คำประกาศที่ท้าทายมนุษย์และเทวดาทั้งหลาย โดย สิริอัญญา 17 กรกฎาคม 2551 18:53 น. ข้าพเจ้าขอนอบน้อมบูชาพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น พระผู้เป็นศาสดาเอกของโลก ทรงเสด็จไปดีแล้ว ทรงมอบพระธรรมวินัยและพระสงฆ์สาวกเพื่อประโยชน์และความสุขของชนหมู่มากในโลก วันนี้เป็นวันแรม 1 ค่ำ เดือน 8 เป็นวันเข้าพรรษา และล่วงพ้นวันอาสาฬหบูชามาแล้ว 1 วัน ดังนั้นจึงยังคงประกาศพระธรรมคำสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้นต่อไปอีกวันหนึ่งตามที่ได้ตั้งใจไว้เดิม และวันนี้จะได้แสดงในหัวข้อเรื่อง คำประกาศที่ท้าทายมนุษย์และเทวดาทั้งหลาย การแสดงปฐมเทศนาของพระตถาคตเจ้าคือการประกาศสถาปนาพระพุทธศาสนาขึ้นในโลกเป็นครั้งแรก ทำให้พระรัตนตรัยบังเกิดขึ้นครบถ้วนเป็นครั้งแรกในโลก เมื่อทรงประณามและโค่นความติดยึดผิดๆ ในสังคมเก่า คือความติดยึดและหมกมุ่นอยู่ในทางสุดโต่งทั้งสองทาง คือทางสายตึงกับทางสายหย่อนแล้ว พระผู้มีพระภาคเจ้าก็ได้ประกาศการเมืองใหม่ คือทางสายกลาง หรือที่มีชื่อเรียกเป็นภาษาบาลีว่ามัชฌิมาปฏิปทา ทรงประกาศว่าทางสุดโต่งทั้งสองทางเป็นสิ่งที่ไม่ควรติดยึดข้องแวะเป็นอันขาด เพราะไม่ใช่ทางแห่งความหลุดพ้น ไม่ใช่ทางแห่งความรู้อันประเสริฐของมวลมนุษย์ ไม่ใช่ทางแห่งความดับทุกข์ และไม่ใช่ทางอันเป็นที่พึ่งอันประเสริฐของเหล่าสัตว์ นั่นคือการทรมานตนด้วยวิธีการใดๆ ก็ดี การเสพสุขอย่างเสรีแบบฉวยโอกาสแบบพวกริบบิ้นขาวก็ดี เป็นหนทางอันต่ำช้า ไม่ใช่หนทางอันประเสริฐในพระธรรมวินัยแห่งพระอริยเจ้า จากนั้นก็ทรงประกาศว่ามัชฌิมาปฏิปทาหรือทางสายกลางคือหนทางอันประเสริฐที่จะล่วงทุกข์หรือดับทุกข์สิ้นเชิงได้ เป็นทางรอดของมวลมนุษย์ทั้งหลาย ทางสายกลางที่พระพุทธองค์ทรงประกาศนั้นมิใช่การอ้างความเป็นกลางแบบฉวยโอกาสหรือการถือลัทธิตาอยู่ที่เจ้าเล่ห์แสนกลและปลิ้นปล้อนเพื่อฉกฉวยโอกาสจากความวิบัติฉิบหายทั้งหลายมาเป็นประโยชน์ตน มิใช่ความเป็นกึ่งกลางระหว่างตัวเลขทางคณิตศาสตร์ มิใช่ความเป็นกึ่งกลางระหว่างสีดำกับสีขาว หรือความผิดกับความถูก หรือความชั่วกับความดี และมิใช่ความเพิกเฉยไม่ไยดีกับความชั่วช้าเลวทรามใดๆ ที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้า และมิใช่ความยอมจำนนต่ออธรรม ต่อการข่มเหงรังแกและการกดขี่ขูดรีดทั้งปวง นั่นไม่ใช่ทางสายกลาง นั่นเป็นลัทธิยอมจำนน ลัทธิฉวยโอกาส หรือลัทธิเจ้าเล่ห์กระเท่ห์ที่ปลิ้นปล้อนหลอกลวงเท่านั้น ทรงประกาศอย่างองอาจว่าทางสายกลางประกอบด้วยองค์แปดคือสัมมาทิฐิ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ ทั้งแปดประการนี้ประดุจดั่งเชือกแต่ละเส้นที่ร้อยเกลียวกันเป็นเชือกเส้นใหญ่อันประกอบขึ้นเป็นมัชฌิมาปฏิปทา องค์ทั้งแปดแห่งมัชฌิมาปฏิปทานั้นคือความเห็นหรือความยึดถือชอบ ความดำริชอบ การกล่าววาจาชอบ การกระทำชอบ การประกอบอาชีพโดยชอบ ความพยายามโดยชอบ การรำลึกโดยชอบ และความมีจิตตั้งมั่นโดยชอบ คือมีความชอบหรือความถูกต้องอยู่ทุกองค์แห่งอริยมรรค แต่การใช้คำว่า ชอบ หรือ ความถูกต้อง ในทุกองค์แห่งอริยมรรคนั้น ท่านผู้รู้บางท่านโดยเฉพาะพระภิกษุฝรั่งที่เป็นสานุศิษย์ของพระอาจารย์ชาเคยแปลว่าคำว่า สัมมา ว่าไกลจากกิเลส และด้วยคำแปลนี้ก็จะมีความหมายอีกทางหนึ่งว่าอริยมรรคอันมีองค์แปดนั้นคือความเห็นที่ไกลจากกิเลสหนึ่ง ความดำริที่ไกลจากกิเลสหนึ่ง การกล่าววาจาที่ไกลจากกิเลสหนึ่ง การกระทำที่ไกลจากกิเลสหนึ่ง การประกอบอาชีพที่ไกลจากกิเลสหนึ่ง ความพยายามให้ไกลจากกิเลสหนึ่ง ความระลึกอันไกลจากกิเลสหนึ่ง และความมีจิตที่ไกลจากกิเลสอีกหนึ่ง ถ้าแปลอย่างนี้ก็อาจเข้าใจได้ง่ายขึ้น จะเลือกแปลอย่างไหนก็สุดแท้แต่อัชฌาสัย ขอเพียงให้เข้าใจคำว่า สัมมา ให้ตรงกันว่ามีความหมายอย่างเดียวกันกับคำว่า สัมมา ในคำที่ประกอบกันเข้าเป็นสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้นเถิด ดังนั้นองค์ทั้งแปดแห่งอริยมรรคจึงมิใช่ความเป็นกลางทางคณิตศาสตร์ มิใช่ความเป็นกลางแบบฉวยโอกาส หรือความเพิกเฉยด้วยการยอมจำนน หรือการทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ต่อสรรพสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ต้องเริ่มต้นด้วยความถูกต้อง ความชอบ หรือความไกลจากกิเลสคือ สัมมา ทั้งสิ้น เมื่อทรงประกาศประณามซากเน่าผุพังของความติดยึดในความเห็นสุดโต่งทั้งสองทาง และทรงประกาศทางสายกลางคือมัชฌิมาปฏิปทาแล้ว ก็ทรงประกาศอริยสัจสี่ที่ทรงค้นพบ ทรงประกาศว่าความจริงอันประเสริฐสุด 4 ประการ เป็นเรื่องที่เวไนยสัตว์ทั้งปวงพึงทำความรู้ พึงทำความเข้าใจ และพึงประพฤติปฏิบัติเพื่อความล่วงทุกข์ เพื่อความถึงที่สุดแห่งทุกข์ เพื่อความดับทุกข์ และเพื่อทำพระนิพพานให้แจ้ง ดังนี้แล้วก็จะเป็นเวไนยสัตว์ที่ประเสริฐ ไม่เสียทีที่เกิดมาชาติหนึ่ง ทรงประกาศว่าทุกข์อริยสัจคือความเกิดเป็นทุกข์ ความแก่เป็นทุกข์ ความตายเป็นทุกข์ ความพลัดพรากจากสิ่งที่รักเป็นทุกข์ ความประสบกับสิ่งที่ไม่รักเป็นทุกข์ ความปรารถนาสิ่งใดแล้วไม่ได้สิ่งนั้นเป็นทุกข์ โดยสรุปก็คือความติดยึดมั่นในรูป เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณเป็นทุกข์ ทรงประกาศว่าสมุทัยอริยสัจอันเป็นเหตุให้เกิดทุกข์ คือความทะยานอยากทำให้มีภพ เป็นไปด้วยความกำหนัด ด้วยความเพลิดเพลินในอารมณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นอารมณ์ใคร่หรือความทะยานอยากในความอยากมี อยากเป็น หรือความไม่อยากมี ไม่อยากเป็น หรือทั้งความอยากและไม่อยากใดๆ นี่แหละเป็นเหตุแห่งทุกข์ ทรงประกาศว่านิโรธอริยสัจหรือความดับทุกข์สิ้นเชิงนั้นมีอยู่ คือความดับสิ้นไปแห่งความกำหนัดโดยไม่เหลือตัณหาใดๆ ความสละตัณหา ความวางตัณหา ความปล่อยตัณหาและความไม่พัวพันในตัณหา คือความดับสนิทแห่งทุกข์ ทรงประกาศว่าอริยมรรคก็คือหนทางแห่งความดับทุกข์สิ้นเชิงก็มีอยู่ นั่นคืออริยมรรคอันมีองค์แปดนั่นเอง พระพุทธองค์ทรงประกาศว่าทรงเห็นแล้ว ทรงรู้แล้ว ทรงมีปัญญาเกิดขึ้น ทรงมีวิชชาเกิดขึ้นแล้ว ทรงมีความสว่างเกิดขึ้นแล้ว ในธรรมทั้งหลายที่ไม่เคยฟังมาก่อนว่าทุกข์อริยสัจเป็นอย่างนี้ ว่าทุกข์อริยสัจเป็นสิ่งที่พึงกำหนดรู้ และทรงกำหนดรู้ทุกข์อริยสัจนั้นแล้ว ทรงประกาศว่าสมุทัยอริยสัจนั้นทรงกำหนดรู้แล้วว่าเป็นอย่างไร และเป็นเรื่องที่ควรละให้สิ้นเชิง และทรงละได้สิ้นเชิงแล้ว ทรงประกาศว่านิโรธอริยสัจนั้นทรงรู้แล้ว และรู้ด้วยว่าเป็นเรื่องควรทำให้แจ้งและทรงทำให้แจ้งแล้ว ทรงประกาศว่าทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจหรือหนทางแห่งความดับทุกข์นั้นทรงรู้แล้วว่าเป็นอย่างไร ทรงรู้ด้วยว่าเป็นสิ่งที่ควรทำให้เจริญขึ้น บังเกิดขึ้นในตน และทรงเจริญอย่างเต็มเปี่ยมสมบูรณ์แล้ว ทรงสรุปว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ปัญญาอันรู้เห็นตามเป็นจริงแล้วอย่างไร ในอริยสัจสี่เหล่านี้ของเรา ซึ่งมีรอบสาม มีอาการสิบสองอย่างนี้ ยังไม่หมดจดเพียงใดแล้ว เราไม่ยืนยันว่าเราเป็นผู้ตรัสรู้โดยชอบ แล้วทรงประกาศว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็เมื่อใดแลปัญญาอันรู้เห็นตามเป็นจริงอย่างไรในอริยสัจเหล่านี้ของเราซึ่งมีรอบสาม มีอาการสิบสองอย่างนี้หมดจดดีแล้ว เมื่อนั้นเราจึงได้ยืนยันตนว่าเป็นผู้ตรัสรู้พร้อมเฉพาะ ซึ่งปัญญาเครื่องตรัสรู้ชอบ ไม่มีความตรัสรู้อื่นยิ่งกว่าในโลก ไม่ว่าในโลกแห่งเทพยดา มาร พรหม หมู่สัตว์ ทั้งสมณะ พราหมณ์ เทพยดา และมนุษย์ ทรงยืนยันต่อไปว่า ก็แลปัญญาอันรู้เห็นได้เกิดขึ้นแล้วแก่เราว่าความพ้นพิเศษของเราไม่กลับกำเริบอีก ชาตินี้เป็นที่สุดแล้ว บัดนี้ไม่มีภพอีก ความหมายก็คือทุกข์และสมุทัยหรือเหตุแห่งทุกข์นั้นเป็นสิ่งที่ต้องกำหนดรู้ด้วยปัญญาก่อนว่าเป็นอย่างไร เมื่อรู้แล้วก็รู้ต่อไปว่าเป็นสิ่งที่ต้องละเสีย และได้ละทุกข์และเหตุแห่งทุกข์ได้ นี่เรียกว่ามีปัญญารู้ด้วยรอบสาม คือรู้ว่าเป็นอย่างไร รู้ว่าควรละ และละได้แล้ว ความหมายก็คือนิโรธคือความดับทุกข์ และมัชฌิมาปฏิปทาอันเป็นหนทางแห่งความดับทุกข์นั้นเป็นสิ่งที่ต้องกำหนดรู้ด้วยปัญญาก่อนว่าเป็นอย่างไร เมื่อรู้แล้วก็รู้ต่อไปว่าเป็นสิ่งที่จะต้องทำให้เจริญขึ้นในตน และได้ประพฤติปฏิบัติจนเป็นมรรคผลบริบูรณ์ อาการสามรอบในจตุอริยสัจเป็นดังนี้ จึงทรงกล่าวว่า ปัญญาอันรู้เห็นตามเป็นจริงในอริยสัจสี่ของเราซึ่งมีรอบสาม มีอาการสิบสองอย่างนี้ เป็นอันหมดจด เป็นระบบ ครบถ้วนว่าเวไนยสัตว์ทั้งหลายที่เกิดมาแล้วย่อมมีหน้าที่ในการศึกษาและปฏิบัติเพื่อความรู้แจ้งด้วยปัญญาว่าทุกข์และสมุทัยเป็นประการใด รู้แล้วก็ต้องรู้ต่อไปว่าเป็นเรื่องที่ต้องละเสียให้สิ้นเชิง และประพฤติปฏิบัติให้ละหรือระงับดับได้อย่างสิ้นเชิงด้วย นี่เป็นการดับที่ต้นธารหรือดับสาเหตุของความทุกข์ การดับทุกข์และหนทางดับทุกข์เป็นเรื่องที่ต้องศึกษาและปฏิบัติเพื่อความรู้แจ้งด้วยปัญญาว่าเป็นอย่างไร แล้วรู้ด้วยว่าเป็นเรื่องที่ต้องเจริญให้บังเกิดมีขึ้นในตนและต้องประพฤติปฏิบัติเพื่อใช้หนทางแห่งความดับทุกข์นั้นดับทุกข์ได้สนิทสิ้นเชิง อริยสัจสี่จึงประกอบด้วยรอบสามและอาการสิบสองดังนี้ คำประกาศเหล่านี้ทรงประกาศยืนยันว่า นี่คือจักรแห่งธรรม หรือธรรมจักรที่ไม่มีจักรอื่นสู้ได้ พระพุทธองค์ทรงประกาศพระธรรมจักรนี้แล้วที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน แขวงเมืองพาราณสี ธรรมจักรนี้จักไม่มีสมณะ พราหมณ์ เทพยดา มาร พรหม และใครใดในโลกจะหมุนกลับให้เป็นอื่นไปได้ไม่ว่าในกาลบัดนั้น หรือในกาลบัดนี้ หรือในกาลไหนๆ คำประกาศดังกล่าวนี้จึงได้ชื่อว่าธัมมจักกัปปวัตนสูตร เป็นปฐมเทศนาแห่งพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น สิ้นคำประกาศ พระอัญญาโกณฑัญญะพี่ใหญ่แห่งปัญจวัคคีย์ได้ดวงตาเห็นธรรม คือเห็นด้วยปัญญาอันยิ่งว่าสิ่งใดมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นย่อมมีความดับไปเป็นธรรมดา ในพลันนั้นเทพยดาทั้งหลายในชั้นจาตุมหาราช ชั้นดาวดึงส์ ชั้นยามะ ชั้นดุสิต ชั้นนิมานนรดี ชั้นปรนิมมิตวสวัดดี เทพดาที่เกิดในชั้นพรหม ต่างพร้อมเพรียงกันเปล่งสาธุการบันลือลั่นสะท้านขึ้นไปทั่วทั้งหมื่นแสนโลกธาตุ บังเกิดแสงสว่างอันยิ่งไม่มีประมาณ ขอสาธุชนทั้งปวงที่ได้ทราบประกาศแห่งพระผู้พระภาคเจ้าพระองค์นั้นแล้วจงถึงซึ่งความสวัสดีและมีจิตอันเกษม ถึงซึ่งความไม่หวั่นไหวในโลกธรรมทั้งปวงเทอญ. http://manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9510000084319
20 กรกฎาคม 2551 20:52 น. - comment id 100626
ไม่คิดจะเขียนบทความหรือเรื่องสั้นเองหรือไร ?
20 กรกฎาคม 2551 21:09 น. - comment id 100627
แล้วจะลองเขียนครับ แต่ต้องขออนุญาตล่วงหน้าไว้อีก 1 บทความ เพราะเตรียมไว้ลงแล้วหลังเที่ยงคืนนี้ กำลังนี้จึงต้องขอความอนุเคราะห์ท่านผู้ดูแลระบบไว้ล่วงหน้าด้วยครับ
20 กรกฎาคม 2551 22:59 น. - comment id 100629
เป็นเพื่อนผู้ดูแลระบบ ก็ใช่ว่าจะได้สิทธิ์พิเศษนะ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับว่า สิ่งที่นำมาลง สมควรหรือไม่สมควรน่ะ การอนุเคราะห์จีงไม่อาจให้เป็นที่วาดหวังได้
20 กรกฎาคม 2551 23:15 น. - comment id 100630
งานนี้ สงสัยบทความที่เตรียมไว้ลงคงเป็นหมัน ก่อนแต่ง กำลังนี้คงทำได้แต่ภาวนาครับ
21 กรกฎาคม 2551 03:35 น. - comment id 100635
จริงๆตามกติกาก็น่าจะเป็นเรื่องสั้นที่เขียนเองใช่ไหมคะ แต่คุณก็ลงชื่อผู้เขียนจริงไว้ด้วยจึงไม่น่าผิดอะไรมาก(มั้ง) เรื่องนี้คงต้องรอผู้รู้มาว่ากันต่อไป แต่ที่คุณเอามาลงให้อ่านนี้มีประโยชน์และได้กุศลบังเอิญได้เปิดมาอ่านพอดี ขออนุโมทนาบุญก่อนแล้วกันนะคะ เข้าพรรษาแล้ว อย่าทะเลาะกันน้า
21 กรกฎาคม 2551 21:12 น. - comment id 100657
25 กรกฎาคม 2551 01:34 น. - comment id 100705
26 กรกฎาคม 2551 01:47 น. - comment id 100713
ขอให้กำลังใจกับเจ้าหน้าที่บ้านเมืองผู้ที่ยังมีหัวใจเป็นธรรม
26 กรกฎาคม 2551 02:27 น. - comment id 100716
ขอให้กำลังใจกับเจ้าหน้าที่บ้านเมืองผู้ที่ยังมีหัวใจเป็นธรรม ชมคลิปลิ่วล้อ สัตว์นรก สุดเถื่อน ไล่ขย้ำทำร้ายพันธมิตรอุดรฯ (มีใหม่อีก 3 ชุด) โดย ผู้จัดการออนไลน์ 25 กรกฎาคม 2551 01:59 น. http://manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9510000087426 28 ก.ค. 2551 14.00 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนัดฟังคำสั่งว่าจะรับฟ้องคดีหวยบนดินหรือไม่ อ่านต่อ http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9510000078347 30 ก.ค. 2551 10.00 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนัดฟังคำสั่งว่าจะรับฟ้องคดีรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร สั่งให้เอ็กซิมแบงก์ปล่อยเงินกู้ให้พม่าหรือไม่ อ่านต่อ http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9510000078347 31 ก.ค. 2551 9.00 ศาลอาญานัดนัดอ่านคำพิพากษาคดีคุณหญิงพจมาน ชินวัตรและพวกเลี่ยงภาษีหุ้น บ.ชินวัตร คอมพิวเตอร์ อ่านต่อ http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9510000078629 มหาวิทยาลัยราชดำเนิน http://manager.co.th
30 กรกฎาคม 2551 01:42 น. - comment id 100772
แฉ! หมอผีเขมรเตรียมทำพิธีกดดวงเมืองไทย 1 ส.ค.นี้ ช่วงสุริยุปราคา โดย ผู้จัดการออนไลน์ 29 กรกฎาคม 2551 16:16 น. ภาพพิธีบูชา มูระติในอุทยานปราสาทหินพนมรุ้ง คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น ศูนย์ข่าวศรีราชา - แฉหมอผีเขมรรวมพลังทำไสยศาสตร์กดดวงเมืองไทย ไม่ให้เงยหัวมาต่อกร ขอคืนเขาพระวิหาร และเกาะกูด ในวันอาถรรพ์สุริยุปราคา พระอาทิตย์อมจันทร์ 1 สิงหาคม 2551 แนะกลุ่มพันธมิตรฯ และประชาชนคนไทยช่วยแก้อาถรรพ์ ใส่เสื้อสีเหลืองพระราชาทั่วประเทศ ทำพิธีบวงสรวงขอบารมีพระสยามเทวาธิราช และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วย จะเกิดแสงสว่างลบล้างอาถรรพ์ วันนี้ (29 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวพิเศษประจำพื้นที่เขตทหารเรือ ได้รับการบอกเล่าจากแหล่งข่าวชายแดนไทย-กัมพูชา ผู้มีความใกล้ชิดกับบรรดาหมอไสยศาสตร์กัมพูชาว่า ในวันที่ 1 สิงหาคม 2551 นี้ ซึ่งตรงกับวันศุกร์แรม 15 ค่ำ เดือน 8 ตรงกับวันพระ ตามคำทำนายทางโหราศาสตร์ถือเป็นวันอาถรรพ์ คือ เป็นวันที่พระอาทิตย์อมจันทร์ หรือสุริยุปราคา จะเกิดขึ้นในเวลา 17.11 น.เป็นต้นไป และอาจจะกินไปจนถึงเวลา 21.00 น. ในเวลานี้จะมีหมอผีเขมรที่เก่งทางด้านดาราศาสตร์ ไสยศาสตร์ ลงมติกันว่า ถ้าจะทำให้ประเทศไทยอ่อนลงด้วยนานาประการ หรือเกิดความอ่อนแอทุกด้าน ทั้งผู้ครองประเทศ และกำลังสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คุ้มครองดูแลอยู่ในแผ่นดินไทย โดยคิดจะพากันขึ้นไปกระทำพิธีกดดวงประเทศ ดวงแผ่นดิน และดวงอำนาจ กลางใจปราสาทเขาพระวิหาร ในวันดังกล่าว ขณะที่เกิดพระอาทิตย์อมจันทร์ แหล่งข่าวได้แจ้งมาอีกว่า จะเชื่อหรือไม่ก็ตาม แต่พิธีกดดวงแผ่นดินไทย ดวงอำนาจทั้งหมดในประเทศไทย ในตอนเย็นของวันที่ 1 สิงหาคม 2551 นั้น จะเป็นพิธีหนึ่งที่ทางหมอผีเขมรคาดหวังว่า จะสามารถกดดวงเมืองของประเทศไทยได้ ทุกอย่างจะอ่อนแอทั้งหมด แม้แต่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่สถิตในแผ่นดินไทย ก็จะทำให้กัมพูชาสามารถทำอะไรได้มากขึ้น โดยเฉพาะการไม่ให้ประชาชนออกมาต่อต้านเรื่องของเขาพระวิหาร และ เกาะกูด รวมถึงดินแดนทางทะเลทั้งหมด และหากหมอผีเขมรทำสำเร็จ รับรองได้ว่าประเทศไทยอ่อนแอลงอย่างแน่นอน และจะไม่สามารถต่อสู้เรียกคืนแผ่นดินที่กำลังจะสูญเสียอยู่ในขณะนี้ได้ อย่างไรก็ตาม ยังมีวิธีแก้ไข ก็คือ การใช้สีเหลืองมาสยบ เพราะสีเหลืองเป็นสีแห่งความสำเร็จ สีแห่งแสงสว่าง และที่สำคัญ เป็นสีประจำองค์พระราชา ก็คือ พระราชาได้พระราชสมภพในวันจันทร์ และด้วยบารมีของพระองค์ท่านก็จะสามารถต่อต้านกับสิ่งชั่วร้ายได้ แต่ถ้าจะให้ดีประชาชนทั่วประเทศต้องช่วยกันแก้เคล็ด ด้วยการใส่เสื้อเหลืองในวันดังกล่าวตลอดทั้งวันจนกว่าพระอาทิตย์จะคายพระจันทร์ออกมาจนหมด และปฏิบัติตามประเพณี ก็คือ มีการตีปี๊บ ตีกะลา และส่งเสียงอึกทึกเพื่อให้พระอาทิตย์คายพระจันทร์อย่างรวดเร็ว และถ้ามีการร่วมจิตร่วมใจกันทำได้เช่นนี้ก็จะแก้อาถรรพ์ได้ระดับหนึ่ง โดยขณะนี้คนไทยไม่สามารถขึ้นไปบนยอดปราสาทเขาพระวิหารได้ แต่ชาวกัมพูชายังสามารถหาวิธีเข้าไปได้ กลุ่มแนวร่วมพันธมิตรฯ ที่อาศัยอยู่ในบริเวณนั้นต้องทำการสกัดกั้น หรือทำให้ไม่สามารถทำพิธีสำคัญนี้ได้ ขอให้กลุ่มพันธมิตรฯ ที่อยู่ในกรุงเทพฯ และสถานที่อื่นๆ ที่มีการรวมตัวกันนำ บายศรีเทพ บายศรีปากชาม น้ำ หวีห่าง หรือหวีเสนียด ดอกไม้ พวงมาลัยมะลิ และผลไม้มงคล ทำพิธีบวงสรวงขอพรอำนาจบารมีของ พระสยามเทวาธิราช เพื่อคุ้มครองแผ่นดินไทย และประชาชนชาวไทยทุกคน โดยต้องทำพิธีก่อนที่พระอาทิตย์จะอมจันทร์ ตอนนี้สามารถสกัดกั้นการทำพิธีได้ ก็คือ เวทีพันธมิตรฯ ที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ ต้องนำเรื่องนี้ออกมาตีแผ่ เพื่อให้กัมพูชารู้ว่าคนไทยรู้ถึงพิธีกรรมดังกล่าวแล้ว อาจจะทำให้พวกหมอไสยศาสตร์ลังเล หรือล้มเลิกพิธีดังกล่าวก็เป็นได้ เพราะคนไทยรู้ทัน ที่ผ่านมา แหล่งข่าวประเภทนี้ไม่เคยให้ข้อมูลผิดพลาด แม้แต่เรื่องที่มีกลุ่มขึ้นไปทำพิธีไสยศาสตร์และทำลายวัตถุโบราณที่อุทยานแห่งชาติปราสาทหินพนมรุ้ง แท้ก็จริงเป็นลิ่วล้อของนักการเมืองที่เชื่อในไสยศาสตร์ต้องการทำลายกำลังดวงเมือง ดวงพระราชา และดวงแผ่นดินให้อ่อนลง ซึ่งทางตำรวจสันติบาลทราบดีว่าเป็นกลุ่มนักการเมืองที่จ้างหมอผีไปทำลาย แต่ไม่กล้านำข้อมูลมาเปิดเผย เพราะเกรงอิทธิพลทางด้านการเมือง http://manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9510000089164 พันธมิตรฯจับตา 2 วันอันตราย 31 ก.ค.-1 ส.ค. ม็อบอัปรีย์จ้องป่วน โดย ผู้จัดการออนไลน์ 29 กรกฎาคม 2551 20:58 น. คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น สุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ สุริยะใส ชี้ ไม่เหนือความคาดหมาย กรณีลูกจ้าง.ศธ.ฟ้องศาลแพ่ง ให้รื้อเวทีพันธมิตรฯ เผย แกนนำรู้ทัน ยื่นร้องคัดค้านแล้ว เชื่อสามารถชุมนุมต่อได้ พร้อมยื่น ป.ป.ช.เอาผิดนักการเมืองชักใยเบื้องหลังม็อบถ่อยทำร้ายพันธมิตรอุดรฯ แนะจับตา 2 วันอันตราย 31 ก.ค.ตัดสินคดี เมียแม้ว หนีภาษีหุ้น - 1 ส.ค.เปิดสภาดันทุรังแก้ รธน.คาดม็อบอัปรีย์จ้องป่วน วันนี้ (29 ก.ค.) เมื่อเวลา 18.30 น.นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เปิดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนหลังเวทีการชุมนุม โดยระบุถึงกรณีที่ข้าราชการลูกจ้างกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ได้ยืนคำร้องต่อศาลแพ่ง โดยอ้างว่า ได้รับความเดือดร้อนจากการชุมนุมของพันธมิตรฯที่สะพานมัฆวาน ว่า เป็นสิ่งที่ไม่เหนือความคาดหมายมากนัก เพราะเป็นวิธีการที่ รัฐบาลหุ่นเชิด พยายามสกัดการชุมนุมมาโดยตลอด อย่างไรก็ตาม นายสุริยะใส กล่าวต่อว่า ครั้งนี้คงไม่ง่ายเหมือนกับกรณีที่ผู้ปกครองโรงเรียนราชวินิต เคยฟ้องร้องเมื่อครั้งก่อน เพราะว่าในครั้งนี้ทันทีที่เราได้ทราบข่าวเมื่อช่วงสายของวันนี้ ทางแกนนำพันธมิตรฯและทนายความได้ทำเรื่องคัดค้านและยื่นต่อศาล โดยชี้ประเด็นว่ากรณีดังกล่าวไม่อยู่ในขอบเขตอำนาจของศาลแพ่ง แต่อยู่ในขอบเขตของอำนาจศาลปกครองหรือศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากการพิจารณากรณีนี้ หากมีผลกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของประชาชนตามมาตรา 63 แห่งรัฐธรรมนูญ 2550 โดยเฉพาะสิทธิการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธ ในวันพรุ่งนี้เวลา 09.00 น.ศาลแพ่งจะอ่านคำสั่งว่าจะรับคำร้องหรือไม่ ซึ่งทางแกนนำพันธมิตรฯ และ นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความพันธมิตรฯ จะเดินทางไปให้ปากคำเพิ่มเติมด้วย ส่วนตัวรู้สึกมั่นใจว่า ศาลจะไม่รับคำร้องดังกล่าว เนื่องจากครั้งนี้เรามีคำคัดค้านดังกล่าวส่งไปด้วย เราเชื่อมั่นในข้อโต้แย้ง ซึ่งจะทำให้เราพิทักษ์สิทธิการชุมนุมได้ต่อไป นายสุริยะใส กล่าวด้วยว่า หากศาลมีคำสั่งให้ย้ายการชุมนุมทางพันธมิตรฯยังไม่มีแผนรองรับ ว่าจะย้ายการชุมนุมไปที่ใด แต่ขณะนี้ได้มีการศึกษาพื้นที่ไว้หลายสถานที่แล้ว เบื้องต้นพันธมิตรฯพร้อมน้อมรับคำสั่งศาลไม่ว่าจะออกมาในรูปแบบใด นายสุริยะใส กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช.ได้ตั้งอนุกรรมการไต่สวนผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี, ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุดรธานี และผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองอุดรธานี กับพวก ปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ปล่อยให้กลุ่มประชาชนจำนวนมาก พร้อมอาวุธหลายชนิด บุกเข้าทำร้ายประชาชนที่จัดชุมนุมต่อต้านรัฐบาล ณ บริเวณสวนสาธารณะหนองประจักษ์ ซึ่งมี นายวิชา มหาคุณ เป็นประธาน ตนยังไม่ทราบรายละเอียด แต่จากการสอบถามพบว่า อำนาจหน้าที่พิจารณาเจาะจงเฉพาะข้าราชการประจำ ไม่ว่าจะเป็นผู้ว่าราชการจังหวัด ฝ่ายปกครอง และตำรวจ ซึ่งเป็นไปตามมาตรา 88 ของกฎหมายว่าด้วย ป.ป.ช.ซึ่งในส่วนนี้ทางพันธมิตรฯ ได้ทำคำร้องเพื่อยื่นให้พิจารณาเพิ่มเติมเพื่อเอาผิดต่อข้าราชการการเมือง ซึ่งอาจมีบุคคลระดับรัฐมนตรีเป็นผู้สั่งการให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ซึ่งในคำร้องดังกล่าวระบุถึงความรับผิดชอบของนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย โดยในพรุ่งนี้เวลา 14.00 น.ทางแกนนำพันธมิตรฯจะเข้ายื่นคำร้องเพิ่มเต็มดังกล่าวต่อ ป.ป.ช.ทั้งนี้ โดยอ้างอิงอำนาจตามมาตรา 66 พ.ร.บ.ป.ป.ช.นอกจากนี้ ยืนยันว่า คงไม่ใช่แค่กรณีจังหวัดอุดรธานีเท่านั้น แต่รวมถึงความรุนแรงที่เกิดใน จ.เชียงราย มหาสารคาม และ ศรีสะเกษ โดยทางเราจะมีการทำบัญชีผู้ถูกกล่าวหาแนบไปด้วย ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ กล่าวอีกว่า การพยายามจะแก้ไขรัฐธรรมนูญในวันที่ 1 สิงหาคม หลังมีการเปิดประชุมสภาทางพันธมิตรได้มีการประกาศไปแล้วว่าจะนัดชุมนุมใหญ่ในวันเดียวกันเวลา 14.00 น.ซึ่งเป็นไปได้ว่า จะมี ส.ส.พรรคพลังประชาชน ยื่นญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญในวันดังกล่าว ซึ่งขอยืนยันว่า จุดยืนและข้อเรียกร้องของพันธมิตรฯ คือ การคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อฟอกผิดระบอบทักษิณ เราจึงจัดให้มีการชุมนุมใหญ่อีกครั้ง ส่วนรูปแบบในการชุมนุมจะมีการหารืออีกที แต่ในเบื้องต้นหากมีการเผชิญหน้า ทางเราได้มีการเตรียมการ และมีการปรับเปลี่ยนภายในพอสมควรแต่ยังไม่ขอเปิดเผย ตนเชื่อว่า ความรุนแรงที่กระจายตัวอยู่ต่างจังหวัดที่ผ่านมา สุดท้ายจะมาระเบิดที่ในกรุงเทพ โดยเฉพาะใน 2 วัน อันตราย คือวันที่ 31 ก.ค.- 1 ส.ค.นี้ ซึ่งในวันที่ 31 ก.ค.ศาลอาญาจะอ่านคำพิพากษา คดีเลี่ยงภาษีหุ้นชินฯ และในวันที่ 1 ส.ค.จะมีการเปิดสภาวันแรก และมีข่าวว่ามีการระดมพลมาเป็นจำนวนมาก นายสุริยะใส กล่าวอีกว่า ตนยังได้ข่าวจากข้าราชการกรมคุมประพฤติ ที่ให้ข้อมูลว่า ขณะนี้คนที่ติดทัณฑ์บนและมีคดีติดตัวได้หายตัวไปอย่างผิดปกติเป็นจำนวนมาก อาจมีการสั่งเข้ามาที่ส่วนกลางซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลที่ตนได้รับมาจากเครือข่ายแท็กซี่พันธมิตร เมื่อวานนี้ว่ามีผู้โดยสารพยายามซักถามถึงรูปพรรณสัณฐานของตน ที่พูดเช่นนี้ไม่ได้กลัว แต่จะชี้ให้เห็นว่า มีการพยายามจะก่อเหตุหรือไม่ เหมือนเช่นกรณีการทำร้ายประชาชน ที่หน้าห้างเซ็นทรัลเวิลด์เมื่อ 2 ปี ก่อน ซึ่งพบในภายหลังว่าผู้ที่ก่อเหตุเป็นคนที่ถูกหมายจับของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเป็นคนของมาเฟียที่มีอำนาจรัฐ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้พันธมิตรฯได้มีการเตรียมพร้อมเป็นพิเศษเมื่อ 2 วันก่อน ก็มีการควบคุมตัวคนที่เข้ามาก่อกวนได้ 10 คน ซึ่งพบหลักฐานชัดเจน อาทิ บัญชีการจ่ายเงิน ซึ่งระบุ สถานที่รับจ่ายเงินบริเวณหน้าศาล หน้า ม.ธรรมศาสตร์ หรือบริเวณหน้าป้ายรถเมล์บ้าง พร้อมกับเงินสดจำนวนหนึ่ง ทั้งนี้ได้ประสานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยตลอด นายสุริยะใส กล่าวย้ำอีกว่า ในวันชุมนุมใหญ่ หากมีการเผชิญหน้า ทางพันธมิตรพร้อมรับมือและอยู่ในกรอบของการชุมนุมหากต่างฝ่ายอยู่ในกรอบก็คงไม่มีปัญหา สำหรับบรรยากาศการชุมนุมของพันธมิตรฯ ในช่วงค่ำของวันนี้ ยังคงเป็นไปอย่างคึกคัก ในขณะที่มาตรการรักษาความปลอดภัยของทีมพันธมิตรฯก็มีการเตรียมความพร้อมอย่างเหนียวแน่น มีการจัดทำตาข่าย บริเวณท้ายของการชุมนุมบริเวณแยกมิสกวัน เพื่อป้องกันสิ่งของขว้างปาจากภายนอก นอกจากนี้ยังมีผู้เข้ามาบริจาคอุปกรณ์ป้องกันตัว อาทิ ไม้กอล์ฟ 1 ถุง และยังมีการเพิ่มไม้เบสบอลแบบที่ทำเองประมาณ 30 อัน http://manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9510000089339