กำแพง

gro_d

+ศิลา นักโทษที่ถูกจองจำอยู่ในเรือนจำพิเศษ หัวของเขาครุ่นคิดถึงโลกภายนอกตลอดเวลา จินตนาการถึงอิสระภาพที่เขาจะได้รับจากการออกไป อย่างกระจ่างชัด โลกแห่งอุดมคติที่ไม่ต้องถูกจองจำ เขาติดอยู่ในคุกแห่งนี้นานเท่าไหร่จำไม่ได้เสียแล้ว แต่มันนานพอที่จะทำให้เขาลืมอตีตที่เคยอยู่นอกกำแพงได้อย่างหมดจด
+เขาทุ่มเทเวลาทั้งหมดไปกับการ แผนการหลบหนี และ ใช้ช้อนเหล็ก ขูดผนังทีละนิดๆ ขนเศษอิฐไปทิ้งทุกเช้า จนบัดนี้ จากรูเล็กๆ ได้กลายเป็น อุโมงค์ลึก และกว้างพอสำหรับที่เขาจะมุดออกไปนอกห้องขังยามวิกาลได้
+หลังจากการวางแผนได้เสร็จสิ้นลง คืนนี้เป็นคืนที่เขาตัดสินใจที่จะหนีออกไปจากนรกแห่งนี้เสียที หลังจากสะเดาะโซ่ตรวนได้ เขาเริ่มมุดเข้าไปในอุโมงแคบๆที่เขาได้ขุดไว้ แล้วคืบคลานไปทีละนิดๆ ในหัวของเขาตอนนั้น มีความหวังที่จะสัมผัสกับโลกในอุดมคติที่เขาจินตนาการไว้ เพียงสิ่งเดียวเท่านั้น การคืบคลานไปอย่างช้าๆนั้น กว่าจะถึงจุดมุ่งหมายแรกก็ใช้เวลานับชั่วโมง
+เมื่อถึงจุดหมายแรก เขาก็พบกับห้องที่มีกำแพงสูงท่วมหัว พร้อมกับเส้นทางที่คดเคี้ยวราวกับเขาวงกต เขาตัดสินใจเดินย่องอย่างเงียบๆ เพราะกลัวว่าผู้คุมจะยินเสียงแล้วการหนีครั้งนี้จะจบลง เขาเบียดตัวกับผนัง และแทรกตัวไปในเงามืดอย่างช้าๆ ด้วยการวางแผนที่รัดกุม บวกกับความชำนาญพื้นที่ของเขาใช้เวลาไม่นานก็สามารถพ้นจากจุดนี้ได้ แต่เรื่องมันคงจะจบลงได้ง่ายกว่านี้ ถ้าหากว่าเขา ไม่โดนตะปูที่ผนังเกี่ยว จนผ้าขาดวิ่น ด้วยความบังเอิญ ผู้คุมนายหนึ่งได้สังเกตเห็นมันเข้า และได้แจ้งกับหัวหน้าเรือนจำ จึงมีการตรวจสอบตัวนักโทษ และบัดนี้ ทางเรือนจำได้ล่วงรู้ถึงการหายตัวของเขาเสียแล้ว
+เสียงสัญญาณดังขึ้น ผู้คุมวิ่งกันจ้าละหวั่น ไฟทุกดวงได้ถูกเปิด ภาพเรือนจำพิเศษในตอนนี้ สว่างราวกับกลางวันศิลาตกใจมาก แต่ไม่มีใครที่จะพรากความหวังของโลกภายนอก โลกในอุดมคติที่เขาใฝ่ฝันนี้ไปได้ เขาสังเกตว่าขณะนี้มีลมเป่าหัวของเขาอยู่ เมื่อแหงนมองขึ้นไปก็ได้เห็นช่องแอร์ที่อยู่เหนือหัวของเขา....
+ความมืดปกคลุมไปทั่วช่องแคบๆที่เต็มไปด้วยกลิ่นเหม็นอับ เสียงหายใจหอบเสียงหนึ่งได้คืบคลานอย่างช้าๆและตื่นเต้น สายตาคู่หนึ่งได้สอดส่องลอดทะลุ ช่องระบายอากาศออกมา สังเกตท่าทีของผู้คุมที่อยู่ภายนอก ภาพที่อยู่เบื้องหน้าของเขาก็คือผู้คุมสองนายยังกวาดสายตามองออกไปรอบๆ อย่างไม่ลดละ
+สายลมพัดอย่างแผ่วเบา น้ำทะเลสีฟ้าใส คลื่นลูกโตๆถูกพัดเข้าชายฝั่งเป็นจังหวะ พร้อมกับร่มเงาใต้ต้นมะพร้าวที่เย็นพอที่จะหลบแสงแดดอันร้อนแรงในตอนบ่ายได้ ศิลาได้นอนซดน้ำมะพร้าวน้ำหอมอย่างสบายใจ คิดในใจว่า ถึงเขาจะจำเรื่องราวเก่าก่อนของเขาไม่ได้แล้ว แต่ก็จะปักหลักอยุ่ในที่แห่งนี้ ดินแดนสวรรค์ที่เขาจินตนาการมาตลอด เขาหลับตาอย่างช้าๆรับลมแผ่วๆที่พัดเข้าชายฝั่ง ความมืดทวีค้นเรื่อยๆ กลิ่นเหม็นอับคละคลุ้ง รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ความปะหลาดใจทำให้เขาสะดุ้งตื่นขึ้นมา และได้พบว่า ตัวเองยังหลบซ่อนตัวอยู่ในท่อแอร์ ในคุกพิเศษ...
+โชคเหมือนจะเข้าข้างศิลา เมื่อตอนนี้ผู้คุมทั้งสองนาย ได้หายไปจากบริเวณนี้แล้ว เขาค่อยๆหย่อนตัวลงมาจากท่อแอร์ และลัดเลาะไปยังเส้นทางที่วางแผนไว้อย่างระวัง เขาผ่านจุดนี้มาได้แล้ว ภาพในอุดมคติของเขาใกล้จะเป็นความจริงขึ้นมาอีกหนึ่งก้าวแล้ว
+ท่ามกลางความมืด เขาวิ่งอย่างไม่คิดชีวิต กระโจนข้ามขดลวดหนามที่ได้วางเป็นแนวกันไว้ ทีละขดๆ ในใจของเขาเต้นดังราวกับเสียงกลอง เขาเห็นกำแพงสูงตระหง่านตรงหน้า ทำแพงที่เมื่อเขาข้ามมันไปได้ ก็จะพบกับสวรรค์ที่เขาฝันถึง แต่เขาก็ต้องรีบเพิ่มขึ้นไปอีก เมื่อเขาได้ยินเสียงของ สุนัข และผู้คุมตามมาข้างหลังไกลๆ พวกเขารู้ตัวแล้วว่าเขาออกมาได้ แต่ก็ยังไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน เขาวิ่งไปหลบในมุมมืดข้างกำแพงสูง ในหัวปั่นป่วน หาทางหนีรอดออกจาก จมูกของสุนัขเหล่านี้ เคราะห์ดี ฝนได้ตกลงมาในตอนนี้ราวกับฟ้ารั่ว หนึ่งในแผนที่เขาคาดคะเนไว้ ตอนแรกเขาเกือบจะหมดหวังกับดินฟ้าอากาศอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ถือว่าเทวดายังเห็นใจ เขาปีนกำแพงอย่างทุลักทุเล ด้วยฝนที่ตกนั้น อีกทั้งยังต้องหลบแสงไฟที่สาดส่องข้ามหัวไปมาอีกด้วย
+และแล้ว เขาก็ปีนขึ้นมาถึงขอบกำแพงได้ เขามองออกไปข้างหน้าก็พบว่าภาพทะเลที่เป็นอุดมคติของเขานั้นอยู่ไกลออกไป เมื่อเขามองเห็นกำแพงที่สูงใหญ่กว่าที่เขายีนอยู่นี้อยู่ชั้นนอกอีกสองชั้น เขายืนอึ้ง ตัวสั่น และชาไปทั้งตัว....
+ทุกอย่างขาวโพลน ตัวของเขาเบาหวิว หูของเขาอื้ออึง และ รู้สึกชาไปทั้งตัว หลังจากภาพสีขาวโพลนได้จางหายไปตอนนี้สิ่งที่อยู่เบื่องหน้าเขา ระยะห่างไม่ถึงหนึ่งศอก ก็คือพืนหญ้าที่แฉะไปด้วยน้ำและโคลน ตัวของเขายับไม่ได้ หลังของเขาสึกเจ็บ "เขาถูกยิง" ร่างของเขากำลังจะปะทะกับพื้นหญ้าข้างล่างนั่น เวลาเพียงเสี้ยววินาทีนั้น ความคิดทุกอย่างในชีวิตที่เขาพอจะจำความได้ ได้พรั่งพรูออกมาเรียงร้อยเป็นเรื่องราวอยู่ตรงหน้าเขา เขารู้สึกเหมือนลอยอยู่ในอากาศอย่างช้าๆ ก่อนที่ร่างกายจะปะทะพื้นทะเลสีฟ้าใส 
หาดทราย แสงแดด ต้นมะพร้าว และสายลม
+ทุกอย่างดับวูบไปราวกับปิดสวิตซ์ไฟ ร่างของเขากระแทกพื้นอย่างจัง กระดูก คอ แขน และซี่โครง หัก เขากำลังจะตาย เสียงสุนัขและผู้คุมวิ่งใกล้ตัวเขาเข้ามาทุกทีๆ สติที่กำลังจะดับวูบอยู่นั้น ได้รับรู้ว่า หลังจากที่ได้ฝ่าฟันมาเนิ่นนานและลำบาก อุปสรรค แล้ว อุปสรรคเล่าได้โผล่ออกมาอย่างไม่รู้จักจบสิ้น ถึงเขาจะมีแรงกำลังที่พอจะวิ่งไหว ก็ต้องเจอกับอุปสรรคที่อยู่ตรงหน้าอีกมากมาย นี่ คงเป็นจุดจบ จุดจบที่เขาไม่ต้องดิ้นรนทุกข์ทรมานอีกต่อไปแล้ว ...
แล้วสติอันเลือนลางนั้นก็ได้ดับลงอย่างไม่มีวันที่จะติดขึ้นอีก........				
comments powered by Disqus

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน