกล้ๆ " เฮ้ย.. วา พี่ตกใจหมด อยู่ใกล้แค่นี้ทำไม ต้องตะโกนด้วย " ชายหนุ่มหันมาทำตาเขียวใส่ยัยวา " พี่ กำลังนั่งคิดว่า จะหาทางหลอกให้วาไปหอพี่ได้ยังไงดี หือ วา ช่วยคิดหน่อยซิ ..จะหลอกล่อว่า พาวาไปกินข้าวที่หอ วาก็อิ่มมาแล้ว จะหลอกว่า พาไปกินขนมที่หอ วาก็กำลังกินอยู่ หือ..วา ว่าไง ช่วยพี่คิดหน่อยซิ 55555 " ได้ผล คราวนี้ยัยวา มีปฎิกิริยาตอบโต้ ตาเขียวพอๆกัน " ไม่ต้องเลย ไม่ต้องคิดเลย ถ้าวา อยากไป วาไปเอง ไม่ต้องๆๆคิด" " ฮ่า..ฮ่า..สมน้ำหน้า ชอบแกล้งพี่ดีนีก " ชายหนุ่มหัวเราะด้วยความชอบใจที่สามารถแกล้งยัยวาได้สำเร็จ เอาคืนๆๆ เสียงหัวเราะก้องของชายหนุ่มทำให้นกพิราบสามสี่ตัวเมื่อกี้บินหนีกระเจิดกระเจิงไปคนละทิศละทาง ฝ่ายนกเอี้ยงที่ยกพวกตีกันเมื่อกี้ก็หยุดทะเลาะกันชั่วคราว เหมือนจะมองว่า เกิดอะไรขึ้น เมื่อคิดว่าไม่มีภัยอะไรมาถึงตัวพวกเขา ก็ยกพวกตีกันต่อ 555555 " ณ.สวนแห่งนี้ มีเรื่องราวหลากหลาย มีตำนาน ไว้พี่จะเล่าเพิ่มเติมวันหน้านะ นี่ก็ใกล้ค่ำมืดแล้วนะวา พี่สัญญาน่ะ ไม่ลืมนิทานหิ่งห้อยของวาหรอก " " ไว้อาทิตย์หน้าพี่จะพามาเที่ยวใหม่นะ ถ้าวาทำตัวดีๆ ไม่ดื้อ ไม่ซน ไม่งอแง " พูดจบ วาก็สังเกตเห็นว่า คนพูดแอบกลั้นหัวเราะซะมากมาย จนวานึกหมั่นไส้ แหมๆๆ ว่าไปโน่นเลยพี่เรา เฮ้อ.... " ไปๆ กลับบ้านเราเถอะ อ่อ ลืมไป คนอย่างพี่ไม่มีบ้านหรอก พี่อยู่หอนานแล้ว นานจนลืมว่า ความอบอุ่นของคำว่า บ้าน คำว่าครอบครัวเป็นยังไง " สำเนียง น้ำเสียงเศร้าๆในตอนสุดท้ายของพี่เมี่ยง ทำให้วาสงสารจับใจ วาอยากรู้วาตอนนี้ในใจพี่เมี่ยงคิดอะไรอยู่ วาไม่กล้าที่จะถามไถ่ ได้แต่คอยห่วงใยอยู่ลึกๆในใจ(หวานไหมคะ อิอิ ) อยากบอกว่า ยิหวาคนนี้คอยเป็นกำลังใจให้พี่นะคะ แม้พี่อาจไม่เห็นวาในสายตา แต่วาก็อยากเห็นพี่มีความสุข อยากเห็นรอยยิ้มของพี่ แบ่งความทุกข์ให้วารับรู้บ้าง " ไปกันเถอะวา เดี๋ยวมืดมากกว่านี้ ไป เดี๋ยวพี่ไปส่ง " " ค่ะ ..." " ค่ะ ก็ลุกขึ้นซิ หรือว่าจะให้จูงมือ หรือว่าจะให้อุ้มละ " " ไม่ดีกว่าคะ ..วาจะขี่คอพี่เมี่ยงแหละ 5555" พูดจบ วาก็ออกเดินดุ่มๆนำหน้าชายหนุ่มไปยังป้ายรถเมล์ฝั่งตรงข้าม แสงสุดท้าย ณ.ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยากำลังเคลื่อนตัวต่ำลงเรื่อยๆแต่ยังคงสะท้อนให้เห็นระลอกคลื่นบนผิวน้ำระยิบระยับจับตาชวงนมอง ชายหนุ่มและหญิงสาวต่างทิ้งเรื่องเล่า ทิ้งเรื่องราวไว้เบื้องหลัง ด้วยหวังว่า วันต่อมาพวกเขาจะมาเก็บเกี่ยวสิ่งดีๆ ประสบการณ์ดีๆจากที่แห่งนี้อีก สายลมแผ่วๆพัดมาปะทะใบหน้าของคนทั้งสอง ทั้งคู่เดินเกี่ยวก้อยด้วยกันอย่างสุขหัวใจ
27 สิงหาคม 2551 16:19 น. - comment id 101078
อ่านแล้วมีความสุขค่ะ อยากมีใครจูงมือพาไปดูลำพูต้นสุดท้ายบ้างจังเลย ไปเที่ยวบ้านน้าที่กำแพงหิ่งห้วยเพียบเลยค่ะ สวยมาก แต่แทนที่จะโรแมนติก ดันนึกไปถึงการ์ตูนสุสานหิ่งห้อย เศร้าซะงั้น เฮ้อ คนเรา เขียนสนุกน่ารัก ชอบค่ะ เขียนอีกก็จะตามมาอ่านอีกค่ะ
25 สิงหาคม 2551 09:40 น. - comment id 101203
ไปสันติชัยปราการไม่ยอมชวนเลย
25 สิงหาคม 2551 10:36 น. - comment id 101205
1.....สวัสดีค่ะคุณครูกระดาษทราย แหมๆๆ ลงทุนเหมารถสองตุ๊กเลยนะคะ (ก็ตุ๊ก ตุ๊กแหละคะ อย่า งงๆ อิอิ ) โห เดี๋ยวนี้ วานั่งรถเมล์ฟรีแล้วคะคุณครู หุหุ ขอบคุณที่แวะทักทายนะเจ้าคะ
25 สิงหาคม 2551 10:40 น. - comment id 101206
2.....สวัสดี สวีดัด เจ้าคะ คุณพี่คนไร้ร่าง หุหุ ตัวเองแหละ ผิดนัดเค้า ไม่ยอมไปประตูน้ำสักที 5555 อ๊าวววววว.. พี่เมี่ยงคำ เกี่ยวไรกะพี่คนไร้ร่างหว่า งง อิอิ ได้เล๊ยย.. วันหน้าวาจะลากคนไร้ร่างไปเล่นน้ำที่แม่น้ำเจ้าพระยาด้วยกันนะคะ
25 สิงหาคม 2551 11:45 น. - comment id 101209
แหมๆๆ อยากฟังนิทานหิ่งห้อย จัง พอพูดถึงต้นลำพู อดนึกถึงโกโบริ กับอังสุมาริน ไม่ได้ ป่านนี้ คงไปอยู่ด้วยกันบนทางช้างเผือก นานแระ เนอะ อังสุมาวา กับ โกโบริเมี่ยง ฉางน้อย นานแล้วน่ะที่ไม่ได้อ่านเรื่องสั้น ที่เขียน ดีใจ ที่ได้อ่านอีก แหมเขียนมี 2 ภาคเลย น่ะ ภาค 2 หวังว่านกที่ตีกันคงจะกลับมาตีกัน ให้เห็นอีกน่ะ มีความสุขมากๆ จ่ะ
25 สิงหาคม 2551 17:06 น. - comment id 101212
5.....สวัสดีค่ะพี่ไร้อันดับ พี่ชายตัวดี อิอิ อิอิ แหมๆ ความหลังช่างฝังใจจังนะคะ อังสุมาลินกะโกโบริ หุหุ เดี๋ยวนี้หายากจังคะ ทางช้างเผือกเห็นมีแต่(รองเท้า)ช้างดาวเทียมด้วยดิคะ 5555 แหมๆ มารออ่านต่อภาคสองเลยน๊า เดี๋ยวๆ ดูก่อง ยังคิดพล๊อตเรื่องม่ายออก เฮ้อ แย่จัง 555 พี่ไร้อันดับชอบนกเอี้ยงยกพวกตีกันหรือไงคะ อ๊าวว.. ไม่ล้อเล่นนะคะ มีจริงๆ ตีกันทีเสียงดังสนั่น เซ็งแซ่ น่ารำคาญแกมน่ารัก น่าเอ็นดูคะ พาลให้นึกถึงนกผัดเผ็ด... อ๊าวว... เป็นงั้นไปยัยฉางน้อย อิอิ
25 สิงหาคม 2551 19:56 น. - comment id 101214
แวะมาดู น้องสาวจอมซน
26 สิงหาคม 2551 02:14 น. - comment id 101220
หวัดดีจ๊ะ ยัยช้างน้อย ในที่สุดก็จับได้คาหนังคาเขาเลยว่า ยัยช้างน้อยหนีไปเที่ยวที่สวนขวัญ...... ไปกับชายหนุ่ม นั่งรถเมล์สาย 53 มิน่าล่ะ กลัวว่าพวกเราจะจดเลขไมล์รถ เลยไม่ยอม ขับรถไป หนีให้ตลอดนะ จับตัวได้เมื่อไหร่ มีหวังโดนจี้เอวหัวเราะไม่หยุดแน่เลย คนอะไรชื่อเมี่ยงคำ ชื่อน่ากินชะมัด
26 สิงหาคม 2551 05:14 น. - comment id 101221
7.....แน่ะๆ..... ในที่สุดก็มาจนได้พี่ชายเรา อิอิ อ่ะๆ... ลืมๆๆค่ะ ลืมทักทาย อรุณสวัสดิ์ยามเช้าค๊า พี่ลานเทวา พี่สบายดีป่าวคะ น้องนุ้ยหวังเหวิ๊ด หวังเหวิด 55555
26 สิงหาคม 2551 05:17 น. - comment id 101222
8.....อรุณสวัสดิ์ยามเช้าเช่นกันค่ะเจ่เจ๊มัสลิน ตื่นมากินกาแฟป่าวเนี๊ยะ หรือว่ายังไม่ได้นอนคะ เมื่อคืนฉางน้อยนอนไวคะ เลยตื่นซะเช้าตรู่ ก็ต่ะเองแหละ ชอบบังคับให้เค้านอนไวนี่ เชอะๆ น่าเบื่อซะม่ะมี เฮ้อ พี่สาวตัวดี หุหุ ...
26 สิงหาคม 2551 08:14 น. - comment id 101227
เฮ้อได้อ่านเสียที ไงป่วนทั้งเรื่องเลย แล้วนี่อย่าได้เที่ยวไปหอเค้าง่ายๆนะ 5555 เอิ้ก น่ารักมากเลย อ่านไปยิ้มไป ไม่ธรรมดานะเรา เช้าที่สดใสได้อ่านเรื่องของฉางน้อยแล้วมีความสุขจัง ปายทำงานก่อน ประชุมด้วยแระ บายจ้า ปล.อย่าลืมลงภาค 2 เร็วๆน๊า อิอิ
26 สิงหาคม 2551 09:07 น. - comment id 101229
5555....สวัสดีค่ะคุณแจ้น ฉางน้อยขำคะ ที่คุณบอกว่า อย่าไปหอเขาง่ายๆล่ะ อิอิ อ่ะๆๆ...ก็ไม่แน่น๊า ถ้าพี่เมี่ยงของฉางน้อย เอ๊ย ของยัยวา เอาหนมมาล่อ 5555 ขอบคุณที่แวะทักทายนะคะ ขอให้ทำงานด้วยความสดชื่นนะเจ้าคะ
27 สิงหาคม 2551 20:33 น. - comment id 101247
13.....สวัสดีค่ะคุณนทธี ไหนของฝากมาให้ฉางน้อยล่ะค่ะ อิอิ ไม่ค่อย งก เนอะ ฉางน้อย ถามหาของฝาก 5555 ไปเที่ยวมาสนุกไหมคะ มีหิ่งห้อยเยอะไหมคะ ที่นั่น ขอบคุณที่แวะทักทายนะคะ ถ้ามีเวลาก็จะเขียนเล่นๆอีกล่ะค่ะ พอดีว่า ช่วงนี้ยุ่งๆ ไม่ค่อยว่างค่ะ ขอบคุณๆๆค่ะ
27 สิงหาคม 2551 23:14 น. - comment id 101252
ดีค่ะพี่ฉางน้อย โทษทีนะ ขอเรียกตามนามปากกานะคะ ได้อ่านเรื่องที่พี่เขียนแล้ว มีความสุขค่ะ จริงๆ เราเพิ่งเคยเป็นสมาขิก web นี้ เป็นครั้งแรกนะ ดีจังเลยนะคะ เกิดมาตั้งนาน ไม่เคยได้เห็นในมุมนี้เลย มีเรื่องดีๆ ให้อ่านเยอะเลยนะ ตอนนี้กำลังอ่านเรื่องของพวกพี่ๆ ให้ครบทุกคน เลย ทำงานดีๆ ออกมาเรื่อยๆ นะคะ
28 สิงหาคม 2551 00:53 น. - comment id 101253
15.....สวัสดีน้องนู๋ pollygod โห.. มาซะดึกเชียวน๊า ยินดีต้อนรับเจ้าคะ อ่ะๆ ดอกไม้ๆๆ น้องเอ๋ย..ชีวิตคนเรามีหลากหลายเรื่องราวให้ค้นหา มีหลายหลากเวลาให้รอพบเจอ เพียงแต่ว่าเราจะเอาสิ่งไหนมาเขียน มาเล่าให้คนอื่นฟังไงคะ สิ่งไม่ดี ถ้าน้องเจอแล้วไม่มีความสุขก็อย่านำมาเขียนให้เศร้าหัวใจดวงน้อยๆเลยคะ สิ่งใดเขียนแล้ว ยิ้มได้ สุขกับเรื่องที่เราเขียน นั่นแหละ รีบทำเลยคะ คนอื่นคิดไง ไม่รู้นะคะ สำหรับฉางน้อยคิดแบบนี้จริงๆค่ะ ขอบคุณที่แวะทักทายนะคะ
28 สิงหาคม 2551 15:34 น. - comment id 101262
อยากไปเที่ยวมั่ง อ่านแล้วเห็นภาพออกเลยจ้า ว่าแต่เมื่อไหร่ว่าง ชวนชาวกลอนไปเที่ยวกันดีกว่า ค่ะ
28 สิงหาคม 2551 18:46 น. - comment id 101273
สวัสดีค่ะ คุณแก้วประภัสสร ไปง่ายนะคะ สวนสันติชัยปราการ มีรถเมล์ผานหลายสายคะ ไม่ว่า 53.. 32 ..33 เอ.. สายอะไรอีกน๊า อ่อ.. สายเสมอคะ แฮ่..แฮ่.. ก็ ฉางน้อยนัดพี่เมี่ยงคำทีไร ไปสาย...สายเสมอนี่น่า ให้พี่เมี่ยงรอทุ๊กกกที อิอิ ขอบคุณที่แวะทักทายนะคะ
2 กันยายน 2551 16:43 น. - comment id 101346
อ่านแล้วดีจังครับสำหรับคนมีความรักไม่รู้จะเขียนอะไร ให้บทกลอนนี้(ไม่ค่อยดีเท่าไหร่) ลองอ่านดูนะเผื่อจะเข้ากับเรื่องนี้ได้บ้าง หัวใจดวงดวงหนึ่งสีชมพู เฝ้าใคร่รู้ว่าธอนั้นอยู่ไหน จะดั้นด้นติดตามหาเธอไป แม้ต้องไร้ซึ่งชีวีมิเคยท้อ วิญญาณดวงน้อยๆจะยังคงคอยหารัก แม้นกายดับลับสิ้นเป็นผุยผง แต่รักนี้นั้นก็ยังมั่นคงต่อเธอ ด้วยใจดวงนี้จะไม่เปลี่ยนแปลง
2 กันยายน 2551 21:01 น. - comment id 101351
19.....ต๊ะเอ๋.. พี่เมี่ยงคำ เอ๊ย พี่คนไร้ร่าง เอ... พี่มาไงหว่า เดินทางมาถึงลิงค์นี้ได้ไงคะ มารถไฟ หรือ เรือเมล์ หรือว่า ลิเก ตำหนวด เอ๊ย ตำรวจๆ อิอิ แหะ..แหะ.. เหมือนไม่เกี่ยวกัน เนอะ ...หัวใจของฉันนี้...สีชมพู บอกให้รู้..มีเธอ..อยู่ข้างใน เก็บไว้..ลึกสุดก้นบึ้ง..ของหัวใจ ไม่ให้ใคร..ช่วงชิง..วิ่งราวได้... เอิ๊กกกกก...กลอนไรหว่า 5555 อ่ะๆๆ...พี่คนไร้ร่าง อย่ามาขโมยหัวใจนู๋น๊า ขอบอก หวงๆๆ อิอิ ขอบอก มีเจ้าของแล้วย่ะ เจ้าของสมุดบันทึกเล่มนั้นน๊า เจี๊ยกกกกก.... ไปแระ ..ไปเขียนเรื่องสั้น นิทานหิ่งห้อย เวอร์ชั่นพี่เมี่ยงคำดีกว่า แฮ่..แฮ่..