หนูนอนไม่ค่อยจะหลับ...
แม่มดใจร้าย
เกือบห้าปีแล้วสินะที่พ่อของเธอจากไป เนื่องจากอุบัติเหตุ อุบัติเหตุที่นำมาซึ่งความสูญเสียของครอบครัว..
ลูกสูญเสียพ่อไปเมื่ออายุได้ไม่ถึงสองขวบ..
แม่ของลูกสูญเสียสามีไปด้วยวัยอันไม่สมควร..
และแม่สูญเสียลูกชายไปในเวลาที่ไม่สมควรเช่นเดียวกัน..
พี่และน้องสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก อย่างตั้งตัวไม่ทัน..
ความรู้สึกที่ว่าหัวใจหล่นวูบนั้น เป็นเช่นไร ก็รู้ซึ้งในคราวนี้..
น้ำตาท่วมอกเป็นเช่นไร ใครเล่าจะรู้ซึ้ง ถ้ามิได้พบพานด้วยตัวเอง..
ทุกปีที่ผ่านมา ความรู้สึกสูญเสีย ยังคงตราตรึงอยู่ในหัวใจ ...และทุกปี ความรู้สึกสูญเสียถูกตอกย้ำด้วยการทวงหนี้จากหน่วยราชการ
คำถามครั้งแรกที่เคยถามว่า คุณดูแลคนเจ็บดีหรือไม่..
คำตอบที่ได้รับคือ "เราดูแลคนเจ็บอย่างดีที่สุด"
แต่..สิ่งที่ได้รับรู้ จากบุคคลรอบข้าง บุคคลที่อยู่ในเหตุการณ์ ช่างตรงกันข้ามกับสิ่งที่ได้ฟัง
"คนเจ็บมาโรงพยาบาลได้อย่างไร มีใครแจ้ง"
"รถพยาบาลที่ออกพื้นที่ผ่านไปพบเข้า" นั่นคือคำตอบ
"มีใครดูแลคนเจ็บหรือไม่"
"ผมเห็นแต่คนมุงดู ส่วนคู่กรณีก็ยืนมุงดูรถตัวเองเช่นกัน"
โทรศัพท์สูญหาย และผู้ที่หยิบมันไป ยังเอาไปเปิดใช้หลายครั้ง ถึงแม้จะบอกว่า..คุณรู้มั้ยเจ้าของโทรศัพท์เขาเสียชีวิตไปแล้ว
หน่วยงานราชการติดต่อมาหลายครั้ง และนัดหมายให้มาคุย เมื่อบอกว่าไม่มา คำพูดที่ตามมาอีกก็คือ "งั้นผมฟ้อง"
"เชิญเถอะค่ะ ถ้าคุณอยากฟ้อง"
ผ่านไปเกือบห้าปี วันนี้เด็กอายุหกขวบ นอนเอามือก่ายหน้าผาก เมื่อแม่เล่าให้ฟัง..
แม่เห็นพฤติกรรมลูกชาย จึงถามว่า .."ลูกเป็นอะไร"
"หนูกลุ้มใจแม่ หนูจะเอาเงินที่ไหนไปใช้เขา เงินตั้งมากมายขนาดนั้น"
"ไปไหวพระกันไหมลูก"
"ดีแม่ หนูจะได้ขอพระว่า อย่าให้เขามาทวงหนี้หนู หนูไม่มีเงินให้เขาหรอก เงินในกระปุกหนูก็มีอยู่นิดเดียวเอง"
ความรู้สึกสูญเสียของเด็กตัวน้อย กับความกลุ้มใจที่เธอแสดงออก ใครเล่าจะรู้ซึ้งได้ดีเท่ากับผู้สูญเสียและถูกตอกย้ำ..