สำหรับเธอ ฉันอาจเป็นคนที่โฉดเขลาที่สุดเท่าที่เคยเห็น ฉันตื่นเต้นในความธรรมดา และเย็นชาในราคะทะยานอยากที่ควรมี เพชรพลอยที่ประดับบนหน้าฉัน จึงมีแต่กรวดทรายไร้ค่าและสิ้นราคา จะแลกหาความศิวิไลซ์ใดก็มิได้ ++ ฉันโฉดเขลา และจืดชืดจนหาความตื่นเต้นอันใดมิพบ ความสุขของฉัน จึงเป็นความเปล่าว่างที่เธอมิเคยสัมผัสได้ เหมือนลมหายใจ ที่ไฉนเลยจะรู้สึกได้ดีกว่ารูปรสที่ได้ลิ้มชิม ++ เมื่ออาทิตย์ลับฟ้า เสี้ยวเวลาก่อนพลบค่ำยังคงมีความหมายสำหรับฉัน ความรู้สึกฉันยังยืนยง พิสูจน์ความสัตย์ซื่อที่มีต่อลมหายใจแห่งนั้นเสมอ อาภรณ์ที่ระยับด้วยเก็จอัญมณีเลอค่า... ประดับงามบนร่างเธอ เธอผู้หมางเมินวินาทีแห่งหวัง และนึกชังเสี้ยววินาทีที่ยืนยงของฉัน ++ ราตรีที่อึกทึก กับความรู้สึกอันแจ่มจ้าของเธอ ทำลายความเป็น โคลัมบัส ของฉันจนสิ้น ความโฉดเขลาของฉัน กัดกินศรัทธาแห่งวาสนาที่เคยมี... พร้อมกับความรู้สึกไม่มีอะไรให้ค้นหา และสิ้นไร้นางฟ้าที่ฉันจะค้นพบ ++ ก่อนที่วินาทีแห่งความโศกดาย จะพัดฉันหายไป ณ มหาทะเลแห่งความเศร้า อาภรณ์ที่เธอสวมทับ ระยับวาบด้วยมณีประดับอันเลอค่า ใบหน้าอันสิ้นหวังของฉันสะท้อนสะทก ปรากฏฟ้องอยู่บนมรกตสีทอง หยาดน้ำตาแห่งความอาลัย เผยความทุกข์เทวษแทนอัญมณีระยับ ++ เพียงครู่เดียวแห่งความคิด เธอฉวยโอกาสนั้น สลัดดวงตาฉันทิ้งไปพร้อมกับความรักของเธอ ฉันหลุดลอยลงสายน้ำแห่งความโศกดาย ... ดิ่งลึกไปพร้อมกับมรกตสีทองที่เธอสลัดทิ้ง มิดมืดและเย็นยะเยือก จับขั้วหัวใจ ก่อนที่จิตสัมผัสฉันจะเลือนหาย วงหน้าเธอมีรอยยิ้มแรกที่ฉันเพิ่งเคยพบเห็น ฉันคือความโฉดเขลาที่สุดเท่าที่เธอเคยเห็น ฝันของเธอแย้มยิ้ม เผยสวยงามและแสนชื่นที่เคยมี ความกำสรดช่วยสวมเพชรอลังการลงบนเครื่องแต่งกายเธอ แต่งแต้มอยู่บนใบหน้าหมดจดและแสนซื่อ ++ ละครเศร้าปิดฉากลงแล้ว เสียงปรบมือมีให้แก่ผู้ทุกข์เทวษบนเวทีนั้น ทั้งผู้ซึ่งได้กล่าวคำอำลาสุดท้าย... และทั้งฉันผู้ซึ่งมิได้เอ่ยเอื้อนสิ่งใด ทั้งหมด และทั้งฉันผู้ซานซม ++ ฉันคือความโฉดเขลาที่สุดเท่าที่เธอเคยมี พระจันทร์ที่ ๒๑ กรกฎาค์ ๒๕๕๑ / แทนคุณแทนไท
21 กรกฎาคม 2551 09:12 น. - comment id 100642
ฉันเฝ้ามองท้องฟ้าไกลลิบ ผ่านหน้าต่างแห่งความเปลี่ยวเหงา เห็นเพียงสีเขียวคล้ำของขอบฟ้า กับความปรารถนาอันห่างไกล ฉันหมกมุ่นและครุ่นคิด แต่ไม่อาจระบายสิ่งที่อัดแน่นเต็มอก อ้างว้าง.. เหว่ว้า... น้ำตาแห่งความโง่เขลา.. หลั่งริน มายาของขอบฟ้า ลวงตาให้มองเห็นภาพอันสวยงามได้อย่างน่าอัศจรรย์เสมอ ๆ แต่เพียงชั่วครู่.. ก็เลือนหายไปอย่างโหดร้าย ไม่เหลือสิ่งใดให้เราได้สัมผัส.. โอบกอดได้.. ก็เพียงความว่างเปล่าเท่านั้น... เมื่อทุกสิ่งล้วนคือ ม า ย า... น้ำ ต า.. จึงยั่งยืน
21 กรกฎาคม 2551 19:13 น. - comment id 100653
งานรื่นเริงดั่งดวงตะวันยามเที่ยงวันร้อนแผดเผาจนเกรียมไหม้ แต่ราตรีกาลกลับทำให้เราหนาวเหน็บดั่งนกที่หลงรัง หวังคอยฝูงจะมารับในวันพรุ่ง ........
22 กรกฎาคม 2551 01:13 น. - comment id 100660
อ่านแล้วสวย เหมือนกำลังดูภาพเขียนมากกว่าอ่านตัวหนังสือเลยค่ะ (ทำได้ยังไง) ชอบมากค่ะ เขียนเรื่อยๆนะคะ จะตามอ่านค่ะ
22 กรกฎาคม 2551 09:17 น. - comment id 100666
แล้วฉันก็พบว่า แท้แล้ววันเวลาอันสุขชื่นสำหรับฉัน... คือฝัน ฝันที่แม้มีอาจจะคว้าได้ดั่งปรารถนา แต่ก็ฝันได้ดังปรารถนา ความฝันที่สัตย์ซื่อ มิเคยใจชืดปฎิเสธความโศกดายทั้งมวล... ที่ฉันมี ถึงแม้ว่า มายาแห่งฝัน จะจับต้องครองคะนึงมิได้ ไร้รูปสภาพ ให้ยึดถือ แต่มีนามสภาพให้ไขว่คว้าเสมอ... นิจนาน และนิรันดร์มา เมื่อเธอกล่าวคำอำลาแด่ฉัน สิ่งที่เหลือไว้สอนรอยอาลัย... คือนามสภาพที่ฉันครุ่นคิด... ครุ่นคิดถึงวันเวลาอันสุขชื่น อิ่มใจ และละไมหวาน.. ณ กาลนั้นที่ผ่านล่วง ภายใต้รัตติกาลอันมิดมืด เธอจึงยังแจ่มจ้าอยู่ในหทัยโศกของฉันเสมอ แม้ว่า... มายาที่ฉันสัมผัส จักมิอาจสมปรารถนาใดได้ในรูปสภาพนั้น แต่ฉัน... ก็จักยืนยันที่จักคิดถึงและคนึงหาเธอ ภายใน "นามสภาพ" สมมุติถึง ตลอดมา และนิรันดร์ไป ขอบคุณที่แวะมาครับคุณผู้หญิงช่างฝัน
22 กรกฎาคม 2551 09:23 น. - comment id 100667
เพียงเสี้ยววินาทีระหว่างวันอันยุ่งยากและซับซ้อน ยังมีเวลาประหวั่นถึงความรู้สึกที่โถมทับ สลับกับความอิ่มสุข และทุกข์โถม ในจิตพินิศถึงนั้น แม้เสี้ยวสั้น แต่นานเนิ่นพอให้มโนได้รู้สึกรู้สม เท่าที่ปรารถนาหวัง ขอบคุณที่แวะมาครับคุณ น.นิรัติศัย
22 กรกฎาคม 2551 09:32 น. - comment id 100668
สวัสดีครับคุณ นทธี ศศิวิมล ขอบคุณที่แวะมา และขอบคุณทุกถ้อยคำ เสมือนน้ำค้างในยามเช้าครับ เมื่อวานผมแวะไปอ่านเรื่องสั้นของคุณ จบรอบแรก ยังจำความรู้สึกที่เต้นระทึกได้อย่างพิกล มิรู้จะหาคำอธิบายความอย่างไรได้ อันที่จริง ผมมีความอดทนจำกัดที่จะจับจ้องตัวอักษรหน้าคอมพิวเตอร์นานๆ แต่เรื่องสั้นคุณกระตุ้นบางสิ่งในใจ จึงกลับมาอ่านซ้ำอีกครั้งในค่ำคืน และยังยังอิ่มสุขกับถ้อยรสคุณมิเปลี่ยน คงได้แต่หวังพึ่งคุณ ว่าว่างๆคุณจะเขียนเรื่องสั้นอีก เพราะผมมิเคยขบเขียนสิ่งที่เขียนได้ จะจำชื่อ "นทธี ศศิวิมล" ไว้นะครับ
22 กรกฎาคม 2551 13:58 น. - comment id 100670
มาแอบเศร้าแต่ตอนไหน..ไม่ทันเห็น ...ทำไมวันนี้เปรียบตัวเองเสียแบบนี้เล่า.. ความฝัน..ความรัก..ความรู้สึก นี่คือความโฉดเขลาได้ด้วยฤา..?? สงสัยอากาศร้อน....ฝนไม่ตก.. รสถ้อยดูตัดพ้อจริง... หรือเป็นอีกอารมณ์ที่ทดลองจินตนา..
22 กรกฎาคม 2551 14:45 น. - comment id 100672
๑ เห็นเธอมัวโศกเศร้า ว่าโฉดเขลาในความรัก ใจฉันนั้นแทบหัก ใยความรักทำกับเธอ ๒ อยากปลอบประโลมขวัญ แต่ต้องกลั้นใจเสมอ เกรงใครที่ทำเธอ เศร้าจนเพ้อเผลอท้อใจ ๓ อย่ามัวเสียใจเศร้า ความโฉดเขลาใช่เรื่องใหญ่ ตัดพ้อหัวใจใย เพียงบางใครตัดใจลา ๔ โลกเธอเคยสดสวย และโรยด้วยปรารถนา ใยขีดเขียนโรยรา ฤาปรารถนานั้นดับลง ๕ หลับตาเถิดที่รัก อิ่มอุ่นพักใจลุ่มหลง ลืมคนเคยมั่นคง ปลดใจปลงยามร่ำลา ๖ หัวใจเธองามจรด มิเคยลดปรารถนา ถ้อยรสจินตนา อย่าร้างลาน่าเสียดาย... อดไม่ไหวต้องมาอีกรอบ ขออภัยที่มาเสียยาว..
22 กรกฎาคม 2551 15:29 น. - comment id 100675
หากคนเราพูดว่าตัวเองต่างๆนานา ก็คลับคล้ายว่าต้องการปิดกั้นความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเองไม่ให้คนอื่นรับรู้ หรืออีกนัยหนึ่งคือแทนคำพูดสำหรับคนที่ต้องการปลอบหรือแสดงความเห็นใจเราว่า "อย่ามายุ่งกับฉัน" อันนี้วัดจากตัวเองอ่ะค่ะ
22 กรกฎาคม 2551 15:30 น. - comment id 100676
ปล. บทกลอน ยาแก้ปวด นี่ อบอุ่นจริงๆนะ
22 กรกฎาคม 2551 21:27 น. - comment id 100682
อาจเพียงแค่ใจเราที่เป็นผู้กำหนด ผู้ที่โฉดเขลาอาจคือคนเดียวที่ยืนหยัด อย่างผู้ชนะ ท่ามกลางความพ่ายแพ้และ หยาดน้ำตา ... จะมีประโยชน์อะไรที่ต้องโดดเดี่ยว เนาะ... เพราะงั้น ขอเป็น ผู้โง่งม อีกคนนึงละกัน ...............................................................
25 กรกฎาคม 2551 14:39 น. - comment id 100708
เสาร์หน้าเวลาดี... จะชวนไปใช้หนี้แผ่นดิน..