เจ้าตุ่น
พรหม ปกาศิต
เจ้าตุ่นเป็นสุนัขพันธุ์ทางเป็นลูกของนางกี้เป็นสุนัขพันธุ์ทางเช่นกันเจ้าตุ่นเกิดเมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2547 พร้อมกับพี่น้องร่วมครอกเดียวกัน 8 ตัวที่ใต้แคร่ข้างบ้านของน้าเจ้ากี้เป็นสุนัขที่น้าเลี้ยงเอาไว้พึ่งตกลูกท้องแรก ในชีวิตฉันไม่เคยเลี้ยงสุนัขที่เป็นของตัวเองเลย เมื่อเห็นเจ้าตุ่นครั้งแรกก็นึกรักอยากเลี้ยงเจ้าตุ่นน่ารักที่สุดในบรรดาลูกนางกี้ทั้งหมดทุกคนเห็นแล้วอยากได้ เจ้าตุ่นมีขนสีขาวนวลไปทั้งตัว เพศผู้ ที่น่าผากของมันมีสีแดงเรื่อเป็นจุดสะดุดตาคล้ายตัวตุ่นฉันจึงตั้งชื่อมันว่าเจ้าตุ่น เนื่องจากมีลูกหลายตัวทำให้นางกี้ผู้เป็นแม่ถึงกับผอมเพราะลูกๆทุกตัวดื่มนมเก่งทั้งนั้น ฉันสงสารเจ้าตุ่น จึงหานมมาเสริม ซึ่งก็ได้นมจืดที่เหลือจากเด็กๆดื่มนำมาให้เจ้าตุ่นครั้งแรกเทใส่ถ้วยให้ดื่มมันก็ไม่ค่อยดื่ม ฉันจึงไปซื้อขวดนมเด็กมาแล้วเอานมเทใส่แล้วให้เจ้าตุ่นดูดคราวนี้มันดูดจนเกลี้ยง
ไม่นานเจ้าตุ่นก็โต โตเร็วกว่าลูกทุกตัว และแล้วมันก็แยกจากนางกี้พร้อมกับหย่านมแต่มันยังชอบนมถุงอยู่และกินเกลี้ยงทุกครั้งที่ให้ซึ่งตอนนี้มันดื่มในถ้วยได้แล้ว ในครอบครัวของฉันทุกคนรักเจ้าตุ่นมาก เราแบ่งกับข้าวให้มัน โดยเฉพาะข้าวมันไก่ น้ำต้มไก่มันชอบมาก รวมทั้งอาหารที่มีมัน ประเภท ผัด ทอด เจ้าตุ่นกินจุมากมันกินอาหารวัน 2-3 มื้อ ทำให้มันร่างใหญ่กว่านางกี้ผู้เป็นแม่ประมาน 2 เท่า เจ้าตุ่นไม่ค่อยอยู่ว่างมันชอบหาอะไรมาแทะเล่นเช่น รองเท้าขาด กระดูก บางวันมันวางไว้บนแคร่ 2-3 ชิ้นก็มี เจ้าตุ่นรักฉันมากเมื่อฉันเรียกชื่อ มันจะกระดิกหางแสดงความรักตลอดแม้บางครั้ง
ทั้งที่ยังนอนหลับอยู่มันก็ทำเป็นลืมตานิดๆ กระดิกหางให้แล้วก็หลับต่อ เจ้าตุ่นจะมาเคล้าคลอเมื่อฉันกลับจากที่ไหนก็ตาม มันจะวิ่งมาต้อนรับ บางวันฉันก็พามันไปวิ่งเล่น ที่คูสระน้ำ นอกบ้าน ครั้งหนึ่ง ฉันไปหาไข่มดแดง เจ้าตุ่น ก็ไปด้วยฉันเข้าป่าไปนานเจ้าตุ่นพลัดหลง มันนึกว่าฉันกลับบ้านมันเลยกลับบ้านก่อน
เมื่อไม่เห็นฉันที่บ้านมันก็มารอที่คูหนองนอกหมู่บ้านเมื่อมันมองเห็นฉันอยู่คนละฟากหนองซึ่งมีความกว้างราวๆ 150 เมตร มันตัดสินใจลงลุยน้ำกะจะข้ามไปหาฉัน แต่แล้วด้วยมันยังอายุน้อยยังไม่ถึงขวบ มันลุยไปได้ประมาณ 50 เมตรมันคงคิดว่าไม่ไหวเลยตัดสินใจลุยน้ำกลับไปรอฉันที่ฝั่ง ฉันดีใจมากถึงแม้มันจะทำไม่สำเร็จแต่เห็นความตั้งใจของเจ้าตุ่นแล้วยิ่งรักมันมากขึ้น
เจ้าตุ่นไม่กัดคนเพียงแต่เห่าและขู่เท่านั้น วันหนึ่งแม่กับน้องของฉันมาที่บ้านฉันไม่อยู่บ้านน้องและแม่จะเข้าบ้านเจ้าตุ่นวิ่งมาขวางพร้อมกับแยกเขี้ยวขู่ จนทุกคนไม่กล้าเข้าบ้าน อีกสิ่งหนึ่งที่เจ้าตุ่นชอบเห่าและไล่เห่าคือ รถควายเหล็ก หรือรถอีแต๊กวิ่งผ่านบ้าน ซึ่งบางครั้งก็มีสุนัขขี่รถมาด้วยมันเห่าจนผ่านไปไกล รถโฆษณา มามันเห่าหอนจนแสบหู ตกกลางคืนมันนอนอยู่แคร่หลังบ้านคอยดูแลบ้านกับแม่ของมัน
แล้ววันหนึ่งเจ้าตุ่นก็ได้รับบาดเจ็บขณะที่มันข้ามถนน มีเด็กวัยรุ่นขับรถมอเตอร์ไซค์เฉี่ยวชนเข้าที่ ขาหน้าด้านขวาของมัน ฉันหายามาทาให้มันมันเจ็บร้องครางหงิงๆ มันเดินไม่ได้นอนไม่ถนัดฉันเอาหมอนรองให้มันนอนมันเดินกะโผลกกะเผลกอยู่เกือบเดือน แผลข้างในหายมันเดินวิ่งได้แต่กลายเป็นสุนัขพิการไปแล้วแต่มันก็ยังทำหน้าที่ของมันเหมือนเดิมทุกอย่าง ฉันยิ่งรักมัน บางครั้งฉันนอนหลับอยู่ที่นอนในบ้านข้างล่าง มันก็เอาหัวของมันมาถูที่เท้าของฉันทำให้ฉันตื่น
และแล้วสิ่งที่ไม่คิดไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น ประมาณเที่ยงวันที่ 11 เดือนธันวาคม พ.ศ. 2548ขณะที่ฉันกำลังเขียนหนังสือทำการบ้านอยู่บ้านตรงริมหน้าต่าง ขณะนั้นมีรถขายซาละเปาจอดเพื่อขายของให้แก่คนซื้อโดยที่ไม่สนใจว่าตรงนั้นอันตรายเพราะเป็นทางแยก 4 แยก ทันใดนั้นก็มีรถเก๋งขับมาโดยพระรูปหนึ่งก็เลี้ยวมาเจอรถคันที่จอดอยู่ข้างหน้าก่อนแล้วพระขับรถมาด้วยความเร็วหักหลบมาด้านซ้ายถึงริมถนนทันใดนั้นเสียงสุนัขสองตัวร้องจ้ากขึ้นทันใดซึ่งเจ้าของเสียงคือเจ้าตุ่นและสุนัขที่อยู่กับมันมาตั้งแต่มันยังเล็กรถทับเข้าตรงเชิงกรานเลยไปขาหน้าของเจ้าตุ่น สุนัขตัวแรกไม่เป็นอะไรมากมันตกใจคิดว่าเป็นฝีมือของเจ้าตุ่น มันแยกเขี้ยวกัดซ้ำเจ้าตุ่นทั้งที่มันเจ็บสาหัสเจ้าตุ่นฮึดสู้แล้วเดินโซเซพร้อมกับร้องครวญครางฉันคิดว่ามันคงไม่เป็นอะไรมากมันเดินไปนอนที่ข้างครัวของเพื่อนบ้านติดกัน สักครู่ฉันก็ได้ยินเจ้าของบ้านเรียกเด็กให้ไปเอาเจ้าตุ่นเพราะมันจะสิ้นลมแล้ว ฉันรีบเดินไปและบอกให้เด็กเข้าไปอุ้มและกำชับว่าระวังมันกัดเพราะมันเจ็บอยู่แต่แล้วภาพที่เห็น เจ้าตุ่นนอนแน่นิ่งเหลือเพียงลมหายใจผะงาบๆอยู่
ฉันอุ้มร่างของเจ้าตุ่นมาวางลูบหัวมันสองสามครั้งลมหายใจของเจ้าตุ่นก็หมดลงฉันตะลึงงัน ไม่เชื่อสายตา แล้วน้ำก็ไหลชะล้างลูกตาฉันอยู่พักใหญ่ ฉันปล่อยร่างของเจ้าตุ่นนอนแน่นิ่งไว้ฉันตั้งสติหาจอบ เสียม หาที่อยู่ให้กับเจ้าตุ่น ฉันเลือกที่ข้างบ้านขุดหลุมขณะแดดร้อนจ้า เหงื่อผสมกับ
น้ำจากลูกตาอาบหน้าฉัน ฉันขุดอยู่พักใหญ่ได้ความลึกประมาณ หนึ่งเมตรฉันวางจอบไว้ เดินไปหาเจ้าตุ่นอุ้มร่างของเจ้าตุ่นวางลงก้นหลุม แล้วเดินไปหยิบถ้วยที่เคยใส่อาหารให้เจ้าตุ่น พร้อมกับตักอารในตู้กับข้าวพร้อมข้าวใส่ลงไปในถ้วยวางไว้ตรงปากเจ้าตุ่น มันคงเป็นอาหารมื้อสุดท้าย จากนั้นฉันก็ขุดดินกลบจนมิดพร้อมอธิษฐานหากมีการเวียนไหว้ตายเกิดจริงให้เจ้าตุ่นไปเกิดเป็นคน
ฉันล้างมือล้างเท้าที่เปื้อนดิน และล้างหน้าที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตา ฉันนั่งคิดและทำใจอยู่นาน นึกถึงสัจพจน์ของพระพุทธองค์ ที่ว่า การพลัดพรากจากสิ่งที่รักนั้นเป็นทุกข์ ไม่คิดเลยจะมาเจอกับฉันเจ้าตุ่นพึ่งครบรอบ หนึ่งขวบเมื่อพฤศจิกายนที่ผ่านมานี่เอง แล้วมันก็จากโลกนี้ไปเสียแล้ว
อาลัย
ได้เลี้ยงดูรักใคร่ให้ความสุข คราวมีทุกข์เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา
เป็นเพื่อนเล่นหยอกล้อพอบรรเทา รักของเจ้าซื่อสัตย์จนมัดใจ
วันนี้ฉันขื่นขมระทมเศร้า คิดถึงเจ้ากลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหว
ตุ่นเพื่อนจ๋าอำลาเหลืออาลัย ฉันปวดใจเมื่อนึกถึงภาพเตือน
ทุกค่ำเช้าเอาข้าวให้กินจนอิ่ม ดูจะยิ้มเริงร่าคล้ายคล้ายเหมือน
กลับจากงานเดินคลอเคลียเข้าสู่เรือน คอยเป็นเพื่อนต้อนรับตลอดมา
จากนี้ไปไม่มีเพื่อนอีกแล้ว โอ้เพื่อนแก้วขอให้สมปรารถนา
ไปเกิดใหม่อธิษฐานขานวาจา กลายจากหมาเป็นมนุษย์ประเสริฐเทอญ
สุดรักสุดอาลัย