ชีพจรลงเท้าตั้งแต่เช้าจรดเย็น.. การทำงานของวันหยุด เป็นเรื่องปกติของชีวิต.. การเดินทางก็เป็นเรื่องปกติของชีวิต.. เสาร์ที่ผ่านมาจึงเป็นเรื่องปกติ ที่จะต้องเดินทางสู่ภาคตะวันออก.. แต่..เฮ้ย! ทำไมชีวิตต้องไม่ปกติ ด้วยเพลงพวกนี้ด้วยหว่า ก็ตั้งแต่เช้าจรดเย็นฟังแต่เพลงพวกนี้ จนต้องแอบถามใจตัวเองว่า ฟ้าลิขิตหรือเช่นไร.. เพลงลูกทุ่งกำลังฮิตก็เข้าใจ แต่ไยต้องเปิดเพลงซ้ำ ๆ กัน ซ้ำร้าย..แม้ขนาดเปลี่ยนรถ ก็ยังเปิดเพลงเหมือนกันจากรถคันก่อน.. เฮ่อ! ชีวิต.. แต่..ช้าก่อน ไม่ใช่ชีวิตไม่รื่นรมณ์ เพลงน่ะฟังได้เพียงแต่สงสัยว่าทำมั้ย ทำไม ใจพวกคุณช่างตรงกันขนาดนี้หนอ.. ลองเปลี่ยนฟากจากการนั่งรถยนต์ ไปโดยสารรถไฟ เพื่อเดินทางต่อ เพียงแต่ย้ายจากภาคตะวันออก มุ่งสู่ภาคใต้.. นานเท่าใดที่ไม่ได้ใช้บริการรถไฟไทย.. นานเท่าใดที่ไม่ได้นั่งรถไฟจากบ้านสู่กรุงเทพฯ.. หลายปีนักจนเกือบจะนับไหว.. รถไฟสายใต้ก็เคยใช้บริการเพียงหนเดียว จากกรุงเทพสู่สุราษฎร์ ครั้งนี้ยิ่งใกล้กว่า เพียงแค่จากกรุงเทพสู่ชุมพร.. ณ ชานชาลา รถไฟสามเสน.. กว่าจะมาถึงก็ทุลัก ทุเล นัดพี่ไว้ที่สามเสน แท๊กซี่บอกไปบางซื่อดีกว่า คุยกันไปคุยกันมาเลยต้องบอกว่า ไปสามเสนดีกว่า เพราะนัดกันไว้แล้ว.. ดีแล้วละที่มาสามเสน เพราะถ้าไปบางซื่อ ชีวิตจะได้รื่นรมณ์หรือเปล่าก็ไม่รู้ได้.. บทดนตรีเพลงเพื่อชีวิต.. โอ้ ชีวิตมีอะไรตั้งเยอะแยะ มีเกิดแก่เจ็บตายคล้าย ๆ กัน แต่สิ่งที่มีไม่เหมือนคือความฝัน อยู่ที่ใครจะล่ามันให้อยู่มือ..ฯลฯ ที่ดังคลอกับเสียงจอแจของผู้คน และสียงขบวนรถไฟที่มาเป็นระยะ ๆ ร้องขับกล่อมผู้โดยสารที่รอรถไฟ ณ ชานชาลาสามเสน จากชายนิรนาม..(เพราะมิทราบ) บทเพลงแล้วเพลงเล่า ที่ชายผู้นี้ร้องบรรเลง สร้างรอยยิ้มบนใบหน้าของผู้คนที่รอคอย แม้แต่ฉันเองยังยิ้มกับบทเพลงที่เขาขับกล่อม..จนถึงขั้นต้องแอบถ่ายรูปมา คนแล้วคนเล่าที่ฟังชายผู้นี้ขับกล่อม พร้อมที่จะหยิบยื่นน้ำใจไมตรีให้กับชายผู้นี้ ด้วยการให้น้ำ กาแฟ แม้แต่น้ำอัดลม รวมถึงเงินเล็กน้อยจากใจสู่ใจ.. พี่ ๆ ที่เดินทางด้วยกันถามว่า คนอื่นเขาฟังแล้วยังมีอะไรให้พวกเราละ ฟังอย่างเดียว.. ฉันเลยบอกกลับไปว่า เตรียมไว้แล้วละ รถไฟมาเมื่อไหร่ก็จะเดินไปให้ ความวุ่นวายเมื่อรถไฟมา ทำให้จำไม่ได้ว่าบทเพลงสุดท้ายที่ฟังนั้นคือเพลงอะไร แต่..เนื้อร้องเพลงหนึ่งที่จำได้กระท่อนกระแท่นระหว่างนั่งรอรถไฟ และชายผู้นี้ร้องให้ฟัง แปลได้ดังนี้ว่า.. "ความสุขที่ฉันขับกล่อม อย่าเห็นไม่มีความหมาย" ช่างตรงกับใจฉันยามนั้นที่ว่า.. "ความสุข ณ ริมทาง" ที่ไม่ต้องไปไขว่คว้าที่ไหน ไม่ต้องมีเวทีใหญ่ แม้แสงไฟก็มิต้องการ มีเพียงพื้นที่เล็ก ๆ เป็นเกร็ดตำนานกล่าวขาน สร้างความสุขในรอยทาง ที่มิอ้างว้างซึ่งผู้คน..
5 พฤษภาคม 2551 13:39 น. - comment id 100111
แหม..ได้เดินทางท่องเที่ยวไปไยต้องบ่นคะ อิอิ ป ว่าสามเสนน่ะดีที่สุดแล้วในบรรดาสถานี รถไฟแถบนั้น เวลาไปเที่ยว สิ่งที่ ป ชอบมากที่สุดคือนั่งริม หน้าต่าง แล้วมองทิวทัศน์ข้างทางระหว่าง ที่รถวิ่งไป ไม่ค่อยชอบลงไปเดินเท่าไรนัก เพราะไม่ค่อยถูกกะแดดร้อนจัดๆ พูดถึงรถไฟ ไม่ได้ขึ้นมานานมากแล้ว จนจำ ไม่ได้ว่าล่าสุดขึ้นไปไหนมา แต่เหมือนกะ นั่งรถยนต์คือชอบทิวทัศน์ข้างทางมากค่ะ
5 พฤษภาคม 2551 15:24 น. - comment id 100113
ขอปลื้มใจกับคนชีพจรลงเท้าที่ได้เดินทางไปเรื่อย ๆ ไม่จมปลักเหมือนคนบนเกาะ ที่ได้แต่นั่งบนโขดหินริมทะเล ซึ่งยังมีร่องรอยของ แฮมเบอร์เกอร์ชิ้นนั้นอยู่คับ
7 พฤษภาคม 2551 09:42 น. - comment id 100121
กานต์ก็เคยเจอชายคนนี้มาก่อนค่ะพี่แม่มด
7 พฤษภาคม 2551 14:03 น. - comment id 100124
คนที่เก็บเกี่ยวความสุขได้ในการเดินทางคือคนที่มองโลกกว้างเสมอค่ะ...คิดถึงนะคะ
13 พฤษภาคม 2551 14:28 น. - comment id 100179
คุณแม่มดครับ...เราอาจเคยเดินสวนทางกันแล้วก็ได้..ผมเดินทางกับรถไฟที่สถานีสามเสนเป้นประจำ..พบเห็นภาพเช่นนี้..ที่น่าประทับใจ. กับร้านหนังสือเล็กๆที่สถานีสามเสน..ร้านที่ผมไปเปิดหนังสือดูยามรอรถไฟ..บรรยากาศน่าเก็บเกี่ยวมากครับ...ว่างๆแวะมาอีกนะครับ..เผื่อเจอกัน..แต่หากไม่เจอ..ก็อยากฝากบอกคุณและทุกคนว่า..โชคดีในการเดินทางนะครับ..
13 พฤษภาคม 2551 20:26 น. - comment id 100185
น้องปราณรวี ไม่ได้บ่นหรอกค่ะ แต่มันเป็นเรื่องบังเอิญมาก ๆ ที่เพลงที่ฟังบนรถน้องกับเพลงที่ฟังบนรถแท๊กซี่นั้น เป็นเพลงเดียวกันหมดจนอดแปลกใจไม่ได้ค่ะ พี่แม่มดไม่ได้ดูธรรมชาติหรอกค่ะ เพราะมันมืดและก็เอาแต่นอนค่ะ..5555 พี่คนบนเกาะ ขอบคุณค่ะพี่ชาย แม่มดโชคดีที่มีโอกาสได้เดินทางค่ะ ได้พบ ได้เห็น และได้สัมผัสค่ะ น้องกานต์ ชายคนนี้ร้องเพลงเพราะมากค่ะ พี่แม่มดฟังจนยิ้มแก้มแทบปริ่ค่ะ คุณโคลอน ค่ะแม่มดมีความสุขค่ะ ยิ้มกับสิ่งที่เจอค่ะ คุณแมวคราว วันนั้นเราอาจจะเดินสวนกันจริงด้วยค่ะ แม่มดไม่ค่อยได้ใช้บริการรถไฟค่ะ แต่ทริปนี้บังเอิญค่ะ ดีใจที่ตัดสินใจถูก มาสามเสนดีกว่าที่จะไปบางซื่อ ไม่งั้นแทนที่จะสุขคงกับทุกข์ค่ะ ขอบคุณค่ะ โอกาสหน้าเราคงไม่ได้แค่เดินสวนกันค่ะ
14 พฤษภาคม 2551 16:20 น. - comment id 100199
แค่นี้โลกก้อสวยขึ้นมากแล้ว